: ตอน ชะโงกทัวร์ที่เวียดนาม ภาค 2


ภาคต่อจากตอนแรก วันนี้จะพาเข้าถ้ำๆๆๆๆ

ซินจ่าวค๊า!! (สวัสดี ในภาษาเวียดนามค่ะ) วันนี้มีเรื่องท่องเที่ยวมาเล่าต่อจากภาคที่แล้วนะคะ...

 วันที่สองของการเดินทาง 

     กริ๊งงงงงงง....เสียงโทรศัพท์ปลุกดังกังวานปานเสียงจากนรก ไม่นรกไงไหว เมื่อคืนกว่าจะนอนก็ดึกดื่น เช้านี้ปลุกกันแต่ตี 5 บ้าเหรอ! คิกคิก (กำลังฝันว่าอั้นฉี่อยู่ในรถบัสเลยอ่ะ คิดดูยังตามมาหลอนถึงในฝัน ใครอ่านแล้ว งง ! ตามอ่านได้ที่ ภาค 1 จ้า!)

     หวยที่ออกวันนี้ 5 6 7  คนที่เคยไปทัวร์กับคณะทัวร์บ่อย ๆ คงพอจะเข้าใจความหมายของเลข 3 ตัวนี้ดี นั่นคือ ตื่นตี 5 กินข้าว 6 โมงเช้า ล้อหมุน 7 โมง ผู้เขียนก็ดำเนินตามกฎของชะโงกทัวร์เป๊ะ ๆ  ไม่ขาดไม่เกิน (มันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งเวลาไปเที่ยว ต้องตรงต่อเวลา คนอื่น ๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งรอเราไงคะ) 

     แหวกขี้ตาขึ้นมาอาบน้ำตอนตี 5 (นี่ถ้าอยู่บ้านนะ ไม่มีทางทำได้ยังงี้หร๊อก อิอิ ) รับประทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรม ก่อนจะไปแชะภาพอรุณรุ่ง มาฝากชาว G2K ซะหน่อย

อรุณรุ่งที่เวียดนาม 

      หน้าโรงแรมมีแม่น้ำไหลผ่านลงทะเลจีนใต้ ชื่อ แม่น้ำหยักเหล่  หยัก = วัน, เหล่ = หยดน้ำตา มีตำนานเล่าว่า เมื่อสมัยสงคราม มีผู้หญิงที่สามีไปเป็นทหาร นั่งรอสามีกลับจากสงครามวันแล้ววันเล่า เฝ้ารออยู่นานวัน สามีก็ไม่กลับมาเสียที ด้วยความเสียใจ น้ำตาจึงไหล หลาย ๆ หยดเข้าก็กลายเป็นแม่น้ำนี่เอง... จบ! (อันนี้ไกด์ชาวเวียดนามเล่าให้ฟังจ๊ะ ..เชื่อได้มั้ยเนี่ยยย...) 

แม่น้ำหยักเหล่ ที่ไหลผ่านหน้าโรงแรมที่พัก

     จากนั้น คณะทรหดทัวร์ก็เริ่มเดินทางต่อไปเพื่อเข้าชม ถ้ำฟองญา (PHONG NHA)  มรดกโลกแห่งใหม่ของเวียดนาม ที่นี่เวลาจะเข้าชมต้องล่องเรือชมความงามของแม่น้ำ SONG (ซ่อง...เวลาอ่านต้องลากเสียงยาว ๆ หน่อยจ๊ะ) ที่ไหลมาจากลาวผ่านถ้ำฟองญาลงไปสู่ทะเลจีนใต้ของประเทศเวียดนาม

ป้ายบรรยายความเป็นไปของ "ถ้ำฟองญา"   

เรือที่จะพาเราเข้าชมถ้ำ 

     ภายในถ้ำก็มีหินงอกหินย้อยเหมือน ๆ ถ้ำทั่วไปนั่นแหละค่ะ แต่ที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นตรงที่มีแม่น้ำไหลผ่านถ้ำยาวถึง เกือบ 7 กม.แน่ะ เรานั่งเรือจากฝั่งโดยใช้เครื่องยนต์เดินเรือจากฝั่งถึงปากถ้ำระยะทางไกลพอสมควร 2 ฝากฝั่งแม่น้ำก็มีชาวบ้านอาศัยอยู่เป็นระยะ ๆ   

     เมื่อมาถึงปากถ้ำซึ่งกว้างไม่มากนักและต่ำมาก ต้องอาศัยฝีพายเป็นหญิงชาวเวียดนาม คนคัดท้ายคอยค้ำถ่อเรือเป็นเด็กหนุ่ม พาเข้าถ้ำไปชมความงดงามของหินงอกหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ ตามจินตนาการของแต่ละคน

        

 สาวพายหนุ่มถ่อ

 ปากถ้ำฟองญา

เพดานตรงปากถ้ำต่ำมาก ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง 

     สวยงามประทับใจพอสมควร แต่ผู้เขียนถ่ายรูปไม่เก่ง กล้องดิจิตอลที่พกไป ก็ใช้เป็นแต่โหมดออโต้ ภายในถ้ำแสงไม่พอเลยถ่ายรูปความงามของหินฯ มาให้ดูไม่ได้ แหะแหะ แต่ไม่เป็นไรผู้เขียนแก้ตัวโดยการซื้อ โปสการ์ด ของถ้ำฟองญามาแทน ฮ่า ฮ่า สวยกว่าถ่ายเองแน่นอน เดี๊ยน รับรอง! ใครอยากดูยกมือขึ้นน..น.. ต้องเปิดประมูลซะแร้ววว อิอิ  

     ชมถ้ำกันพอหอมปากหอมคอ (แต่เหม็นขี้ค้างคาว ฮิฮิ) ก็กลับเข้าฝั่งไปทานอาหารเที่ยงกันที่ภัตตาคารแถว ๆ ฝั่งน้ำนั่นแหละค่ะ (เฮ้อ..รอเวลานี้มานาน) อืม....!! หมดเรียบอีกเหมือนเคย (ไม่รู้ตายอดตายอยากมาจากไหนเน๊าะ  ทัวร์คณะนี้ รู้นะคนอ่านหน่ะ แอบคิดอย่างนี้กันอยู่ คิกคิก!) ดูจากหลักฐานได้

    

     อิ่มแล้วก็เดินทางต่อไปยังเมืองเว้ เมืองมรดกโลกของเวียดนามตอนกลาง และราชธานีเก่าของประเทศ ระหว่างทางมีทุ่งนาเป็นพัน ๆ ไร่ มีทั้งที่เก็บเกี่ยวแล้ว และที่เริ่มปรับหน้าดินเพื่อปลูกต่อ

     เดินทางผ่านเส้นขนานที่ 17 ซึ่งเคยแบ่งเวียดนามออกเป็นเหนือและใต้ ในอดีต ที่นี่มีอนุสาวรีย์ที่ฝั่งเวียดนามใต้ เป็นรูปผู้หญิงอุ้มลูก ข้างหลังเป็นใบมะพร้าว ที่เป็นสัญลักษณ์ของเวียดนามใต้ เพราะมีเฉพาะที่เวียดนามใต้ เวียดนามเหนือไม่มี ความนัยของอนุสาวรีย์นี้คือ ผู้หญิงที่อุ้มลูกรอพ่อและสามีกลับจากไปรบที่เวียดนามเหนือ (เห็นมั้ย สงคราม ตัวทำลายความสุขของประชาชนโดยแท้ ก็ไม่รู้จะรบกันไปทำไม..เฮ้อออ..ออ.)

 ซุ้มประตูจากเวียดนามเหนือสู่เวียดนามใต้

 อนุสาวรีย์หญิงอุ้มลูกรอสามี ใบหยักแหลม ๆ คือใบมะพร้าว

อนุสาวรีย์ของทหารเวียดนามเหนือ 

     ผู้เขียนสังเกตจากเรื่องเล่าของไกด์แล้ว รู้สึกว่า ตำนานต่าง ๆ ที่เล่าขานกันมาของสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ หรืออนุสาวรีย์  มักเกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ จริง ๆ  

     ถึงเมืองเว้ เข้าชมพระราชวังไดนอย  พระราชวังโบราณที่เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์เหงียน ทั้ง 13 พระองค์ ซึ่งพระราชวังนี้สร้างตามแบบฉบับพระราชวังปักกิ่ง ในสมัยจักรพรรดิยาลอง จักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์เหงียน และที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิเบ๋าได๋ ได้สละราชสมบัติให้กับพรรคคอมมิวนิสต์ ในปี 1945 อีกด้วย ซึ่งเป็นยุคสิ้นสุดราชวงศ์เหงียน สำหรับประวัติบางส่วนของพระราชวัง ไดนอย อ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ จ๊ะ พระราชวังมีกำแพง 2 ชั้น

<p style="text-align: center"> </p> <div style="text-align: center"></div><p></p><p></p><p align="center"> ทางเข้าพระราชวังไดนอย </p><p><div style="text-align: center"></div></p><p align="center"> ประตูทางเข้าชั้นในเขตพระราชวัง</p><p>    พื้นที่ในพระราชวังกว้างใหญ่ แต่เสียดายที่ตอนนี้มีอาคารหลงเหลือจากสงครามเพียง 6 หลัง พระราชวังส่วนที่เคยเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิได้ถูกทำลายโดยเครื่องบิน B-52 ของกองทัพอเมริกัน ในสมัยสงครามเวียดนาม ทำให้เหลือแต่ซากพื้นและต้นเสาบางส่วน (สงครามเนี่ย แย่จังเลยนะมีแต่หายนะจริง ๆ) </p><p>     ภายในท้องพระโรงถ่ายภาพมาให้ดูไม่ได้ NO PHOTO จ้า ถึงถ่ายภาพไม่ได้แต่เพื่อชาว G2K ซะอย่าง ผู้เขียนก็ไปเสาะหามาให้จนได้แหละ อิอิ  นี่ไง..ง..ง..  </p><p><div style="text-align: center"></div></p><p align="center">ภายในท้องพระโรง</p><p style="text-align: center"></p> <p style="text-align: center">  พระราชบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิ</p><p>      ถึงตอนนี้แบตฯ กล้อง หมด อดถ่าย เฮ้ออ.. ยัยเบ๊อะเอ๊ย! เมื่อคืนง่วงจัดลืมชาร์จแบต เซ็งเป็ดเจง ๆ  </p><p>     กลับจากพระราชวังเข้ารับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคาร ROYAL PARK ซึ่งตกแต่งร้านอาหารเหมือนห้องรับประทานอาหารของจักรพรรดิ ทุกคนในคณะทัวร์แปลงร่างเป็น จักรพรรดิกับฮองเฮากันเป็นแถ๊วว.. อิอิ  จริง ๆ แล้ว จักรกระพ๊ง จักรพรรดิ หรือฮองเฮาไม่มีหร๊อก มีแต่หมู่เฮา ฮ่าฮ่า.. </p><p>     อิ่มแล้วก็ขึ้นเรือไปชมทัศนียภาพยามค่ำคืนในแม่น้ำหอม พร้อมฟังการขับขานเพลงโบราณจากคณะดนตรีชาวเวียดนาม อย่างที่บอก กล้องแบตฯหมด สมน้ำหน้าตัวเอง อยากเขกกะโหลกคนข้าง ๆ จริง อ้าววว..!! ฮือฮือ โฮโฮ เอาไว้รอคณะทัวร์ที่ไปด้วยกันส่งแผ่น CD รูปมาให้ก่อนนะจ๊ะ แล้วจะ Post รูป ให้ดูทีหลัง (ข้าน้อยขอสัญญา นะ..นะ..ให้อภัยกันเถอะหน๊า) นักร้องสาวบ้างไม่สาวบ้าง ร้องเพลงเพราะดีค่ะ มีร้องเพลงไทยด้วยนะ ที่จำได้ก็มีเพลง กุหลาบแดง ค่ะ (โอ้! กุหลาบแดง เป็นสื่อแห่งความร๊ากกก.. ราววว.. บุ๊ง บุ๊ง บุ๊ง (ดำน้ำ) ปลูกกุหลาบแดงไว้เพื่อเธอ เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก บ่งบอกความจริงที่ยิ่งใหญ่...บลา..บลา..บลา แหะ ๆ) </p><p>     ค่ำคืนดึกดื่นกลับไปนอนโรงแรม GREEN PARK VIEW โรงแรมเพิ่งสร้างเสร็จใหม่เอี่ยมอ่อง 4 ดาว (แต่สู้โรงแรมแรกไม่ได้แฮะ เรื่องความสะดวกสบาย) รับรองไม่มีผี..เหอ..เหอ.. </p><p>     จบไปอีก 1 วัน วันนี้นั่งรถเหนื่อยทั้งวันเหมือนเคย แต่ยังได้ขึ้นลงรถบ้างเป็นระยะ ไม่เหมือนวันแรก เลยไม่ค่อยมีเรื่องบ่นให้ฟัง สบายหูล่ะซี้คนอ่านหน่ะ อิอิอิ ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ เจอกันพรุ่งนี้  บาย </p><p>Note : ขอขอบคุณภาพถ่ายบางส่วนภายในพระราชวังไดนอย จากคุณ Chotto  ขอบคุณนะค๊าที่ช่วยชีวิตข้าน้อย… </p>

หมายเลขบันทึก: 151543เขียนเมื่อ 5 ธันวาคม 2007 14:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • ตามมาติดๆคะ น้องสตาร์ดัส
  • อืม อนุสาวรีย์ แปลกตามาก
  • ถ้าไม่บอกจะไม่รู้เลย ว่าเป็นใบมะพร้าว
  • เวียดนามผ่านความทุกข์มาเยอะ
  • คนรุ่นใหม่ของเขาจึงขยัน
  • หลายอย่างจึงล้ำหน้าโดยเฉพาะการศึกษา
  • เด็กเวียดนาม เบียดเด็กเราลงไปอยู่อันดับท้ายๆแล้วค่ะ
  • ขอบคุณที่ติดตามค่ะพี่สาวคนสวย P
  •  ตอน 3 ยังไม่ปฏิสนธิเลยค่ะ (พอดีงานเยอะค่ะช่วงนี้)
  • คนเวียดนามก็เหมือนคนจีนสมัยก่อนนั่นแหละค่ะ ขยัน อดทน อดออม
  • คนไทยหน่ะ ลืมแล้วล่ะ ความลำบาก สบายจนเคยตัว
  • เด็กไทยสมัยนี้ถึงได้ชอบแต่เรื่องบันเทิงเริงใจไงค่ะ ถ้าถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร กว่าครึ่งจะตอบว่า อยากเป็นดารา นักร้อง
  • ว๊า! บ่นเป็นคนแก่อีกแล้..อิอิ
  •   ถ้าทางถ้าฟองญาจะสวยไม่เบา  เป็นมรดกดลกด้วย  อยากได้โปสการ์ด  ทำไงดีล่ะ!

 

  • ป้าหมีจ๋า
  • อยากได้ postcard ต้องเอียงแก้มมาให้หอม
  • 4 ทีรวด จุ๊บ..จุ๊บ..จุ๊บ..จุ๊บ..
  • แล้วจะร่อน pc ไปให้ถึงบ้านเลย
  • สนใจมั้ยค๊า..อิอิ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท