มีเวลานำมาเล่าต่อจากตอนที่แล้ว
..........วันที่ 17 กันยายน2550 มีแฟกซ์หนังสือจากสำนักงานความร่วมมือ ฯ แจ้งว่าเราได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้รับทุน พร้อมทั้งเอกสารรายงานหลังจากเสร็จจากการสัมมนา อ้อ! มีหนังสือจากสถานทูตจีนแนบมาด้วย
ตอนนี้ก็ต้องเตรียมตัวไปพบเจ้าหน้าที่ สถานทูต คิดว่าเป็นอาทิตย์ปลาย ๆ เดือนกันยาฯ ต้องฝึกฟัง ฝึกพูดภาษาอังกฤษให้มากขึ้น แล้วต้องเตรียมเอกสารขอรับทุนไปต่างประเทศเผื่อไว้ด้วย เอกสารที่ว่าจะมีหนังสือสัญญาระหว่างข้าราชการที่จะไปต่างประเทศกับอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร หนังสือค้ำประกัน พร้อมทั้งใบลาไปต่างประเทศ เพื่อขออนุมัติตัวบุคคล (ต้องขออนุมัติปลัดกระทรวง ฯ โดยผ่านกรม ฯ) แบบฟอร์มทั้งหมดก็ Download จากเวปกรมฯ ได้
โทรหาคุณจางที่สถานทูต เพื่อนัดหมายอีกครั้ง ตกลงว่าเจอกันวันที่ 26 กันยายนประมาณ 10.00 น. ที่สถานทูต ถ. รัชดาภิเษก ตรงข้ามกับตึกทรู คุณจางย้ำว่าถ้ามาถึงหน้าสถานทูตแล้วให้โทรหาแล้วเค้าจะออกมารับ ไปถึงสถานทูตเกือบ 10 โมง รถจอดหน้าสถานทูต (ประตูใหญ่ปิด มีสิงโตหินตัวโตอยู่หน้าประตู โทรให้คุณจางมารับโดยเข้าประตูข้าง เข้าไปในห้องรับรอง (ไม่ได้เข้าไปในตัวตึกเป็นห้องเล็ก ๆ เชื่อมจากประตูเล็กเข้าไป)
เริ่มการสัมภาษณ์ (ภาษาอังกฤษ) ................. คำถามเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปเช่นทำงานเกี่ยวกับอะไร ที่ไหน ทำอะไรบ้าง หลักสูตรที่จะไปมีประโยชน์ต่อการทำงานหรือไม่อย่างไร ฯลฯ คุยกันไปเรื่อย ๆ ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง เราก็ตอบไปมั่วไปพูดซะเมื่อยมือไปหมดเลย หลังสัมภาษณ์เสร็จน้องเค้าถามว่ามีอะไรถามเค้ามั้ย อ้อ ลืมบอกไปว่าน้องจางพูดภาษาไทยได้และชัดเสียด้วยสิ เลยถามว่าเรียนมาจากไหน เค้าบอกเรียนจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เรียนประมาณ 3 ปีครึ่ง เป็นวิชาโท (โห !! เก่งจริง ๆ เราเรียนภาษาอังกฤษตั้ง 10 กว่าปียังพูดไม่ได้ขนาดเค้าเลย)
เสร็จแล้วก็ได้ตั๋วเครื่องบินของ China Southern Airlines ไปกลับเส้นทาง สุวรรณภูมิ-กว่างโจว-หางโจว ขาไปวันที่ 9 ตุลาคม ขากลับวันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 ความจริงสัมมนาเสร็จวันที่ 29 ตุลาคม ต้องกลับวันที่ 30 ตุลาคม แต่ที่ต้องกลับวันที่ 1 พฤศจิกายน เพราะตั๋วเครื่องบินจากกว่างโจว – สุวรรณภูมิ เต็มถึงวันที่ 31 ตุลาคม เนื่องจากที่กว่างโจวมีงานแสดงสินค้านานาชาติ น่ะ เลยไม่มีที่ว่างสำหรับเรา............. ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ รวมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เกือบ ๆ 45,000 บาท
อ้อ !! ลืมบอกไปอีกอย่างหนึ่งว่าการไปประเทศจีนถ้าใช้หนังสือเดินทางราชการ และอยู่ไม่เกิน 30 วัน ไม่ต้องขอวีซ่านะ
ก่อนไปต้องเช็คสภาพอากาศก่อนจะได้เตรียมตัวถูก เห็นน้องเค้าบอกว่าช่วงที่เราไปน่ะเป็นฤดูใบไม้ร่วงอากาศกำลังเย็นสบาย
เสร็จธุระจากสถานทูตต่อไป ก็ไปหาน้องเอื้อมที่กรม ฯ ฝากเอกสารไว้ให้น้องโป่ง(จากสำนักจัดการสินค้า ฯ ที่ได้ทุนนี้ด้วย) เดินเรื่องต่อ
เสร็จจากเรื่องเอกสาร คราวนี้ก็หันมาเตรียมตัวเองให้พร้อม เริ่มจาก List สิ่งที่ต้องใช้ จำนวน น้ำหนัก (กระเป๋าไม่เกิน 20 กก. ถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 5 กก.) เกือบลืม ต้องเตรียม Country Paper เพื่อนำเสนอด้วย แลกตังค์ไปด้วย ไม่มีเงินหยวน เลยต้องพกUS ดอลล่าร์
ไม่แน่ใจว่าที่พักจะเป็นไง โดยเฉพาะที่เข้าเล่าว่าห้องน้ำ ห้องท่า สุดยอดดดดดดด อาหารด้วย อ้อ ต้องเตรียมยาไปด้วยสิ แก้ไข้ แก้ปวด เกลือแร่ แล้วก็ยาฆ่าเชื้อ เผื่อเอาไว้
ใกล้วันเดินทางแล้วยังไม่ได้ขออนุมัติเดินทางเลย ผอ. ก็ยังไม่รู้เลยนะเนี่ยเพราะทุนนี้ด่วนจริง ๆ วันเสาร์ ที่ 6 ตุลาคม 2550 ต้องไปดัก ผอ. ที่สนามบินให้เซ็นอนุมัติพร้อมทั้งบอกกล่าวว่าเราไม่อยู่ประมาณเดือนนึง
วันเดินทางของเราคือวันที่ 9 ตุลาคม 2550 เที่ยวบิน CZ 0362 เวลาออก 11.05 น. เราต้องไปค้างกรุงเทพตั้งแต่วันที่ 8 กันเหนียวไว้ก่อน เอ้ ลืมทำไรอีกนะ........................... ไม่มีแล้ว อ้อ นัดหมายกับน้องโป่งว่าเจอกันที่สนามบินตอน 09.30 น. ที่สุวรรณภูมิ เอกสารอนุมัติตัวบุคคลจากกระทรวง ฯ จะถึงกรมฯ วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม 2550
เตรียมตัวพร้อมแล้ว .......................... พร้อมออกเดินทาง
ติดตามต่อ ในบันทึก การเดินทาง ในลำดับต่อไป
จาก น้อง เชียงใหม่ (ศิริลักษณ์ กมล)