อันความทุกข์จากความหนาว เกิดขึ้นจากอากาศเย็นที่มากระทบตัวร่างกายและการเสียไออุ่นจากร่างกายหายออกไป
เปรียบหนึ่งทุกข์จากความร้อนจากไฟแห่งกิเลสเป็นเปลวไฟอันร้อนยิ่งจากสิ่งภายนอก จากโลก จากสังคม จากเพื่อนมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยการเอารัด เอาเปรียบ แก่งแย่ง แข่งขัน ชิงเด่น ชิงดี เข่นฆ่า ทำลายล้าง อันจะต้องเข้ามากระทบ สัมผัสกับอายตนะทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
ประกอบกับความร้อนอันเกิดขึ้นจากภายในด้วยไฟแห่งราคา โทสะ โมหะ ความอิจฉา ริษยา ที่รุมเร้าเผาตัวเราให้ลุกไหม้ มีชีวิตอยู่ก็เปรียบเหมือนด้วยตายทั้งเป็น
การป้องทุกข์จากความหนาวภายนอกเราเสื้อผ้าห่มคลุม พร้อมกับที่อยู่อาศัยคอยเกื้อหนุนนั้นฉันใด
การป้องทุกข์ความร้อนจากภายนอกไซร้ เราต้องใช้ศีลอุโบสถมาห่อหุ้มร่างกายไว้ฉันนั้น
อาทิ การงดดูหนัง ละคร ฟ้อนรำ เป็นการตัดต้นตอแห่งกิเลส ตัณหา ราคะ รวมทั้งข่าวสารอันเลวร้ายที่ผู้ขายหวังเพียงรายได้จากความตื่นตระหนก วิตก และกังวลของผู้อ่านและผู้ฟัง โดยมิคิดถึงเบื้องหลังเมื่อรับรู้ และรับฟัง ก็เปรียบดั่งไฟนรกสุมในอกในทุกคราเมื่อยามนอน และเฝ้าตามหลอกหลอนแม้ยามตื่น
อีกหนึ่ง
การปกความอบอุ่นในร่างกายเมื่อพบเจอกับอากาศเย็นและหนาวมิให้หายออกไปด้วยผ้าก็ดี ด้วยที่อาศัยก็ดี ด้วยยาสารพัดต่าง ๆ ก็ดี ฉันใด
การปกปักรักษาจิตและใจให้สงบ เยือก และเย็นจากไฟแห่งกิเลสที่รุมเร้าภายใน ต้องใช้การปฏิบัติภาวนาด้วยลมหายใจ เจริญอานาปนสติ หายใจเข้าให้สบาย หายใจออกให้สบาย
แล้ว...เจริญเมตตา มีความกรุณา ยินดีด้วยมุทิตา วางเฉยด้วยอุเบกขา จะดับความร้อนภายในให้ดับลงอย่างสนิทไซร้ ฉันใดก็ฉันนั้น