อ่านข่าวจาก ผู้จัดการรายวัน ที่กรมการค้าภายในเชิญตัวแทนค้าปลีกไปร่วมร่างไกด์ไลน์ค้าปลีก แต่เข้าประชุมรายเดียว (คนอื่นไม่ว่าง !) ด้วยความเข้าอกเข้าใจ และสงสาร
ยักษ์ค้าปลีกแข็งข้อพาณิชย์ เมินร่วมถกไกด์ไลน์ค้าปลีก |
โดย ผู้จัดการรายวัน | 21 พฤศจิกายน 2550 08:16 น. |
อ่านจบแล้ว อดไม่ได้ตั้งคำถามทางวิชาการว่า เป็นไปได้เพียงใด ในการบริหารต้นทุนของสินค้าในการค้าปลีก ให้กลายเป็นศูนย์
คำว่า ต้นทุนศูนย์ หมายถึง ไม่ต้องออกเงินซื้อสินค้าเลยสักบาทเดียว แต่ขายได้ กำไรเก็บ
คำตอบคือ เป็นไปได้ครับ แม้จะไม่ง่ายนัก เพราะต้องตั้งต้นให้ใหญ่ยักษ์
สงสัยไหมครับ ว่าทำไม
คำตอบอาจอยู่ที่ความเข้าใจของเราในศัพท์ทางเทคนิคในข่าวนี้ เช่น ค่าธรรมเนียมแรกเข้า(เอนทรานซ์ ฟี) 2 แสนถึง 1 ล้านบาท ต่อหนึ่งสินค้า, การเรียกส่วนลดการขายตามปริมาณเป้าหมาย (รีเบต) โดยเฉลี่ยส่วนใหญ่อยู่ที่ 1% จากยอดขาย แต่มีบางรายเรียกเก็บสูง 5-6%, การประวิงการจ่ายเงิน ห้างค้าปลีกบางราย มีการจ่ายเงินให้ผู้ผลิตสินค้าต่างกัน เร็วสุด 30 วัน ช้าสุด 90 วันก็มี
ประเด็นเหล่านี้ ผู้ซื้อที่มีอำมหิตาจิต มักจะชอบ เพราะจะรู้สึกว่า ซื้อของได้ถูกลง "ตั้งหลายเปอร์เซนต์" แน่ะ แต่เบื้องหลังของถูกหลายเปอร์เซนต์เหล่านี้ คืออะไร ?
สมมติว่าผมเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าของสินค้า รายละ 1 ล้านบาท คูณรายการสินค้าทั้งห้าง (น่าคิดนะครับ ว่ากี่รายการ) นำมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนสร้างสาขา จ้างคน ได้สบาย ๆ รับมือกับต้นทุนคงที่โดยไม่ต้องจ่ายเอง
รีเบต เพิ่มมาร์จินกำไรขึ้นเป็นหลายเท่า โชวห่วยขายกัน 2-3 ชิ้น ห้างใหญ่ ขายได้ชิ้นเดียว กำไรดันเท่ากัน !
ยังไม่หนำใจ โชวห่วย ต้องเอาเงินไปจมเป็นปี แต่ห้างไม่ต้องออกเงินเลย มีของมาขาย ขายหมดก่อน เอาเงินไปหมุน ได้กำไรการขาย แถมผลตอบแทนจากเงินหมุน ก็ไม่มีต้นทุน
สะใจไหมครับ ?
โชวห่วย จึงกลายเป็น endangered species ด้วยเหตุผลดังฉะนี้ ฯ
สรุปแล้ว ...
ไม่ว่าง ! ....."เป็นคำตอบสุดท้าย"
ถูกต้องแล้วคร๊าบ !
สวัสดีครับอาจารย์
ต้นทุนเป็นศูนย์เป็นไปได้ครับ แต่อาจารย์อย่าลืมนะครับว่า scale ของร้านต้องใหญ่มากๆถึงมากที่สุด รวมไปถึงต้องมีประสิทธิภาพมากๆด้วยนะครับ
เพราะนั่นหมายความว่า อาจารย์จะต้องจัดการค่า overhead จากentrace fee อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งยากมากที่จะสามารถ cover variable costs หลายๆอย่างที่ใช้ในร้านค้า
ถ้าสมมติว่าเป็นไปได้นะครับ ผมคิดว่าลักษณะของร้านจะเป็นร้านเล็กๆแบบโชว์ห่วยหรือไม่ก็ 7-11 แต่มีพนักงานแค่คนเดียว แล้วพนักงานคนนั้นต้องทำงานเร็วเป็นสามถึงสี่เท่าของพนักงานในปัจจุบัน เพื่อสามารถดูแลร้านทั้งหมดได้โดยใช้คนน้อยที่สุด
ผมคิดว่ายากมากครับที่โชว์ห่วยจะตามห้างยักษ์ใหญ่ทัน ผมคิดว่าทางเดียวที่จะทำได้ คือโชว์ห่วยต้องใช้ความรู้ชุมชนมาใช้ครับ (ความเป็นมิตรกับคนในชุมชนนั่นแหละครับ) รวมไปถึงอาจจะต้องกำหนดโซนนิ่งกันด้วย
แต่ผมสงสัยอย่างนึงครับอาจารย์ เป็นไปได้ไหมครับที่โชว์ห่วยก็อาจจะได้กำไรจากส่วนต่างนี้ด้วย ผมไม่แน่ใจ และไม่รู้ด้วยว่ามีโชว์ห่วยกี่เจ้า ที่ไปซื้อของราคาถูกจากโลตัส คาร์ฟู แล้วเอามาขายที่ร้านตัวเอง
ถ้า ขอย้ำว่า ถ้านะครับ ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็วินวิน นะครับอาจารย์
ขอบพระคุณครับ
"ผมคิดว่ายากมากครับที่โชว์ห่วยจะตามห้างยักษ์ใหญ่ทัน ผมคิดว่าทางเดียวที่จะทำได้ คือโชว์ห่วยต้องใช้ความรู้ชุมชนมาใช้ครับ (ความเป็นมิตรกับคนในชุมชนนั่นแหละครับ) รวมไปถึงอาจจะต้องกำหนดโซนนิ่งกันด้วย..."
"แต่ผมสงสัยอย่างนึงครับอาจารย์ เป็นไปได้ไหมครับที่โชว์ห่วยก็อาจจะได้กำไรจากส่วนต่างนี้ด้วย ผมไม่แน่ใจ และไม่รู้ด้วยว่ามีโชว์ห่วยกี่เจ้า ที่ไปซื้อของราคาถูกจากโลตัส คาร์ฟู แล้วเอามาขายที่ร้านตัวเอง..."
สวัสดีครับ....อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านครับ...
ได้โปรดชี้แนะด้วยครับ...
เราสามารถแข่งขันกับร้านค้าปลีกยักษืใหญ่ด้วยกลยุทธ์อะไรได้บ้างครับ...
ขอมีส่วนร่วมด้วยนะคะ
อยากถามว่าโชว์ห่วยกำไรเฉลี่ยอยู่ที่กี่ % ของยอดขายคะ