ได้อ่านพบเรื่องดีๆในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเขียนเอาไว้ อ่านแล้วโดนใจมาก ทำให้ต้องหันกลับมามองตนเอง ซึ่งในตอนนี้มีเฉพาะแม่ คุณพ่อนั้นได้เสียชีวิตไปแล้วตอนที่ตัวเองนั้นยังไม่ได้งานที่ดีๆทำ ครอบครัวยังมีความยากลำบากเอาตัวเองไม่รอด ยังเสียดายวันเวลาที่ผ่านมาที่เคยพูดกับท่านว่าหากลูกได้ทำงานดีๆจะไม่ให้พ่อลำบาก ท่านชอบอ่านหนังสือพิมพ์ และดื่มชาในยามเช้า ท่านบอกว่าจะนั่งอ่านให้สบายแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ และให้หันกลับมาคิดใหม่ว่าตัวเรานั้นที่ผ่านมาไม่ได้เป็นลูกที่กตัญญูเท่าไหร่นัก
เชื่อว่าหลายๆคนที่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ นานๆครั้งถึงได้มีโอกาสกลับบ้านสักที เนื่องจากว่างานที่ทำลาบ่อยไม่ได้ (เป็นลูกน้อง) หรือเงินเดือนมีจำกัดแต่ภาระการใช้จ่ายมีมาก ใหนลูก ใหนเมีย ใหนค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกจิปาถะเงินเดือนแทบจะไม่ชนเดือน (และหลายๆคนคงเป็นแบบนี้ ) หากกลับบ่อยก็ค่ารถอีกคงแย่
นั้นหมายความว่าโอกาสที่ได้เจอพ่อ - แม่ จึงมีไม่บ่อยนัก ยกเว้นที่จำเป็นแถวบ้านมีงานที่ขาดไม่ได้ เช่นญาติเสีย หรือบวช และงานเทศกาลที่สำคัญเช่นวันสงกรานต์ บุญเดือนสิบ เป็นต้น ถึงตอนนี้ก็นับเป็นโอกาสดีได้ลากลับไปบ้านหลายๆวันติดต่อกัน
และมีหลายคนถือโอกาสนี้พูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ของพ่อ - แม่ แค่ไม่กี่คำ และพบญาติคนนั้น คนนี้ ก็พูดคุยกัน เจอเพื่อนๆที่นานๆได้กลับมาเจอะเจอและสังสรรกันตามประสา จนลืมวันเวลา
เพราะคิดว่า พ่อ- แม่อยู่ที่บ้านจะคุยเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนคนอื่น เพื่อนฝูงที่นานๆถึงได้เจอกันที ปล่อยไห้ท่านนั่งคอยลูกกลับมาพูดคุยกับท่านตามประสา อายุมากขึ้น มีลูกที่ตอนดูแล ถึงตอนนี้ลูกถึงอายุที่ต้องจากบ้านไป นังนึกถึงตัวเองก็เหมือนพ่อ - แม่ของเรา ต้องนั่งเหงาคนเดียว บางครั้งก็ต้องร้องไห้ออกมา เหมือกงกรรมกงเกวียนที่ต้องย้อนกลับมาหาเรา
แต่ในยุคปัจจุบันความทันสมัยมีมาก ความยุ่งยากนาๆนับประการที่ต้องกลับบ้าน จึงใช้วิธีการโทรศัพย์แทนการกลับไปหาท่าน
มาถึงเรื่องเล่าที่อ่านได้ความว่า มีคุณนายคนหนึ่งท่าทางเป็นคนจิตใจดี ไปทำบุญที่วัดกับท่านเจ้าคุณทุกวันในแต่ละวันจัดสำรับกับข้าวคาวหวานอย่างดี หลังจากนั้นก็นั่งสนทนาธรรมต่อ และเป็นประจำทุกวัน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนกระทั่งวันหนึ่งมีพระภิกษุซึ่งเป็นลูกศิษย์ในวัดรูปหนึ่งออกมาพูดให้ท่านเจ้าคุณฟังว่า คุณนายเป็นคนใจบุญสุนทานจริงๆ แต่จริงๆแล้วเป็นคนจิตใจคับแคบ มีแม่ที่แก่ชราปล่อยให้อดๆอยากๆ บ้านที่อยู่ก็คับแคบปล่อยให้อยู่หลังบ้านของตนเองที่ใหญ่โตหรูหรา อยู่กันอย่างสุขสบายอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันทันสมัย ผิดกับตอนที่มาวัดหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ยอมให้เดินทางไปใหนมาใหนเพราะอายที่มีแม่แก่ๆ
หลังจากนั้นท่านเจ้าคุณก็ได้ไปธุระแถวนั้นและได้แวะไปที่บ้านคุณนายและก็เหมือนเดิมคุณนายจัดสำรับกับข้าวคาวหวานอย่างดี ท่านเจ้าคุณก็ถามว่าพระในบ้านของโยมมีบ้างไหม คุณนายตอบว่ามี ดูแลอย่างดีทุกวันก่อนอื่นก็จัดอาหารอย่างดี ท่านเจ้าคุณ ตอบว่าไม่ใช่ อาตมาหมายถึง พระในบ้านคือพระที่มีลมหายใจ และเป็นแม่ที่มีพระคุณของโยมนะ มีไหม คุณนายนั่งนิ่งเงียบ ไม่ตอบ ท่านเจ้าคุณพูดต่อว่า คนเราทุกคนมีพระในบ้านทุกคน พระที่มีลมหายใจ บางคนมีพ่อ บางคนมีแม่และบางคนนับว่าโชคดีมีทั้งพ่อและแม่ซึ่งนับเป็นบุญอย่างมหาศาล
ใครมีเหลือเท่าไหร่ก็ควรเอาตาดู เอาหูไปใส่ท่านบ้าง ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ ปล่อยให้อดอยากๆ เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไมดูแลท่าน การจัดอาหารถวายพระได้ทุกๆวัน แต่พระในบ้านกลับไม่ทำ ไม่เคยจัดหาให้ อาหารที่โยมจัดให้อาตมาบอกตรงๆว่ากลืนไม่ลง หลังจากนั้นคุณนายหายไปและให้แม่ขึ้นอยู่บนบ้าน จัดห้องให้และดูแลอย่างดี
และนี้คือทำให้โดนใจ แล้วท่านละดูแลพระในบ้านดีแล้วหรือยัง ตัวเองนั้นแม้ไม่ได้ไปบ่อยๆก็จัดข้าวของให้หลานเอาไปให้แทน หากมีวันสำคัญก็ไปหาและกราบท่านขอพรนำของกินหรือสิ่งอื่นที่หาได้เท่าที่มีนำไปให้ ก็สบายใจแล้ว
ไม่มีความเห็น