ทำไมพูดภาษาอังกฤษเก่ง


ความเรียง ถึงมุมมองของชีวิต จากความสัมพันธ์กับโลก ที่มีต่อสังคมไทย คนไทย และสภาพแวดล้อมคนไทยโดยทั่วไป เมื่อเราถูกโลกกดดันให้ต้องพูดภาษาอังกฤษ บทหนึ่งแห่งการเรียนรู้ด้านภาษา บอกเราด้วยทักษะพื้นฐานและความสนใจ รวมทั้งถามถึงแห่งที่มีแห่งตัวตนของการใช้ภาษา ว่าเรากำลังใช้ภาษาใดสื่อสารระหว่างกัน

ทำไมพูดภาษาอังกฤษเก่ง

อ้างอิง - ภาพ http://www.lomography.com/folkways

ในโลกแบบไทยไทย

ภาษาอังกฤษกลายเป็นหนึ่งในภาษาท้องถิ่น

ยามที่เราต้องทำงาน พบปะพูดคุย สื่อสาร และใช้สอย

โดยเฉพาะสังคมเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต สมุย ล้วนคุ้นชินและใช้กันจนกลายเป็นความคุ้นหู หากเดินไปถามคนขับสามล้อ วินมอเตอร์ไซค์ คนขายของ ในละแวกสีลม ตรอกข้าวสาร และตามแหล่งย่านที่ฝรั่งเดินผ่าน

เราก็จะพบคำตอบว่า

ถึงจะพูดสำเนียงได้ไม่ชัดเจน ภาษาไม่งดงาม คำไม่สละสลวย เช่นเจ้าของสำเนียงในแต่ละชาติฝรั่งดั้งขอได้ แต่ขอให้ฟังออก ทำความเข้าใจ และสื่อสารให้ได้ ก็ต้องถือว่าสำเนียงภาษาอังกฤษของคนไทย อยู่ในระดับการสื่อสารที่ใช้ได้ ไม่ด้อยจนต้องเอียงคอฟัง ต้องนับว่าคนไทยก็ไม่นับว่าด้อยกว่าใคร

หรือหากใช้คำโฆษณา

ก็ต้องบอกว่า คนไทยไม่ด้อยกว่าชาติใดในโลก

ในเรื่องราวการพูดจาประสาคน ผมว่าคนไทยเรียนรู้ได้ทั้งนั้น

ยกเว้นประการเดียว คือจะไม่อยากรู้ ไม่อยากเรียนรู้หรือไม่อยากยุ่งเกี่ยว จึงไม่อยากพูดไม่อยากฟัง หรือไม่อยากสื่อสารกับฝรั่งในชาติใดใด ประการนี้ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเจ้าตัวไม่อยากรู้ แล้วใครที่ใดจะมาหาญกล้าทำให้เขารู้ได้

ก็เพราะความเป็นชาติอารีน้ำใจ

เงินบาทมูลค่าถูกเมื่อเทียบค่าเงินต่างชาติ

แผ่นดินที่มีอาหารการกินรอยยิ้ม และความประนีประนอม

จึงทำให้ดินแดนแห่งนี้ กลายเป็นสรวงสวรรค์ของคนต่างชาติมากมาย หลายกหลายภาษาสำเนียง มากกว่าผู้คนที่พูดภาษาอังกฤษได้เท่านั้น เพียงแต่ว่าภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษากลาง ที่ช่วยให้เราคุยกับคนบ้านอื่นเมืองอื่นได้ เราจึงต้องหันมาพูด หัดมาเล่าขานในภาษาประกิต

เพราะแม้แต่คนเวียดนามคนพม่า

ซึ่งมีการศึกษาดี เมื่อในยามคุยกับคนไทย

ก็ล้วนแต่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นฐานความเข้าใจเสมอ

เพราะไม่รู้จะสื่อสารเช่นไรได้ ในเมื่อต่างคนก็ต่างไม่รู้ภาษาของกันและกัน จะใช้ภาษามือก็พาลจะไม่เข้าได้ละเอียด แต่กลับรับรู้ว่าภาษาอังกฤษเหล่านั้นหมายความว่าอย่างไร ดังนั้นเพื่อไม่ได้ต้องมากความ ก็ใช้ภาษากลางก็สิ้นเรื่อง ความได้เรื่องจึงจะปรากฎ

นอกจากความสำคัญพื้นฐาน

ความตระหนักในโลกการแข่งขัน

ที่นำพาให้โลกนี้แคบลง จนเราต้องฟังโลกด้วยภาษาอังกฤษ

เรื่องราวของเด็กยุคใหม่จึงต้องหันมาพูดภาษาอังกฤษ ให้กลายเป็นภาษาที่สองภาษาที่สาม ไม่นับว่าหากพ่อหรือแม่เป็นคนต่างจังหวัด ก็ต้องเรียนสำเนียงเสียงท้องถิ่น ฟังออกฟังรู้เรื่องอาจพูดไม่ตรงสำเนียงเท่าใดนัก แต่ใช้ความหมายได้ หรือกระทั่งพ่อแม่เป็นคนจีน ก็ต้องหัดภาษาจีนเพิ่มเติม

ไม่นับว่า ในกลุ่มเพื่อนกำลังเห่อญี่ปุ่นเกาหลี

อาจต้องหัดพูดภาษาผู้คนย่านนี้

เพิ่มเติมเข้าไปอีกภาษา

โดยหากไม่ติดขัด ความสัมพันธ์และกรอบคิด ผมรับรู้เพียงว่าการเรียนรู้ภาษาอันแตกต่างมักทำให้เราเข้าใจวิธีคิดเพิ่มเติม กรอบคิดขยายเพิ่มขึ้น ความเข้าใจผู้อื่นที่มีมากขึ้นก็จะตามเราไปเป็นเง

หากไม่ยุ่งยากจนเกินไป

มีผู้ใหญ่บางคนสอนผมว่า ในทุกสิบปีของชีวิต

ให้เรียนภาษาใหม่ใหม่ เพิ่มเติมสมองและชีวิตของเราเสมอ

นอกจากเป็นการช่วยขยายความทรงจำ กระตุ้นการรับรู้ของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ยังช่วยทบทวนภาษาคนที่อยู่ในตัวเราได้ดี ทำให้เราสามารถรับฟังผู้อื่นด้วยความตระหนักรับรู้ มากกว่าฟังพอผ่านหู เพื่อไม่ต้องจับใจความ

 

การเรียนรู้จึงไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก

หากเราตั้งใจและเรียนรู้

ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งไปใช้ชีวิตช่วงมัธยมปลายและมหาวิทยาลัยที่นิวยอร์ค ซึ่งมักจะมีเรื่องเล่าขานประหลาดๆของชีวิต ให้ได้รับรู้เสมอ แม้ในปัจจุบันที่ย้ายมาอยู่เมืองไทย แต่ต้องเทียวไปเทียวมาสิงคโปร์ เขาก็มักนำเรื่องห่ามๆในชีวิต และเรื่องราวอันแตกต่างของภาษาวัฒนธรรม มาเป็นเรื่องเล่าในวงเหล้าเสมอ

ครั้งแรกที่เขาย่างเท้าผ่านบรองซ์

ด้วยท่าทางฮิปเต็มร้อย

ผ่านคนดำกลุ่มใหญ่ ซึ่งเดินเอียงคอโยกตัว หันมาพยักหน้าส่ายหัว ก่อนจะยกคำถามสุดฮิตของคนพบเจอ ถามว่า What's up man ? เพื่อนผมในฐานะเด็กไทย ผู้ชอบโดดเรียนวิชาภาษาอังกฤษ สมัยมัธยมต้น จึงเงยหน้ามองยอดตึกทันที ในฐานะที่เขารับรู้โดยพลันด้วยระดับภาษาประกิตดีเด่นว่า มันถามว่าข้างบนเป็นอะไร

หลังจากนั้นกว่าจะเรียนจบกลับมาเมืองไทย

เขาจึงเข้าใจว่าภาษาอังกฤษ

เป็นภาษาเคยชิน

เหมือนเราเคยชินภาษาไทย คุ้นชินสำเนียงต่างถิ่น หรือฟังออกฟังได้กระทั่งฟังแล้วพูดได้ดี ไม่ใช่เรื่องซึ่งควรตีความ แต่เป็นเรื่องที่ควรเรียนรู้ ศึกษาแล้วตระหนักด้วยตนเอง จึงทำให้เราพูดกับผู้คนได้ โดยไม่ต้องหวั่นเกรง

กิจกรรมหนึ่งในชีวิตที่เขาชื่นชอบ

นอกเหนือจากพูดคุยกับเพื่อน

เขาชอบกวนตีนฝรั่ง

โดยเฉพาะพบเจอฝรั่งซึ่งมาเมืองไทย แล้วไม่พยายามฟังคนไทยพูด ไม่ว่าจะพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทย หรืออังกฤษสำเนียงอเมริกัน หรือกระทั่งสำเนียงต่างๆ กระทั่งรำคาญใจว่าฝรั่งเหล่านั้น ไม่พยายามเข้าใจคนอื่น ดีอย่างเดียวคือพ่นภาษาอังกฤษเป็นไฟ เพราะรู้ว่าฟังไม่รู้เรื่อง

ครั้งหนึ่งขณะเดินย้ายร้าน

จากฝั่งถนนข้าวสารมาถนนพระอาทิตย์

เขาพบฝรั่งเมาคนหนึ่ง เดินถือถังใส่แสงโสมผสมน้ำแข็งโซดา

พยายามโวยวาย และโยกตัวกวนผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา เมื่อเห็นสมควรกับสถานการณ์ความรุ่มร่าม เขาจึงเข้าไปถามว่ามาจากที่ไหน จนได้รับคำตอบว่า

มาจากดวงจันทร์

 

หลังจากพูดคุยไปสักพักจึงรับรู้เพียงว่า ช่างเป็นฝรั่งที่เมามายไม่ได้สติ หรือพยายามกวนหาเรื่องแบบไร้สติ จึงพยายามจะเดินฉากออกมา เพื่อหาแหล่งร้านนั่งต่อ

หลังจากจับมือทักทายฝรั่งหาเรื่องได้แล้ว

เพื่อหาเรื่องเดินหนี

 

ฝรั่งเจ้ากรรม ก็ดันพูดคำชมด้วยมิตรไมตรีที่น่ารักมาก เมื่อสามารถคุยกับเจ้าของแผ่นดินคนไทย ได้อย่างถูกคอ ตามสำเนียงนิวยอร์คที่ตัวเองคุ้นเคย กระทั่งสามารถหัวเราะขำกลิ้งได้ในยามเมา และไม่สามารถหาคนคุยกับคนเมาได้มากนัก จนสรุปประโยคที่น่ารักออกมาว่า

เฮ้ย ยู พูดภาษาอังกฤษได้ดีนี้หว่า

ยูมาจากที่ไหนเหรอ

 

ในฐานะที่เพื่อนผม เก็บกดเรื่องราวความคับแค้นใจมานาน นับจากใช้ชีวิตในนิวยอร์ค กับประโยคทักทายของฝรั่ง ที่เหมือนลูกไหลเข้าทาง กะจังหวะซัดเต็มเหนี่ยวยิงเข้าประตูแบบไม่ต้องเลี้ยง เมื่อลูกบอลเข้าตีนแล้ว เขาจึงเฉลยแหล่งที่มาในชีวิต ให้ฝรั่งขี้เมาได้เข้าใจถึงที่มาของเขาว่า

มาจากดาวอังคาร วะ

 

หมายเลขบันทึก: 147772เขียนเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2007 04:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 07:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะคุณ kati

มาจากดาวอังคาร ! ทำให้เบิร์ดหัวเราะอย่างไม่ยั้งเลยล่ะค่ะ ^ ^

ในฐานะที่ความสามารถทางภาษาปะกิตของเบิร์ดตอนนี้เหลือเพียงแค่การอ่าน ( ร่วมกับการเปิดดิก ฯ) บันทึกนี้ทำให้เบิร์ดมีกำลังใจขึ้นเยอะค่ะเพราะอย่างน้อยก็บอกกับตัวเองว่าสักวัน..น่า

ว่าแต่การรู้ภาษาถิ่น..ถือว่าเป็นการเรียนรู้ภาษาเพิ่มเติมได้ใช่มั้ยคะ ?

 

  • สวัสดีครับ คุณเบิร์ด P
  • เป็นหนึ่งในมุมน่ารักของชีวิต
  • ที่ได้รับการบอกเล่าจากมิตรสหายครับ
  • พอรวมกับมุมมองในการเติบโตของชีวิต
  • ผมเลยรู้สึกว่า ยาขม ในการเรียนรู้ภาษาต่างๆรอบชีวิตเรา ล้วนเป็นเรื่องราวสนุกสนาน
  • พอคุณเบิร์ดเข้ามาทักทาย ต้องขอออกตัวก่อนครับ เพราะว่ายังไม่ได้ส่งการบ้าน ข้อเขียน จาก TAG ขอเวลาสักระยะนะครับ จะรีบส่งการบ้านที่รับมา
  • ผมว่าการฝึกมุมคิดหนึ่งในชีวิต
  • คือการมองโลกของภาษาด้วยความสนุกสนาน
  • ดังนั้น ผมคิดว่า ภาษาถิ่น มีคุณค่าเท่าเทียมกับภาษาต่างประเทศทั้งหลาย
  • เพราะทำให้เราได้เรียนรู้ ความสวยงามของคำ ความงดงามของวิธีคิดในแต่ละภาษา กระทั่งการมองเห็นความหมายของชีวิต ผ่านคำแต่ละภาษา
  • ยืนยันครับว่า การเรียนรู้ภาษาถิ่น เป็นหนึ่งในการเรียนรู้ภาษาเพิ่มเติมจริงๆครับ
  • ทุกวันนี้ ผมก็พยายามจะเรียนภาษาต่างๆเพิ่มขึ้นครับ
  • ขอสักหลายปีหน่อย ก็อยากจะเรียนภาษาสเปนครับ กำลังรู้สึกว่า เป็นภาษาที่สำเนียง น้ำเสียง สูงต่ำน่าสนใจครับ
  • ขอบคุณ คุณเบิร์ด อย่างมากครับ
  • สำหรับการเยี่ยมเยือน
  • ขอบคุณครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท