สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ขอขอบพระคุณมากที่ได้เยี่ยมเยียน ฉบับนี้เป็นกล่าวถึงความรู้การส่งเสริมการเกษตรของท่านเกษตรจังหวัดชัยนาท (นายรังสรรค์ กองเงิน) มาจากส่วนกลางสู่ภูมิภาคเพื่อนำวิชาการสู่เกษตรกรเล่าให้ฟังเมื่อ่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2550 นั่งล้อมวงที่ฝ่ายยุทธศาสตร์และสารสนเทศ เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้แนวคิดของการส่งเสริมเกษตรสู่เกษตรกร คือการเปลี่ยนแนวคิดและการปฏิบัติลดการใช้ปุ๋ยเคมีของเกษตรกร “เราเป็นนักส่งเสริมการเกษตร ถ้าเราเห็นพี่น้องเกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมีอย่างผิดวิธีที่มากเกินไป ต้นทุนการผลิตที่สูง แล้วเราไม่พยายามเปลี่ยนความคิดและการปฏิบัติของเขา แล้วใครจะเป็นผู้เข้าช่วยเหลือเกษตรกร
ดังนั้น เราจะต้องพยายามนำความรู้สู่เกษตรกรโดยให้เขสามารถวิเคราะห์เป็น ทำเป็น”จากโครงการนำร่องบูรณาการส่งเสริมการผลิตข้าวอย่างยั่งยืนในเขตชลประทานภาคกลาง ปี 2550 จังหวัดชัยนาทจำนวน 6 ศูนย์ 3 อำเภอคืออ.เมือง อ.สรรพยา และ อ.สรรคบุรี ได้เข้าร่วมโครงการ เป็นโครงการหนึ่งที่ท่านเกษตรจังหวัดชัยนาท(นายรังสรรค์ กองเงิน” ได้ดำเนินงานเมื่อครั้งอยู่ที่กรมส่งเสริมการเกษตรก่อนไปอยู่จังหวัดชัยนาท ได้นำประสบการณ์เล่าสู่กันฟังว่า การใช้ปุ๋ยกับข้าวที่ผ่านมายังไม่ค่อยถูกต้องตามที่ควรจะเป็น ซึ่งอาจมีทั้งให้ปุ๋ยมากไปทำให้สิ้นเปลือง หรือใช้น้อยไปจนไม่ได้ผลผลิตที่เหมาะสม เหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะใช้ปุ๋ยกันตามความเคยชินและไม่ได้อิงอยู่บนหลักความจริงที่ว่าต้นไม้แต่ละชนิด ดินแต่ละอย่าง ต้องการปุ๋ยมากน้อยแตกต่างกัน แต่การที่จะรู้ว่าพืชชนิดใดต้องการปุ๋ยเท่าไร และในดินแต่ละอย่างควรจะใช้ปุ๋ยอย่างไร ก็ต้องมีการเก็บดินมาตรวจวิเคราะห์ดิน และใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าของดินจะสามารถลดต้นทุนได้มาก แต่ถ้าบอกว่าต้นทุนลดลงได้ แต่ผลผลิตจะไม่ลดลงหรืออาจเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำไปนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก และหาคนเชื่อคำดังกล่าวน้อยมากนอกจากจะต้องสาธิตให้เห็นกับตา จึงดำเนินงานจัดทำแปลงทดลอง โดยการดำเนินงานได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ส่งเสริมการปลูกข้าวนาปรังเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวอาสาเข้ามาร่วมโครงการและเก็บข้อมูล ส่วนอื่นก็ใช้ปุ๋ยไปตามวิธีการเดิมที่เคยทำมา แต่อีกส่วนที่เข้าร่วมโครงการให้เกษตรกรวิเคราะห์ดิน และใช้ปุ๋ยตามคำแนะนำหลังทราบผลการวิเคราะห์ดินแล้ว ผลคือการใช้ปุ๋ยตามคำแนะนำให้ผลผลิตไม่ต่างจากวิธีการเดิมๆ ที่เคยใช้กันมา แต่สามารถทำให้ได้กำไรต่อไร่มากขึ้น การทำแปลงสาธิตอย่างนี้ช่วยให้เกษตรกรรายอื่นได้มาดูและให้เกษตรกรด้วยกันเองบรรยายผลที่เกิดขึ้นในแปลงของตนให้คนอื่นฟัง ซึ่งผลการทำอย่างนี้ทำให้เกษตรกรยอมรับวิธีการใหม่ๆ อย่างนี้ได้ดีขึ้น
จากการเก็บข้อมูลของเกษตรกร ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านพระแก้ว ม.10 ต.แพรกศรีราชา จ.ชัยนาท คือนาง1. จำรูญ บุญเกิด 2.นางสำออย พักแพรก 3.นายสมทบ โพธิ์เอี้ยง และ4.นายบุญฤทธิ์ หอมจันทร์ ผลออกมาดีมากเลย ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร 850 กก. คิดเป็น 4.20 บาท/กก.(ข้าวเปลือก) (อเนก สุธา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6ว)
· ค่าใช้จ่ายทั้ง 3 อย่าง ปกติประมาณ 1,559 บาท ในโครงการประมาณ 834 บาท/ไร่ สามารถลดลงได้ 725 บาท/ไร่ แต่ต้นทุนทั้งหมดนี้ถ้าพี่น้องเกษตรกรลงทุนทำนาตามหลักวิชาการแล้วก็คงจะไม่เห็นชัดเจนนักเพราะต้นทุนต่ำอยู่แล้ว แต่ถ้ามีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นจำนวนมากเมื่อดำเนินงานตามคำแนะนำนี้จะสามารถลดต้นทุนลงได้มาก แต่ผลผลิตไม่ได้ลดลงหรือได้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำไป
ซึ่งการวิเคราะห์ดินในประเทศไทยก็คือ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ไม่กี่หน่วยงานที่สามารถรับวิเคราะห์ดินให้แก่เกษตรกรได้ ซึ่งจังหวัดชัยนาทก็จะมีสถานีพัฒนาที่ดินชัยนาท เป็นหลักหมอดินอาสาหมู่บ้าน และตำบล มีชุดตรวจสอบดินสามารถนำมาใช้วิเคราะห์โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ทราบผล ได้ผลวิเคราะห์ออกมาได้คำตอบว่าจะต้องใช้ปุ๋ยไนโตรเจนกี่กิโลกรัม ฟอสฟอรัสมากน้อยแค่ไหนและต้องใช้โพแทสเซียมเพียงใด จึงจะให้ผลผลิตข้าวสูงที่สุด
สวัสดีครับ