ประสบการณ์การเลี้ยงลูกแบบพอเพียง


หลักการเลี้ยงลูกแบบพอเพียง ซึ่งเราทั้งสองคนได้น้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาประยุกต์ใช้ในการเลี้ยงดูน้องพริม โดยคำนึงถึงหลักการ ๓ อย่างได้แก่ ความพอประมาณ ความมีเหตุผลและการมีภูมิคุ้มกัน โดยอยู่บนพื้นฐานแห่งความรู้และคุณธรรม ทั้งพ่อและแม่จึงมีความตั้งใจอย่างมั่นคงว่า จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกและสอนลูกตามแนวพุทธธรรม ให้ลูกมีจิตสำนึกที่ดี อายชั่ว กลัวบาป และปฏิบัติตามที่หลวงพ่อปัญญานันทะสอนไว้ว่า “คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดีและไปสู่สถานที่ดี”

การเลี้ยงลูก  คือ  ภาระอันสำคัญและยิ่งใหญ่ของผู้เป็นพ่อแม่   เพราะนอกจากจะเป็นหน้าที่ซึ่งพ่อแม่ทุกคนควรทำให้ดีที่สุดแล้ว  ยังเป็นบุญกุศลที่สำคัญอย่างหนึ่งด้วย  เพราะการเลี้ยงลูกทำให้พ่อแม่ต้องใช้คุณธรรมหลาย ๆ ประการทีเดียว  เช่น  พรหมวิหาร ๔, ความอดทน(ขันติ),สติสัมปชัญญะ,การให้,การให้อภัย,ความเสียสละและการเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกทั้งด้านความคิด การพูดและการกระทำ

ตลอดระยะเวลา    ปีเต็มนับตั้งแต่ทราบว่าน้องพริมมาอยู่ในครรภ์ของแม่    จนกระทั่งบัดนี้น้องพริมอายุได้ ๓ เดือนเศษ ความหวัง  ความตั้งใจต่าง ๆ บังเกิดขึ้นในความคิดของพ่อแม่มากมาย   แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเราทั้งสองในฐานะพ่อแม่ตระหนักมากก็คือ  จะพยายามเลี้ยงดูลูกทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ให้มีความสมบูรณ์ที่สุดและเป็นคนดีของสังคมในอนาคตให้ได้    จึงพยายามทุกวิถีทางในการเตรียมความพร้อม  รอวันที่ลูกคลอดออกมาลืมตาดูโลก  จนกระทั่งวันที่ได้พบหน้ากันครั้งแรกมาถึงลูกพริมมีความสมบูรณ์ทุกอย่าง  วันนั้นคุณพ่ออาจแอบภูมิใจลึก ๆ   เพราะใคร ๆ ก็บอกว่าลูกหน้าตาเหมือนพ่อ  ในส่วนของคุณแม่ก็สบายใจที่ลูกปลอดภัยและแข็งแรงสมบูรณ์ 

                นับตั้งแต่วันนั้น การทำหน้าที่ของพ่อและแม่จึงเริ่มขึ้นอย่างเด่นชัด  จวบจนวันนี้ประสบการณ์เลี้ยงลูกที่ผ่านมา แม้ไม่นานนัก (เพียง ๓  เดือนเศษ) แต่ก็มีอะไรดีๆมากมายที่อยากเล่าสู่กันฟัง  โดยเฉพาะหลักการเลี้ยงลูกแบบพอเพียง ซึ่งเราทั้งสองคนได้น้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาประยุกต์ใช้ในการเลี้ยงดูน้องพริม โดยคำนึงถึงหลักการ    อย่างได้แก่  ความพอประมาณ  ความมีเหตุผลและการมีภูมิคุ้มกัน โดยอยู่บนพื้นฐานแห่งความรู้และคุณธรรม ดังนี้

                ๑. ความพอประมาณ    อาหาร  เสื้อผ้า  ของใช้สำหรับเด็กแรกเกิดต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งจำเป็นเบื้องต้นในการเลี้ยงลูก  เราทั้งสองพยายามวางแผนจัดซื้อจัดหาเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมกับรายได้ของครอบครัว  โดยแม่ของน้องพริมจะใช้ความพิถีพิถันและรอบคอบเป็นอย่างมากในการซื้อหาสิ่งต่าง ๆ  เหล่านี้  โดยเฉพาะในเรื่องอาหาร  ซึ่งในส่วนของแม่เองก็ต้องรับประทานให้ถูกหลักและเหมาะสม  ตั้งแต่น้องพริมอยู่ในครรภ์แม่จะสนใจเรื่องอาหารมาก  เช่น  จะดื่มน้ำเต้าหู้แทนนมวัว  ทุกวัน  เพราะหาซื้อได้ง่าย  มีราคาถูกกว่า  มีผลดีต่อลูกในท้อง ทำให้ลูกไม่มีอาการโคลิกตอนเกิดมา(การร้องอย่างไม่มีสาเหตุ)  ที่สำคัญเพราะคำนึงถึงเรื่องการให้นมลูก  ซึ่งแม่มีความตั้งใจที่จะเลี้ยงน้องพริมด้วยนมแม่เป็นหลักให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ (อย่างน้อยนมแม่อย่างเดียว ๓ เดือนแรก  ถัดจากนั้นค่อยสลับกับนมผงบ้างตามความเหมาะสม  แต่ก็จะพยายามไม่ให้ทิ้งนมแม่จนกว่าจะครบ ๖ เดือนเป็นอย่างน้อย)  ในเรื่องการให้นมน้องพริม  ช่วงแรก ๆ แม่ก็ยังไม่มีความชำนาญนัก  จนบางครั้งก็ให้นมมากเกินไป ทำให้น้องพริมมีอาการแหวะนมบ่อยมาก  จนพอสามารถจับทางได้  ก็กะให้พอดีกับความต้องการของเขา โดยมีคุณพ่อคอยให้สติอยู่เสมอ ๆ  

ที่สำคัญ  เมื่อคุณแม่ต้องออกนอกบ้านก็จะพยายามปั๊มนมแม่เก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อไว้ป้อนให้ลูกตอนหิว  ตามหลักการที่ทางแพทย์ได้แนะนำไว้  เพื่อประหยัดเรื่องที่ต้องใช้นมผงทดแทน  ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ทำให้คุณแม่สบายใจมาก  เพราะแม้ออกนอกบ้านน้องพริมก็ยังได้ดื่มนมแม่ซึ่งถือเป็นอาหารที่วิเศษที่สุดเลยทีเดียว

ส่วนเรื่องเสื้อผ้าของใช้ต่าง ๆ เราทั้งสองก็พยายามจัดซื้อจัดหาพอประมาณ  และไม่คำนึงว่าต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและราคาแพง  โดยยึดหลักประหยัด  เช่น  การใช้ผ้าอ้อม  ถ้าอยู่กับบ้านในช่วงกลางวันก็เน้นใช้ผ้าอ้อมผ้าธรรมดา  แต่ถ้าออกนอกบ้านหรือช่วงกลางดึกก็จะใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป  ซึ่งถือเป็นการประหยัดค่าผ้าอ้อมสำเร็จรูปไปในตัว  ค่าใช้จ่ายในส่วนที่ประหยัดได้ก็สามารถเก็บไว้เป็นทุนสำรองในการเลี้ยงดูและส่งเสริมเรื่องการศึกษาในอนาคตต่อไป  ที่สำคัญการใช้ผ้าอ้อมผ้าก็จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย   ส่วนเสื้อผ้าบางส่วนนั้น  แม่ของน้องพริมก็ได้เอาเสื้อผ้าเก่าของหลาน ที่ยังสามารถใช้ได้มาให้น้องพริมใส่ด้วย  ซึ่งถือเป็นการประหยัดได้มากทีเดียว   

                ๒. ความมีเหตุผล  คำถามที่มักเกิดขึ้นในการเลี้ยงดูน้องพริมก็คือ ทำไมต้องซื้อสิ่งนั้น?   ทำไมต้องทำอย่างนี้ ?   เพื่อต้องการพิจารณากันว่า มีเหตุผลใดที่ต้องตัดสินใจทำสิ่งนั้น ๆ   เช่น  การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่  แม่ของน้องพริมจะพยายามอ่านหนังสือ  หาความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่  จนเห็นความสำคัญของนมแม่ว่า  ประหยัด  สร้างภูมิคุ้มกัน สร้างความผูกพันที่ดีระหว่างแม่และลูก  สะดวกในการเลี้ยงดูลูก  ลูกรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้แนบอกดูดดื่มนมแม่  เป็นต้น นี่คือ เหตุผลที่พยายามจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นหลัก

                นอกจากนี้ในเรื่องอื่น ๆ ก็จะพยายามใช้เหตุผลเป็นเครื่องตัดสิน  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเอาใจใส่ในอากัปกิริยาต่าง ๆ ของลูก  เวลาลูกร้อง  ลูกแหวะนม  หรือแสดงอาการผิดปกติอื่น ๆ พ่อกับแม่ก็จะตั้งคำถามในใจว่า ทำไม แล้วค่อย ๆ แก้อาการนั้นที่สาเหตุ  เช่น บางครั้งลูกร้องแบบไม่ทราบสาเหตุ  ก็จะลองให้นม  เมื่อไม่หยุดร้อง เพราะอาจจะไม่หิว  ก็ลองให้นอน  พ่อก็จะคอยตบก้นเบา ๆ พร้อมกับเสียงกล่อม  เขาก็หลับ  แสดงว่าที่เขาร้องเพราะเหตุว่าง่วงนั่นเอง

                เรื่องการอยู่ร่วมกันของพ่อและแม่ก็เหมือนกัน  ถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการเลี้ยงลูก  เพราะหากพ่อแม่ทะเลาะกัน  ใช้อารมณ์ฉุนเฉียวต่อกัน  ก็จะมีผลเสียต่อการเลี้ยงลูกด้วย    และหากเขาเจริญเติบโตจนสามารถรับรู้  จดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น  การใช้อารมณ์โมโหโทโสระหว่างกันของพ่อและแม่ก็อาจจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้ลูกได้   สิ่งหนึ่งที่เราทั้งสองในฐานะพ่อและแม่ของน้องพริมจะพยายามตั้งสติให้ได้เสมอในคราวที่มีเรื่องไม่พอใจหรือขัดแย้งกัน  ก็คือ การแสดงเหตุผลของกันและกัน โดยเปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายอธิบายและรับฟังซึ่งกันและกัน  ซึ่งหากจะกล่าวว่าทุกอย่างสมบูรณ์ หรือลงรอยกันเต็มร้อยก็คงจะเกินความจริงไป  การอยู่ร่วมกันย่อมมีความขัดแย้งกันบ้างเป็นธรรมดา  แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ การพยายามไม่แสดงออกจนเป็นผลเสียไปถึงลูกและพยายามย้ำ เตือนตนเองอยู่เสมอว่า เรารักกันน่ะ ไม่เป็นไรน่ะ พยายามให้อภัยกันเสมอๆ

                ๓. การมีภูมิคุ้มกัน  ตลอดเวลาที่เราทั้งสองดูแลลูกมา  คำนึงเสมอว่า  ในยุคปัจจุบันมีพิษภัยรอบด้านที่อาจเข้ามาทำลายสุขภาพทั้งของพ่อแม่และลูก  การสร้างภูมิคุ้มกันไว้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะรับกับพิษภัยที่เราไม่คาดคิด  โดยเฉพาะน้องพริมซึ่งอยู่ในวัยแรกเกิด  ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ  เรื่องที่สำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้น้องพริมมี    เรื่องหลัก  ได้แก่

                ประการแรก  ภูมิคุ้มกันด้านร่างกาย   อาหารของน้องพริม คือ นมแม่  เป็นหลัก  ในนมแม่มีสารอาหารสำคัญที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้น้องพริมได้อย่างดีเยี่ยม   เรื่องอากาศก็สำคัญ  พ่อและแม่พยายามดูแลบ้านเป็นอย่างดี  เพื่อไม่ให้มีฝุ่นละอองซึ่งอาจมีผลเสียต่อน้องพริมได้   นอกจากนั้น เรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ ก็ทำตามที่แพทย์นัดหมายมิได้ขาด 

                ประการที่สอง  ภูมิคุ้มกันด้านจิตใจ   น้องพริมมีคุณพ่อเคยบวชเรียนมายาวนานถึง ๑๔  ปี  จนจบเปรียญธรรม ๙  ประโยค  คุณแม่ก็ชอบเข้าวัดปฏิบัติธรรม ชอบอ่านหนังสือธรรมะเป็นชีวิตจิตใจ  จึงไม่แปลกที่น้องพริมจะได้ยินเสียงสวดมนต์ทุกวัน วันละหลาย ๆ รอบ  กล่าวได้ว่า เสียงสวดมนต์คือเพลงกล่อมของน้องพริมเลยทีเดียว  แม้ตอนนี้การรับรู้และจดจำของน้องพริมอาจจะยังไม่ถึงขั้นสอนให้เข้าใจได้  แต่การที่พ่อและแม่พูดสิ่งดี  แสดงออกในสิ่งดี ๆ สวดมนต์  พูดธรรมะบ่อย ๆ  สอนแต่เรื่องดี ๆ อยู่เสมอ ๆ  น่าจะทำให้น้องพริมเติบโตขึ้นเป็นเด็กที่มีสมาธิดี   ว่านอนสอนง่าย  มีธรรมะคุ้มครองตัว   การปฏิบัติดังกล่าวของเราทั้งสองจึงถือว่าเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันด้านจิตใจที่สำคัญ  และหวังอยู่ในใจว่า  สังคมทุกวันนี้มีสิ่งไม่ดีมากมายหล่อหลอมเด็กและเยาวชนให้มีความประพฤติตกต่ำ  เสื่อมทรามด้านศีลธรรมจริยธรรม  ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก  หากวันนี้ น้องพริมมีภูมิคุ้มกันที่ดีทางด้านจิตใจ  ในอนาคตพ่อและแม่จะได้เชื่อมั่นว่าน้องพริมจะไม่ถูกหล่อหลอมด้วยสังคมอันเลวร้ายนั้น  และมีพลังภายในที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีงามได้อย่างน่าภาคภูมิใจ (ขอให้ความหวังนี้เป็นจริงเถิด...สาธุ ๆ ๆ)

                หลักการทั้ง ๓  นี้  จะสมบูรณ์ได้สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ ต้องอยู่บนพื้นฐานของความรู้และคุณธรรม  กล่าวคือ  พ่อและแม่เองต้องแสวงหาความรู้อยู่เสมอ ๆ และมีคุณธรรมในใจเป็นแบบอย่างที่ดี   ซึ่งเราทั้งสองก็พยายามทำอย่างนั้นโดยการอ่านหนังสือ  ปรึกษาแพทย์  สอบถามผู้มีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกเพื่อหาความรู้ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การให้นม  การดูแลอาการต่าง ๆ หรือการเตรียมพยาบาลเบื้องต้นหากน้องพริมมีปัญหาสุขภาพเรื่องต่าง ๆ  เช่น  เมื่อไม่กี่วันมานี้  คุณพ่อก็ได้ซื้อหนังสือ การดูแลมารดาก่อนและหลังคลอดมาเล่มหนึ่ง  ดีมาก  เพราะมีสาระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแม่และลูก  โดยเฉพาะเรื่องอาการป่วยของเด็กแรกเกิด  ซึ่งบางครั้งก็เดาไม่ได้  ทายไม่ออกว่าลูกเป็นอะไร  หนังสือเล่มนี้สามารถช่วยแนะนำวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี   อย่างนี้เรียกว่า  เลี้ยงดูลูกบนพื้นฐานของความรู้

                ในส่วนเรื่องคุณธรรม  ดังที่กล่าวแล้วว่า  ทั้งพ่อและแม่ของน้องพริมต่างมีวุฒิภาวะ คุณวุฒิและอัธยาศัยด้านคุณธรรม  โดยเฉพาะพ่อ  บวชเรียนมานาน และยังเป็นวิทยากรบรรยายธรรมในโครงการปฏิบัติธรรมบ้าง  เข้าค่ายธรรมะของเยาวชนบ้าง  ส่วนแม่ก็เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย  หากประพฤติสิ่งใดที่ขัดกับคุณธรรมจริยธรรมก็ควรจะเลิกลาจากงานที่ทำ  เพราะมันขัดกันโดยสิ้นเชิง  ทั้งพ่อและแม่จึงมีความตั้งใจอย่างมั่นคงว่า  จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกและสอนลูกตามแนวพุทธธรรม  ให้ลูกมีจิตสำนึกที่ดี  อายชั่ว  กลัวบาป  และปฏิบัติตามที่หลวงพ่อปัญญานันทะสอนไว้ว่า  คิดดี   พูดดี  ทำดี   คบคนดีและไปสู่สถานที่ดี 

                เรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมด  อาจจะดูเป็นวิชาการไปบ้าง  แต่คิดว่าเรื่องประสบการณ์เลี้ยงลูกแบบพอเพียงนั้น  มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพูดถึงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นแนวพระราชดำริอันล้ำค่าที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงมอบให้ปวงชนชาวไทยเรา  เนื้อหาของงแนวคิดนี้  ไม่ได้มีเพียงเรื่องการประหยัดอดออมเท่านั้น  แต่หมายรวมถึงความมีเหตุผล  การมีภูมิคุ้มกัน โดยอยู่บนฐานความรู้คู่คุณธรรมด้วย   จึงจำเป็นต้องเล่าแนวๆนี้น่ะครับ

หมายเลขบันทึก: 146386เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2007 16:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 18:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท