เพลงพื้นบ้านภาคกลางมีอยู่หลายชนิด อาจมากกว่า 50 อย่าง แต่ที่ยังพอมีคนรู้จัก และนักเพลงเล่นกันอยู่คงไม่ถึง 25 อย่างแล้ว ส่วนตัวผมเองได้ฝึกหัดเอาไว้จากครูเพลงหลายท่าน ในบางเพลงก็ลักจำเอามา แต่ว่าได้เคยร่วมร้อง ร่วมเล่น ร่วมแสดงกับนักเพลงเก่า ๆ หลายท่านเพลงพื้นบ้านยังอยู่ในตัวผม จำนวน 19 อย่าง ได้แก่
1. เพลงอีแซว - เล่นเป็นคณะ เป็นทีม
2. เพลงฉ่อย - เล่นเป็นคณะ เป็นทีม
3. ลิเก (รานิเกลิง) - เล่นเป็นคณะ มีโรง/เวทีแสดง
4. เพลงเรือ - เล่นเป็นกลุ่ม มีทั้งลงเรือในน้ำและบนบก
5. เพลงเต้นกำ - เล่นในท้องนา บนเวที
6. เพลงลำตัด - เล่นเป็นคณะ ใช้รำมะนาให้จังหวะ
7. เพลงพวงมาลัย - เล่นเป็นวงล้อมรอบ
8. เพลงขอทาน - เล่นเดี่ยว เล่นเป็นกลุ่ม
9. เพลงแหล่ - ร้องเดี่ยว ร้องคู่และเป็นที่
10. ทำขวัญนาค - ร้อง ประกอบพิธี เดี่ยวหรือชาย-หญิง
11. เพลงยั่ว (รำกลองยาว) - เล่นเป็นกลุ่ม ใช้กลองยาวให้จังหวะ
12. เพลงระบำบ้านไร่ - เล่นเป็นวง
13. เพลงชักกระดาน - เล่นที่ลานบ้าน ตอนนวดข้าว
14. เพลงสงฟาง - เล่นที่ลานบ้าน ตอนนวดข้าว
15. เพลงพานฟาง - เล่นที่ลานบ้าน ตอนนวดข้าว
16. ขับเสภา - ร้องขับเดี่ยว ร้องสลับกัน ร้องต่อกัน
17. เพลงเหย่อย - เล่นเป็น 2 กลุ่ม ใช้กลองยาวให้จังหวะ
18. เพลงกล่อมเด็ก - ร้องเดี่ยว
19. เพลงเกี่ยวข้าว - เล่นเป็นกลุ่มในท้องนา หน้าเกี่ยวข้าว
ในจำนวนเพลงพื้นบ้านที่กล่าวมาข้างต้น ผมทำการฝึกหัดและผ่านการแสดงบนเวที หรือที่จัดให้แสดงมาทั้งหมด เพียงแต่ว่าบางเพลง เป็นเพลงสั้น ๆ มิอาจทีจะนำเอาไปเล่นเป็นอย่างมหรสพได้ เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความนิยมในการเล่นเพลงเปลี่ยนไปเป็น มีฝ่ายคนดูและฝ่ายนักแสดง ทำให้นักแสดงเพลงพื้นบ้านต้องเลือกที่จะนำเอาเพลงยาวไปเล่น ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่เพลงบางเพลงต้องหายไปจากเวทีการแสดง แต่ก็ยังอยู่ในตัวคนที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน หรือปราชญ์เดินดินทั้งหลายที่นับวันแต่จะถูกลืมไป สำหรับผมแล้ว ผมยังคงนำเอาเพลงพื้นบ้านที่ผมร้องเป็น เล่นได้ มาใช้ผสมผสานในการแสดงอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับว่า เป็นการเตือนใจเรา จะได้ไม่ลืมเพลงเก่า ๆ เหล่านั้นด้วย มีหลายครั้งที่ท่านผู้ชมขอให้ร้องเพลงขอทานให้ฟังหน่อย ก็จัดให้ได้เลย และอีกอย่างหนึ่งคือ เพลงพื้นบ้านเก่า ๆ มีมาคู่กับการทำงานด้านการเกษตรกรรม เมื่อกิจกรรมนั้นๆ ไม่มีเพราะเครื่องมือทางเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ เพลงที่เคยเล่นสนุกคู่มากับอาชีพเกษตรกรรมก็พลันหายไปด้วย ว่ากันจริง ๆ แล้วเพลงที่ยังร้องเล่นกันเป็นอาชีพได้ก็เหลือเพียงไม่กี่อย่าง บางท่านพยายามที่จะรื้อฟื้นเพลงที่สูญหายไปนาน ๆ แล้วให้กลับมาอีกครั้ง แต่ไม่มีที่จะรองรับ ที่จะให้นักแสดงได้นำผลงานไปเสนอ ผมจึงนำเอาเฉพาะที่จะต่อยอดไปสู่การแสดงอาชีพได้ มาถ่ายทอดให้กับนักเรียนได้ฝึกอย่างจริงจัง ได้แก่
1. ลิเก (รานิเกลิง) ยังได้รับความนิยมอยู่ในสังคมปัจจุบันทั่วประเทศ
2. เพลงอีแซว มีเล่นกันในแถบภาคกลาง ตะวันตก 8 จังหวัด
3. เพลงฉ่อย ยังหาดูได้ มีเล่นกันหลายจังหวัด เป็นเพลงเก่าแก่
4. ลำตัด มีเล่นกันมากแถบจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี
5. เพลงเรือ มีเล่นกันน้อยลงนอกจากมีงานเทศกาล
6. ขับเสภา ยังหารับฟังได้ เป็นการขับลำนำประกอบการแสดงอื่น ๆ
7. เพลงพวงมาลัย มีเล่นกันในชุมชนภาคกลาง แต่ความนิยมน้อยลง
8. เพลงเต้นกำ มีเล่นกันในชุมชนภาคกลาง เฉพาะกิจ
9. เพลงแหล่ มีร้องในเทศมหาชาติ เพลงลูกทุ่ง ทำขวัญนาค
10. ทำขวัญนาค ยังได้รับความนิยมทั่วไป แม้ว่าจะเบาบางลงบ้าง แต่ก็ยังมีให้เห็น
เพลงอีแซว
เป็นเพลงหลักที่ผมฝึกหัดให้กับนักเรียน ที่โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 มานาน นับ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 (ความจริงเริ่มมาก่อนหน้านั้นเสียอีก) แต่มาเริ่มจริง ๆ ก็ ปี พ.ศ. 2535 จนมาถึงในปัจจุบัน เป็นเวลา 16 ปี เศษแล้ว ยังได้รับการสนับสนุน ได้รับความเมตตาจากท่านผู้ชมให้การอุปถัมภ์มาโดยตลอด ทำให้ผมและเด็ก ๆ ในวงเพลงมีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไปอีกจน ถึงวาระสุดท้าย แม้จะไม่มีเวทีให้แสดง แต่เสียงเพลงอีแซวก็จะยังคงได้ยินออกมาจากตัวผมไปจนสิ้นลมหายใจ ส่วนเพลงพื้นบ้านอื่น ๆ ผมนำเอามาเล่นเป็นเพลงเสริม เรียกว่าเป็นเพลงแทรกในช่วงที่มีโอกาส หรือเมื่อมีท่านผู้ชมขอมา ส่วนเด็ก ๆ แบ่งฝึกหัดกันเป็นกลุ่ม ๆ ครับ เด็กเขาจะได้ไม่สับสนในการจำเนื้อร้อง ได้แก่
ธีระพงษ์-ภาธิณี เป็นนักร้องนำเพลงอีแซว เพลงฉ่อย เพลงขอทาน เพลงลำตัด ลิเก
ยุวดี-ยุพาภรณ์-เมธี เป็นนักร้องนำเพลงอีแซว เพลงพวงมาลัย เพลงลำตัด
จิระพงษ์, สหรัฐ, กนกพร, วรรณา เป็นนักร้องนำเพลงฉ่อย ลำตัด
หทัยกาญจน์-รัตนา เป็นนักร้องนำเพลงอีแซว เพลงแหล่ เพลงเรือ เพลงเต้นกำฯลฯ
ทำขวัญนาค
เป็นอีกประเภทหนึ่งที่ผมทำหน้าที่สอนนาคและประกอบพิธี โดยฝึกหัดมาจากบรรพบุรุษของตนเองโดยแท้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2513 รับทำขวัญนาคมามากมายหลายสถานที่ หลายต่อหลายจังหวัด และในปัจจุบันผมได้ถ่ายทอดความรู้ของผมไปสู่นักเรียน เยาวชนที่สนใจในพิธีทำขวัญนาค ได้เรียนรู้ ฝึกหัดร้อง ฝึกหัดประกอบพิธีและไปออกงานกับผมได้แล้วหลายคน ได้แก่
นางสาวหทัยกาญจน์ เมืองมูล ม. 6/1
นางสาวรัตนา ผัดแสน ม. 6/2
เด็กชายธีระพงษ์ พูลเกิด ม. 3/6
เด็กหญิงภาธิณี นาคกลิ่นกุล ม. 3/1
เด็กชายจักรกฤษณ์ ศุภสุข ม. 1/4
เพลงแหล่
เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่เสริมรายได้ให้กับนักเรียนที่ผมฝึกหัดร้องเพลงแหล่ เพราะนอกจากจะใช้ท่วงทำนองของเพลงแหล่นำเอาไปร้องในพิธีทำขวัญนาคได้แล้ว เด็ก ๆ เขายังนำเอาไปร้องในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬา งานประชุม อบรมสัมมนาในโรงแรมใหญ่ ๆ ได้ด้วย เพลงแหล่ที่ผมสอนให้กับนักเรียน มี 2 ลักษณะคือ แหล่กลอนเดียวแบบง่าย ๆ (ด้นสดได้ด้วย) กับแหล่แบบผูกกลอนสัมผัสแบบกลอนแปด (มีร้องด้นได้บ้าง 2-3 คน) ในเรื่องของการนำไปใช้ในชีวิตจริงของเด็ก ๆ เขานำเอาไปรับใช้สังคมได้ โดยไปกับผม ไปเดี่ยว ๆ และนำเอาไปบูรณาการใช้กับวิชาที่เรียนในกลุ่มสาระอื่น ๆ ได้ด้วย
เพลงพื้นบ้านอื่น ๆ
ผมตั้งใจที่จะถ่ายทอดทุกเพลงที่ยังมีผู้คนให้ความสนใจส่งต่อไปให้กับเด็ก ๆ ที่ผมสอนโดยใช้เวลาเรียนและนอกเวลาเรียน ตามความสนใจ ตามความถนัด ได้แก่ ลิเก (มีการแสดง 1 ชุด) เพลงเรือ, เพลงขอทาน, เพลงเต้นกำ, เพลงฉ่อย, ลำตัด, เสภา, เพลงพวงมาลัย
ติดตามชมหรือไปชมความสามารถของนักเรียนได้ที่ โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี โทร.035-591271, 084-976-3799 และ 084-976-1661 ได้ทุกวันครับ.
ไม่มีความเห็น