ทำไมต้อง"โลกรื่นรมย์"


เมื่อก่อนเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า "โลกนี้รื่นรมย์จริงหรือ?"

 

      สวัสดีค่ะชาว g2k ทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่บล็อก "โลกรื่นรมย์" ทำไมต้อง "โลกรื่นรมย์" น่ะเหรอคะ ต้องบอกว่าเคยมีช่วงหนึ่งของชีวิตที่มันดูเหมือนว่าจะยุ่งเหยิงไปหมด จนเคยตั้งคำถามกับตนเองว่า "โลกนี้มันรื่นรมย์จริงๆหรือ"  (ไม่ทราบว่าท่านอื่นๆจะเคยมีช่วงแบบนี้ของชีวิตกันหรือเปล่านะคะ)

    จนมาวันนี้มีคำตอบให้กับตนเองว่า โลกเรานี้รื่นรมย์จริงๆค่ะ  แต่ที่พูดอย่างนี้อย่าเพิ่งเหมารวมว่าคนเขียนนี้มีอารมณ์รื่นรมย์ทุกวันนะคะ ไม่ใช่ขนาดนั้น แต่จะบอกว่าโลกจะน่าอยู่หรือรื่นรมย์เพียงใดนั้นอยู่ที่ตัวเราจริงๆค่ะ สังเกตมั๊ยคะเวลาที่เรารู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวมันดูไม่น่าพิสมัยหรือหงุดหงิด หรือหดหู่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะ เรารู้สึกว่าทุกอย่างไม่ได้ดั่งที่ใจเราต้องการและคิดในเชิงเปรียบเทียบโดยมีเราและผู้อื่นอยู่เสมอ ขออนุญาตยกตัวอย่างเรื่องง่ายๆเจอบ่อยๆสักสองสามเรื่อง เช่น ทำไมเพื่อนไม่รักไม่เข้าใจ ทำไมทำงานแล้วไม่ได้สองขั้น(ทั้งๆที่เราทำงานหนักว่าคนได้สองขั้น)  555! อันนี้ยกตัวอย่างพอให้เห็นนะคะ

     ถ้าเราลองมาพิจารณาที่ละข้อก็จะพบว่า เราเอาตัวเองไปเป็นเกณฑ์มาตรฐานทั้งนั้น ทำไมเพื่อนไม่รักไม่เข้าใจ ก็ลองคิดกลับกันบ้างสิคะ บางทีเพื่อนเรามันก็อาจบ่นเราอยู่ในใจเหมือนกันว่า (ทำไมมันไม่ได้ดั่งใจตรูเรย..ย) หรือทำไมทำงานแล้วไม่ได้สองขั้น ก็ต้องถามว่าที่เราว่าทำงานหนักนั้นใครว่า ถ้าเราว่าของเราเองก็แหงอยู่แล้วละคะ"เรา"ของทุกๆคนก็ประมาณอุลตร้าแมนนั้นแหละค่ะ เจ๋งสุดๆอยู่แล้ว 555! แต่ถ้าบอกว่าเพือนร่วมงานคนอื่นๆก็บอกว่าเราสมควรได้มากกว่า ก็ต้องคิดกันต่อว่าเรื่องให้ขั้นเป็นเรื่องของเจ้าพ่อเจ้าแม่อุลตร้า เราให้ตัวเราเองไม่ได้ถ้าพูดอย่างนี้จะสบายใจขึ้นไหมคะ เคยไปกินก๋วยเตี๋ยวช่วงสองขั้นออก talk of  the town  ของแต่ละโต๊ะที่เป็นข้าราชการก็มักจะหนีไม่พ้นเรื่องนี้ค่ะ 555!

        เคยอ่านหนังสือพระท่านว่า(เริ่มยกเอาพระมาอ้างแล้วค่ะ กลัวไม่คล้อยตาม 555!) ปลูกมะม่วงย่อมได้มะม่วง แต่รสที่ออกมาจะเปรี้ยวจะหวาน หรือจะขายได้ราคาดีไม่ดีเป็นอีกเรื่องซึ่งมีปัจจัยต่างๆมาเกี่ยวข้องมากมาย   เคยลองคิดเล่นๆนะคะถ้าทุกคนทำงานดีเลิศหมดแต่ขั้นที่นายจะให้มีจำกัดก็คงต้องมีสักคนแน่ที่ผิดหวัง (น่าสงสารนายด้วยไม่รู้จะให้ใครดี) เพราะฉะนั้นปลายปีจะบ่นก็บ่นเถอะค่ะ ฮา! แต่อย่าไปซีเรียสกับมันให้มาก    โลกนี้ยังมีอะไรให้เรารื่นรมย์กะมันได้อีกตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ขั้นแรกต้องลองปรับความเป็น"เรา"เป็น"เขา"ให้ได้ก่อนคะบางโอกาสก็ต้องเป็น "เรา"ให้หนักแน่น แต่บางโอกาสก็ต้องลด"เรา"ตัวนี้ลงบ้าง แล้วโลกของ"เรา"จะรื่นรมย์ไปเองค่ะ

หรือคุณๆคิดเห็นว่าอย่างไร ลองแลกเปลี่ยนความคิดมาก็ได้นะคะ

แล้วคราวหน้าจะเล่าถึงประสบการณ์โลกนี้รื่นรมย์อย่างไรให้ฟังค่ะ (มีติดสินบน 555!)

       

คำสำคัญ (Tags): #รื่นรมย์
หมายเลขบันทึก: 145533เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2007 18:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีค่ะ..

โลกรื่นรมย์ก็เพราะ..ใจเรารื่นรมย์ค่ะ..

หากใจเราโปร่งสบาย..มองไปทางไหนก็สวยงาม..จริงๆนะคะ

เขียนให้อ่านอีกนะคะ..โลกของคนอ่านจะได้รื่นรมย์..ขึ้นค่ะ..

ขอบคุณค่ะ..

ดีจ้า

  • การเปรียบเทียบนี้ไม่ค่อยดีเนาะ...มีเขามีเราก็ไม่ดี แต่ในสังคมเรา...มันอยากที่จะไม่คิดเปรียบเทียบ ไม่แบ่งแยกเขา-แยกเรา ถ้าเผลอคิดก็ขอให้คิดในแง่ดีก็แล้วกัน
  • ได้เรื่องคิดในแง่ดี เป็นทักษะอย่างหนึ่งนะคะ ฝึกบ่อยๆ ก็ดี
  • การคิดหรือมองโลกในแง่ร้าย เหมือนโรคติดเชื้อ ลุกลามได้ง่าย...แถมทำให้โลกไม่รื่นรมย์อีกด้วย
  • ขอแนะนำให้ใช้สติ มากำกับความคิด เผลอใจขุ่นมัวเมื่อไหร่ ให้สตอตามยั้ง...แล้วคิดในมุมมองที่ดี
  • เท่านี้โลกก็รื่นรมย์แล้วหล่ะค่ะ...

 

เอ่อ  มีแต่ไทยเจ้าของเข้ามาอ่านตั้วนี่ อิอิ

เป็นกำลังใจให้ Blogger คนใหม่จ้า

ขยันเขียนเข้าเน้อออ  จุ๊บๆ

พี่แอ้ อยากได้ไฟล์เพลงเนี้ย "ก้อนหินละเมอ" ใช่รึเปล่า ถ้าได้เวอร์ชั่นของอีตาอะไรอีกคนจำไม่ได้ ก็จะยิ่งดีมากเลย

กับอีกอย่าง เห็นชื่อบล็อกพี่แล้วนึกถึงเพลงของคณะมนุษย์ฯ "รื่นรมย์ .... " อะไรซักอย่าง จำบ่ได้แล้วววววว 555

(//O__O\\)

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท