อาจารย์ 3 เชิงประจักษ์


อาจารย์ 3 เชิงประจักษ์..ครูได้อะไร...นักเรียนได้อะไร(1)

     อากาศช้าตรู่อย่างนี้หลายคนเคยสัมผัส แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่มีโอกาสสัมผัส เพราะในเช้าของวันหยุดส่วนใหญ่จะนอกติดอยู่กับที่นอนอย่างสบายอารมณ์ วันนี้ผมต้องเดินทางไป ม.บูรพา ในฐานะครูที่ปรึกษาของครูในโรงเรียนที่ทำผลงานทางวิชาการ เพื่อขอประเมินวิทยะฐานะเป็นครูชำนาญการพิเศษ
.........ขอเล่าเรื่อง..อาจารย์ 3 เชิงประจักษ์ก่อนนะ..ครูกลุ่มนี้เป็นครูที่เคยส่งผลงานทางวิชาการ ตามระเบียบและวิธีการที่ใช้ชื่อว่าการประเมินอาจารย์ 3 เชิงประจักษ์ โดยปฏิบัติตามระเบียบและวิธีการของ กค.ทุกอย่างตั้งแต่การประเมินโดยกรรมการ 2 ชุด เหลืออย่างเดียวคือการประเมินผลงานทางวิชาการ ครูกลุ่มนี้ได้ส่งผลงานปี2546 ตามระเบียบที่แจ้งต้องทราบผลภายใน 1 ปี และมีผลย้อนหลังถึงวันที่ส่งผลงานวันแรก ...
.......ท่านครับถ้าท่านไม่อยู่ในวงการครูจะไม่รู้ว่าอะไรเกิดกับครูกลุ่มนี้ มีหลายคนที่ถูกประเมินทราบผลแล้วคือ มีผ่านและไม่ผ่าน.ทางกระทรวงศึกษาท่านก็ใจดีให้ครูที่ไม่ผ่านทำการอบรมประมาณ 10-15 วันโดยครูเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ทำการบ้านส่ง มีการสอบข้อสอบทางวิชาการ แล้วก็ประเมิน...ปรากฏว่าครูก็สอบตกกันระนาว....ชอกช้ำใจ....ก็ใช้ภาษาไทยปลอบใจคือเยียวยากันไปตอนนี้รู้สึกว่าจะผ่านกันมากขึ้น
........ที่ผมไปเป็นที่ปรึกษาเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมเข้าอบรมในครั้งแรก เพราะรอการตรวจผลงาน..ท่านครับไม่มีการอตรวจผลงานใดที่ใช้เวลานานเท่ากับการประเมินวิทยะฐานะของครู ถ้าท่านไม่เชื่อไปสอบถามกค.ได้เลย..ครูกลุ่มนี้สอบถามไปที่ กค.ได้รับคำตอบว่าไม่ผ่าน ให้เข้าอบรมรุ่นสุดท้ายไปเลย ไม่มีการอบรมอีกแล้ว ครูถามว่า...ขอดูเหตุผลที่คณะกรรมการตรวจได้หรือไม่ว่าทำไมไม่ผ่าน..เพื่อจะนำมาแก้ไขในการส่งครั้งต่อไป..คำตอบคือ..เงียบรอไปก่อน..แถมเสียงที่ตอบมาทางโทรศัพท์สื่อให้รู้ว่าอารมร์บ่จอย....ครูกลุ่มนี้ได้รับการช่วยเหลืออย่างดีคือ..ให้เข้าอบรมตามศุนย์ต่าง 9 วันในช่วงวันที่ 13-22ตุลาคม2550....โดยต้อง ออกค่าอบรมคนละ1500บาท ค่าที่พัก ค่าเดินทาง
ค่าครูที่ปรึกษาเอง....
..........ผมเขียนในฐานะครูที่ปรึกษาให้ฟรี...ของครูโรงเรียนผม3คนไปอบรมที่ศูนย์ ม.บูรพา มีครูเข้าอบรมประมาณ 400 คนจาก กทม/ฉะเชิงเทรา/ระยอง/จันทบุรี/นครนายก/นครราชสีมา มีทั้งครูปฐมวัย/ประถมและมัธยม...มีทุกสาขาวิชา วิทยากรคืออาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ ม.บูรพา ผมเข้ารับฟังการอบรมจนจบหลักสูตรเหมือนกับครูที่จะทำผลงาน มีการทำการบ้านส่งทุกวัน เมื่อจบการอบรมแล้วครูทุกคนจะต้องถูกประเมินในคะแนน 300 คะแนนดังนี้
1. เขียนแผนการสอน 12 สัปดาห์ เพื่อให้ครูที่ปรึกษาดูแลและผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการ ก่อนจึงนำมาสอน จึงส่งแผนที่แก้ไขแล้ว 1 เล่ม
2. ทำรายงานการใช้แผนการสอน 1 เล่ม  5 บท
3. ทำนวัตกรรมในการแก้ปัญหาการสอน 1 เล่ม
4. ทำรายการการใช้นวัตกรรม 1 เล่ม 5 บท
5. สรุปรายงานการปฏิบัติงานทั้งแผนการสอน ผลการสอน นวัตกรรมรวมกันเป็น1 เล่ม 5 บท (ทั้ง5เล่มนี้ 200คะแนน ใช้เวลา 12 สัปดาห์ สิ้นสุดเดือนมีนาคมนี้)
6. ครูต้องสอบข้อสอบในเชิงวิชาการอีก 100 คะแนน
..........................รวมกันต้องได้อย่างน้อย 210 คะแนนจึงผ่าน.......
.................ท่านคิดอย่างไรบ้างครับ การพัฒนาครูเพื่อให้ส่งผลต่อนักเรียนจริง ๆ ทำแบบนี้จะได้ผลหรือไม่ เป้าหมายการเลื่อนวิทยะฐานะของครู..กับผลสะท้อนที่เกิดกับนักเรียนจริง ๆ มีคนพูดเล่น ๆ ว่า "
ครูมีวิทยะฐานะดีขึ้นแต่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำลง"....ผมยังไม่ขอออกความคิดเห็น เพียงแต่บทนี้จะเล่าให้ฟังก่อน ไว้ภาคหน้าจะมาคิด..มาคุยในฐานะครูคนหนึ่งเปนมุมมองที่ครูมองครู....ผมอยากฟังจากเพื่อนครูด้วยครับ

หมายเลขบันทึก: 145515เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2007 17:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 03:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ใช่ครับอาจารย์ผมก็เสียดายเงินรัฐบาลน่าจะใช้เงินให้คุ้มหน่อย..ผมว่าเด็กบรรจุใหม่จะทำงานดีกว่าอาจาย์3พวกนี้กว่าตั้งเยอะแต่เขาก็ไม่ได้เงินพวกนี้เลย..
อาจารย์คิดเหมือนผมไหมครับ...

      เชิงประจักษ์หมายถึงอะไร  มีเกณฑ์เป็นอย่างไร ใครเป็นคนกำหนดมาตรฐาน ใครเป็นคนตรวจสอบ  วัดอะไรบ้าง ใช้เกณฑ์เดียวกันทั่วประเทศ ทั้ง 5 แท่งหรือไม่  ผมว่าคำถามเหล่านี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ครับ  แล้วเดี๋ยวนี้เราเน้นตรวจที่กระดาษกันมากกว่า สมมุติว่าถ้าท่านขอชำนาญการพิเศษด้านการสอนวิทยาศาสตร์ ระดับชั้น.....  ก็ไปเอาเด็กที่ท่านสอนนั่นแหละมาตรวจสอบ มาถาม มาให้ข้อมูล ตามเกณฑ์ เด็กมีผลงานรางวัลระดับใดบ้าง เป็นต้น ผนวกกับอะไรอีก อื่นๆ ตามสมควร ดีไหมครับ

ขอบคุณลุงวอมาก...เห้นเค้าเรียกลุงเลยเรียกตาม ผมจะหนุ่มขึ้นบ้าง ลุงวอคืดเหมือยผมเลย...ผมอยาหให้ผู้เกี่ยวข้องทบทวน แล้วหันมาตอบคำถามที่ลุงวอถาม..เพราะคำถามนี้อยู่ในใจผมตลอดเลย ครูเหมือนกันประเมอนเลือนวิทยะฐานะเหมือนกัน....แต่วิธีการต่างกัน...งงมัยครับ..ขนาดครูยังงง..นักเรียนจะเป็นยังไง

อาจารย์เขียนดีมากครับ น่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้น่ะครับ ว่าไหม

ขอให้ตั้งใจจริง  ผ่านหรือไม่ก็ช่างมัน เพราะอจารย์ คือ ครูโดยอาชีพ  ไม่ใช่อาชีพเป็นครู อยู่แล้ว
เป็นกำลังใจให้ครับ

ตั้งใจจะหาความหมายของคำว่า "เชิงประจักษ์ กับเชิงปทัสถาน" ครับ เลยขอถือโอกาสร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยคนครับ

เมื่อก่อนสมันผมเรียนเขาเรียกว่า ครูใหญ่ ไม่มี ผอ. ครูน้อยไม่รูเขามี ซีไหนไม่รู้ รูแต่ว่ามีครูใหญ่ กับครูประจำชั้น ผลงานคือวัดที่นักเรียนต้องสอบผ่านตามเกณฑ์ จึงจะจบ ป.4 ครับ ข้อสอบออกจากกระทรวง

ปัจจุบัน ผู้บริการเป็นถึง ผอ. ครูผู้สอนก็ ครูชำนาญการ อาจารย์ 3 ผมยอมรับในความรอบรู้ของอาจารย์ 3 ครับ แต่ยังไม่ยอมรับในความสามารถของอาจารย์ 3 ครับ เพราะเด็กยังอ่านหนังสือไม่ออก ทั้งๆที่ได้ปฏิรูประบบการศึกษาแล้ว เมื่อเทียบกับครูและการศึกษาในอดีตที่ไม่มีสื่อการสอน ครูประจำชั้นต้องทำหน้าที่สอนทุกวิชาตั้งแต่ ภาษาไทย เลขคณิต วาดเขียน ขับร้อง อาจารย์ 3 หากท่านนำความรู้ออกมาใช้ให้เกิด "สมรรถนะ" หน่อยสมกับเงินประจำตำแหน่งหน่อยน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาตินะครับ

เป็นครูเต็มตัวมา11ปี เงินเดือนที่ได้ขึ้นอยู่กับนักการเมืองท้องถิ่น ซะงั้น ในเขต 2ขั้นเห็นๆ นอกเขต 0.5ขั้น ประจำๆๆ นิยาม2ขั้นคือ

เลียเก่ง ใกล้นาย ตายแทน(คาดเดา) แสนสารเลว ทั้งนายและลูกน้องโคตรเหีย นิยาม0.5ขั้น ทำดีเสมอตัว หือละก็เจอแป๊ก

ผมเป็นครูคนหนึ่ง และกำลังส่งผลงานเชิงประจักษ์ รอลุ้นอยู่ครับ ผ่านมาเจอขออนุญาตแสดงความเห็นเพิ่มเติมครับ ผมเห็นด้วยในทุกมุมของทุกคนที่แสดงความคิดเห็นครับ เชื่อด้วยใจว่าสิ่งที่เขียนสะท้อนให้เห็นความจริงในมุมของแต่ละบุคคล แต่ผมเห็นว่า ไม่ว่าจะใช้วิธีการไหนล้วนแต่ต้องเจอปัญหาทั้งนั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นระบบปัจจุบันที่เน้นตรวจเอกสารเป็นหลัก หรือระบบที่หลายความเห็นอยากให้เป็น คือมาดูที่ตัวเด็กหรือมาประเมินที่โรงเรียน อยากเรียนให้ท่านทราบว่า ท่านเคยเห็นแบบนี้ไหมละครับ แบบว่าเซ็ตได้ทั้งครู ทั้งนักเรียน เตรียมตอบคำถามแบบไม่ว่าจะถามคำถามไหน เด็กตอบได้หมด ผมเห็นมากะตาแล้ว มีอยู่โรงเรียนหนึ่ง (กรณีตัวอย่างนะครับ) เป็นหนึ่งใน 9 โรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียงทั่วประเทศ ถึงขั้นมีโทรทัศน์ช่องหนึ่งมาถ่ายทำรายการ ข้าพเจ้าเป็นครูที่นั่นรู้สึกสมเพชมาก เด็กตอบได้หมด ชัดเจน ถูกต้อง แต่เบื้องหลัง ในแต่ละวันไม่ต้องทำอะไร นำเด็กแยกเป็นกลุ่มซ้อมตอบคำถามอย่างเดียว....และยิ่งเมื่อมองที่ตัวเด็กยิ่งมีพี้นฐานที่แตกต่างกัน ความพร้อมไม่เหมือนกัน ยิ่งจะชี้ให้ทุกคนเห็นได้ชัดว่า เกณฑ์การประเมินจะต้องมีผลเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งเป็นแท้ ดังนั้นในส่วนตัวผมไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ขอให้ตรวจสอบได้เป็นวิทยาศาสตร์ และห้ามหลายมาตรฐาน สักพักครูทุกคนจะต้องพัฒนาตัวเองไปสู่เกณฑ์นั้นๆได้เอง อย่างผมที่ส่งผลงานเพื่อขอมีหรือขอเลื่อนเป็นวิทยฐานครูชำนาญการพิเศษ โดยใช้รางวัลระดับชาติ 2 ชิ้น กว่าผมจะประสบผลสำเร็จ งบประมาณส่วนตัวหมดร่วม 2 แสน กับการทุ่มพัฒนาฝึกเด็กกว่า 20 คน เข้าค่าย ซื้ออาหาร ซื้ออุปกรณ์ ซื้อโปรแกรม เป็นเวลาร่วมปี และสามารถคว้าเหรียญรางวัลระดับชาติมา 2 รางวัล ทุกท่านคงสงสัยว่าทำไมไม่เบิกเงินโรงเรียน เรียนให้ทุกท่านทราบว่า ถ้าเป็นโรงเรียนที่อยู่บ้านนอกงบประมาณน้อยนิดจะเอาเงินมาจากไหน ดังนั้นสรุปว่า ไม่ว่าจะแบบไหนผมเห็นด้วยครับ แต่ให้ชัดเจน ตรวจสอบได้ ส่วนเรื่องเด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ก็ต้องพยายามกันต่อไปครับ หรือทุกท่านว่าอย่างไร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท