สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ตอนนี้ผมก็ฝึกงานไปได้ครบ ๑ อาทิตย์ แล้วนะครับ (เริ่มฝึก ๑ พ.ย. ๒๕๕๐) มีความสุขสบายดี ได้พบเจออะไรใหม่ๆ มากมายทั้งด้านบวกด้านลบ เป็นการฝึกฝนตนเองชั้นดี น่าจะเพิ่มทักษะการใช้ชีวิตให้กับผมมากขึ้น รวมถึงได้เห็นโจทย์ต่างๆ มากมายที่ยังคงค้างคาใจ ว่าทำไมอย่างนั้น ทำไมไม่อย่างนี้ เดี๋ยวซักพักคงได้มาเล่าให้ฟัง วันนี้มีเรื่องอื่นมาเล่าครับ
เดิน เดิน ตอนนี้ เป็นตอนที่ ๒ แล้วนะครับ ตอนที่ ๑ นั้นชื่อตอนว่า "เดินวน" ท่านสามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่ (คลิกซิ) หรืออ่านตอนที่ ๒ นี่เลยก็ได้ครับ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน
คนส่วนใหญ่ในโลกนี้นะครับ จะมองคนที่อยู่สูงว่ายิ่งใหญ่ เด่น สง่างาม น่าอิจฉา อยากทำได้เช่นนั้นมั่ง (บางคนนะครับ) แต่จะมีซักกี่คนที่เข้าใจว่า คนที่อยู่สูงต้องเผชิญกับอะไรบ้าง สิ่งที่อยู่ใต้การควบคุมเป็นอย่างไร แล้วสิ่งที่เหนือกว่านั้นอีกละ ยังมีอีกรึเปล่า มันเป็นสิ่งที่บางครั้ง คนที่มองขึ้นไปไม่สนใจที่จะคิด แต่จริงๆ มันมีมั้ยครับ
การเดินขึ้นที่สูง ต้องพร้อม ..... เหมือนหนึ่งคนบนยอดเขาที่ต้องผจญทั้งแดด ลม ฝน โดยไร้ร่มกำบัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นต้นทุนที่ทุกคนต้องคำนึง เมื่อเลือกจะเดินขึ้นไป
...
อันที่จริง การเดินบนที่สูงๆ แม้จะลำบากกว่าการเดินบนพื้นราบ แต่ก็ช่วยป้องกันการพลัดหลงได้มาก ทั้งนี้เนื่องจากภูมิประเทศที่มีขึ้นมีลง มีหุบห้วยกิ่งเหว มียอดเขาตีนภู ล้วนเป็นความหลากหลายที่ทำให้กำหนดทิศทางง่ายขึ้น ความราบโล่งเสียอีกมักนำไปสู่การหลงทาง ทั้งนี้เนื่องจากไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เหมือนกันหมด แต่ก็แน่ละ การเดินบนพื้นที่ลาดชันย่อมต้องอาศัยหัวใจที่ใหญ่โตกว่าการเดินบนเส้นทางราบเรียบ เพราะมันไม่เพียงต้องทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตไปหล่อเลี้ยงทุกกลีบกล้ามเนื้อเท่านั้น หากยังต้องคอยถ่วงรั้งความคิดที่มักถดถอย ยอมจำนนอยู่ตลอดเวลา
ในโลกนี้นะครับ อาจไม่มีกิจกรรมใดใดของมนุษย์ที่เหนื่อยล้าสาหัส เท่ากับการเดินขึ้นภูเขาสูง มันเป็นการต่อสู้ ทั้งกับตัวเอง กับแรงโน้มถ่วงที่คอยฉุดรั้งให้เราหยุดอยู่กับที่ กระทั่งพอใจอยู่แค่การเดินลงสู่ที่ต่ำ ลืมจุดหมายปลายทางของตนเอง
....
น่าตกใจที่คนส่วนใหญ่ อยากเดินขึ้นสูงแต่ดันหาทางขึ้นไม่เจอ ผมว่ามันไม่ยากนะ ลองพิจารณาดีดี ทางมันมีอยู่ แต่ก็นั่นแหละครับ ต้องเผชิญกับอะไรบ้างก็เรียนเชิญพิจารณาดูเอา ถามจะถามผมหรอ ผมไม่ทราบหรอกครับ เพราะผมไม่เคยขึ้นไปบนนั้น
...................
จบแล้วครับ ถ้าไม่เข้าใจก็กลับไปอ่านอีกรอบ แล้วลองคิดในแนวทางของตน ไม่ต้องเข้าใจตามผมก็ได้นะครับ เอาในความคิดของตนเอง เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังไต่ฝันครับ
อาจารย์ทั้งหลายอ่านแล้วคอมเมนต์ด้วยจิ โดยเฉพาะอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ ม.นเรศวร อะ พี่ๆ น้องๆ คนอื่นด้วยนะ รู้มั้ยเนี่ยว่าลูกศิษย์คิดถึง
.......
งืมมมมม เนอะมันยาก.....มากกกกก (บวก)
แต่การเดินขึ้นที่สูงอ่ะ
วาวว่ามันต้องอาศัยแรงผลักดันจากคนรอบข้าง
ที่คอยเป็นกำลังใจด้วยนะ (แค่คิดอ่ะ) แฮ่ๆ
แต่ถึงอย่างไร...เราทุกคน ก็ยังคงต้องเดินทางต่อไปค่ะ
ไม่ว่าจะสูงแค่ไหนก็ไปถึง ไม่มีคำว่าสูง วัดได้หากใจถึง จะหนาวเหน็บ หนาวแค่ไหนจะฝ่าไป ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟจะฝ่าไป.....
รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อยถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง....
มอบให้2เพลงนะคะอิอิ พออ่านแล้วคิดถึง 2เพลงนี้เลย
เมื่อยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่ทำไมคนเราถึงอยากไปอยู่กันนักนะ จริงป่ะ ถึงแม้จะมีคนมากมาย ต้องการที่จะหยุดเพราะสิ่งที่เขาฝันไม่ได้ดั่งใจหวัง แต่เขาก็พยายามฝ่าฝันให้ไปถึง แสดงว่า ที่สูงนั้นมันต้องเป็นสิ่งที่สวยงามเพราะมันมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ซึ่งทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละคนที่จะไปไขว่คว้ามันมา ว่าจะทำด้วยวิธีไหน แต่ก็ขอให้เลือกวิธีที่ถูกต้องก็ละกัน.....
อ่านแล้วนับถือนายเลยจริงๆปืน ทำเป็นหนังสือเมื่อไหร่บอกนะ จะซื้อมาอ่านคนแรกเลย
...
เส้นทางของชีวิต ถือเป็นเส้นทางที่ยาวไกล และวกวน คดเคี้ยว เป็นทางที่เราไม่มีทางรู้ว่าต้องพบอะไรบ้าง และมันจะจบแบบสวยหรูแค่ไหน แต่ส่วนใหญ่ชีวิตคนเราก็ต้องพบทั้งความทุกข์และความสุข เจอทางเดินที่ราบเรียบและขรุขระ สลับกันไปมา ไม่มีหยุดหย่อน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
และก็มีบางคนที่ปลื้มกับทางขรุขระนั้น เขามองว่ามันเป็นทางที่ทดสอบความสามารถของเขา เต็มไปด้วยความสนุก น่าตื่นเต้น แม้ต้องแลกมากับความทุกข์ ความยากลำบาก บางทีต้องแลกกับบาดแผลก็ตาม
แต่ถึงอย่างไร ชีวิตก็จำเป็นต้องเดินต่อไปจนถึงที่สุด...
""
บางทีเดินขึ้นสูงแล้ว
หาทางกลับลงมาไม่ได้ก็มีนะ
แบบว่า หลงทางไง
อากาศหนาวแล้ว
ดูแลสุขภาพให้ดีนะ