เมื่อวานนี้ 4
กุมภาพันธ์ 2549
ผมได้เป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์การคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้าศึกษาในระดับปริญญาตร
ี ประเภทรับตรง ปีการศึกษา 2549
ซึ่งแทบจะเรียกว่าเป็นหน้าที่ประจำของผมเลยก็ว่าได้เพราะผมทำมามากกว่า
4 ปีแล้ว สำหรับปีนี้ก็คล้ายๆกับทุกปีครับ ก็มีเด็กๆมาจาก
พิษณุโลกและจังหวัดรอบๆ
แต่ที่ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงก็มีเรื่องของกระบวนการทางความคิด
(Systemetic Thiking) ของเด็กเริ่มเป็นระบบมากขึ้นกว่ารุ่นอื่นๆ
ทำให้ผมนึกในใจว่ารุ่นนี้น่าจะสอนสนุกเพราะเด็กคิดเป็นคิดได้
ผมได้สัมภาษณ์เด็กคนหนี่งที่ได้โควต้าของสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
เด็กคนนี้เข้ามาสัมภาษณ์ด้วยความมันใจและดูสดใสแตกต่างจากเด็กๆคนอื่นอย่างเ
ห็นได้ชัด
ในระหว่างที่เด็กคนนี้เริ่มแนะนำตัวเองผมก็เปิดแฟ้มสะสมงานและรายงานผลการเร
ียน ผลงานอยู่ในระดับดีมากครับทำกิจกรรมทุกอย่าง เกรด 3 กว่าๆ
ดูดีทุกอย่างก็ว่าได้เลยครับ แต่ผมมาเห็นคณะที่เขาเลือกเรียน
อันดับหนึ่งคือด้านสายสุขภาพ(ขอไม่บอกก็แล้วกันว่าเป็นสาขาอะไร)
อันดับสองคือ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
ผมจึงถามเขาว่าทำไมถึงเลือกเรียนเช่นนี้ มันไม่เกี่ยวกันเลยนะ
และคุณต้องการที่จะเป็นอะไรในอนาคต
เด็กตอบผมว่าอันดับหนึ่งครอบครัวเลือกให้ อันดับที่สองเลือกเรียนเอง
ส่วนอนาคตตัวเองอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
แล้วเด็กก็เล่าให้ผมต่อไปว่าตั้งแต่เด็กก็จะถูกกำหนดกรอบให้เดิน
เด็กก็ยอมทำตามเนื่องจากเขาไม่อยากคุณพ่อคุณแม่เสียใจในตัวของเขา
และคำพูดสุดท้ายคือ
"หนูไม่ได้ชอบแต่ถ้าจะให้หนูทำหนูก็ทำได้"
สุดท้ายนี้ผมอยากเห็นความคิดเห็นของผู้อ่านบ้างครับว่าคิดเห็นอย่างไรกับเรื
่องนี้ แบ่งปันให้ผมหน่อยครับ
(http://www.phitsanulok.info/blog/2006/02/blog-post_05.html)