วัชรินทร์ เขจรวงศ์
นาย วัชรินทร์ เขจรวงศ์ วัชร์ เขจรวงศ์

จับตาเลือกตั้ง สส.ร้อยเอ็ด ปี ๕๐


การเมือง
จับตาเลือกตั้ง สส.ร้อยเอ็ด ปี ๕๐ คาดมีสิทธิ์ลุ้น เพียง ๔ พรรค (พลังประชาชน ๔ , รวมใจไทยชาติพัฒนา ๒, ชาติไทย๑ ,เพื่อแผ่นดิน ๑ ) ทันทีที่ได้มีการประกาศพระราชกฤษฏีกากำหนดวันเลือกตั้ง ทั่วไปในวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๕๐ ก็ถือเป็น การเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลหาเสียงกันอย่างเป็นทางการ ตามรัฐธรรมนูญ ปี ๕๐ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการเลือกตั้งที่มีวิธีการที่ แตกต่างไปจากเดิม  คือ แบ่งเขตเลือกตั้งกันใหม่ ให้เป็น ๓ เขตเลือกตั้งกำหนด ให้ผู้มีสิทธิ์ ออกเสียง ได้ลงคะแนนตามจำนวน สส.ที่มีในแต่ละเขตตลอดจน มีการย้ายพรรค ย้ายเขตกันในกลุ่มผู้สมัคร จึงทำให้ เเงื่อนไขและตัวแปรต่างๆ ที่อาจจะส่งผลต่อการเลือกตั้ง ต้องเปลี่ยนแปรได้ด้วย
บทวิเคราะห์นี้ เป็นการวิเคราะห์กึ่งวิชาการ ที่พิราบข่าวมีความประสงค์ที่จะ ให้ข้อมูลข่าวสารให้ความรู้ความเข้าใจต่อผู้อ่านอย่างเป็นการทั่วไปตามที่เคย ปฏิบัติมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๓ ปี อีกทั้งขอยืนยันว่าเป็นการ แสดงความเห็นด้วยใจ บริสุทธิ์  มิได้มีเจตนาที่จะชี้นำ หรือ จูงใจให้คุณให้โทษ ต่อผู้สมัครรายใด หรือ พรรคการเมืองใดทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลที่นำเสนอ เป็นการสรุปโดยอิงสมมุติฐานจาก ข้อมูลการเลือก ตั้งในอดีต, รูปแบบการแบ่งเขต, ฐานเสียงทางการเมือง, พฤติกรรมการลง คะแนนของผู้ใช้สิทธิ์, บทบาททางการเมืองในอดีต และสรุปจากการระดม สมองของทีมข่าวการเมือง เป็นสำคัญ จึงขอให้ พึงใช้วิจารณญาณในการอ่าน ทรท.แปรสภาพเป็น พปช. แข่งเขตใหม่ นิสิตเสียเปรียบสุดๆการเลือกตั้งที่มีวิธีที่แตกต่างไปจากเดิม คือการเลือกตั้งแบบรวมเขต ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเลือกผู้แทนฯ ได้ตามจำนวน สส. เช่น ชาว บ้านที่อยู่ในเขต ๑ และ เขต ๒ สามารถเลือก สส.ได้ถึง ๓ เบอร์ และชาว บ้านที่อยู่ เขต ๓ เลือกได้เพียง ๒ เบอร์ จึงทำให้การแบ่งเขตเลือกตั้ง มีอันต้อง เปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่ง กกต.กลางได้แบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดร้อยเอ็ด ให้เป็น ๓ เขต  คือ เขต ๑ ประกอบด้วย อ.เมืองร้อยเอ็ดอ. อาจสามารถ, อ.ธวัชบุรี, อ.โพธิ์ชัย, อ.จังหาร, อ.ศรีสมเด็จ, อ.เชียงขวัญ และอ.ทุ่งเขาหลวง ประชากร รวม ๔๙๐,๙๔๗ คน มี สส.ได้ ๓ คน
เขตเลือกตั้งที่ ๒ ประกอบด้วย อ.สุวรรณภูมิ, อ.เกษตรวิสัย, อ.จตุรพักตร พิมาน, อ.พนมไพร, อ.ปทุมรัตต์, อ.โพนทราย, อ.หนองฮี และ อ. เมืองสรวง ประชากรรวม ๕๐๑,๙๙๑ คน มี สส.ได้ ๓ คน
เขตเลือกตั้งที่ ๓ ประกอบด้วย อ.เสลภูมิ, อ.หนองพอก, อ.เมยวดี และอ .โพน ทอง ประชากรรวม ๓๑๗,๑๐๙ คน มี สส.ได้ ๒ คน
ทั้งนี้ก่อนที่จะประกาศการแบ่งเขต กกต.ร้อยเอ็ด ได้มีการเปิดโอกาสให้ ประชาชนที่สนใจ ได้มีโอกาสร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งได้มีประชาชนจาก อ.อาจสามารถ จำนวนหนึ่งได้มายื่นหนังสือคัดค้านการแบ่งเขตรูปแบบนี้ โดย เห็นว่า การแบ่งเขตรูปแบบนี้ทำให้ อ.อาจสามารถ กับ อ.พนมไพรมีอันต้อง แยกขาดจากกัน  ซึ่งจะทำให้นายนิสิต สินธุไพร ว่าที่ผู้สมัครที่กลุ่มตนรัก และ ศรัทธา จะเสียเปรียบอย่างมากที่สุด เพราะฐานเสียงสำคัญได้ถูกฉีกออกจากกันพฤติกรรมเก่าๆ จะกลับมา และยึดตัวคนมากกว่าพรรค รูปแบบการเลือกตั้งเดิมที่ใช้หลัก วันแมนวันโหวต เป็นวิธีที่ทำให้ผู้ใช้สิทธิ์ ต้องตัดใจเลือก สส.คนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะ  วิธีเดิมมีผลดีที่ ประชาชน ทุก คนมีโอกาสในการเลือกได้เท่าๆกัน สามารถเลือกคนที่ดีที่สุดได้ แต่ข้อเสีย ก็คือ เป็นการเปิดโอกาสให้คนที่คิดแต่จะขายเสียง สามารถปั่นราคาในการขายเสียง ให้มีราคาแพงกว่าเก่า จึงเป็นเหตุให้รัฐธรรมนูญ ปี ๕๐ กำหนดให้กลับไปใช้ วิธี การเลือกตั้งตามแบบเดิม คือ หนึ่งคนลงค ะแนนได้ ตามจำนวนสส.ในแต่ละ จึงทำให้มีการลดจำนวนเขตเลือกตั้งให้น้อยลง และขยายพื้นที่เขตเลือกตั้งให้ ใหญ่ขึ้น
แต่เมื่อมีการรวมเขตเลือกตั้งให้ใหญ่ขึ้น จึงทำให้ฐานคะแนนในการเลือกตั้ง มีขนาดใหญ่ขึ้น  ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้ชาวบ้านเลือก (หรือ ปันใจ)ได้มาก กว่าเดิม ทัศนคติแย่ๆในการลงคะแนนที่คาดว่าจะกลับมาอีก ก็คือ  ๑ คะแนน ให้คนที่รักและศรัทธาที่สุด ๑ คะแนนเลือกคนที่มีบุญคุณติดค้าง และ อีก ๑ คะแนนให้คนที่จ่ายเยอะที่สุด  และหากทัศนคติเหล่านี้กลับมาอีก ก็คงเป็นหน้า ที่ของ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อผู้มี สิทธิ์ลงคะแนน
และเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบความสนใจของประชาชนต่อพรรคการเมือง และตัวผู้สมัคร โดยการสุ่มถามประชาชน พบว่ายังมีจำนวนมากที่ให้คำตอบ ว่าจะเลือกเป็นตัวบุคคล มากกว่ากลุ่มคนที่ตอบว่าเลือก เพราะศรัทธาในพรรค
เขต ๑  คาดว่า  แตกเป็น ๓  คน ๓ พรรค สนามเลือกตั้งเขต ๑ คาดว่าจะต้องเป็นสนามที่ร้อนฉ่าอย่างที่สุด เพราะเป็น การเชือดเฉือนกันระหว่าง อดีต สส.ระดับดาวค้างฟ้าจำนวน ๔ คน  คือ นาย อนุรักษ์ จุรีมาศ จากพรรคชาติไทย, นายสานิต ว่องสัธนพงษ์ จากพรรค เพื่อ แผ่นดิน, นายเศกสิทธิ์  ไวยนิยมพงศ์  และ นายฉลาด ขามช่วง จากพรรคพลัง ประชาชน นอกจากนี้ ยังมีเหล่าบรรดาผู้สมัครที่น่าใจอีกหลายท่าน เช่น นาง จารุวรณ ศรีลาภ ที่ย้ายพรรคมาสังกัด พรรคมัชฌิมาธิปไตย, นายวราวงศ์  พันธุ์ศิลา ผู้ซึ่งยังคงยืนหยัดในการเป็นลูกหม้อ ทรท.มาโดยตลอด, นายประณต เสริฐวิชา อดีต สส.สิงห์เฒ่ารุ่นลายคราม ก็หวลคืนรังเดิมพรรคประชาธิปัตย์ 
อดีต สส. เศกสิทธิ์  น่าจะเป็นเต็ง ๑ ด้วยผลงานเดิม ที่ขยันหา งบกองสลากมาพัฒนา และ การผลักดันศูนย์วิทยาศาสตร์ ธวัชบุรีจน มีการวางศิลาฤกษ์เรียบร้อยแล้ว ประกอบ กับการที่มีภาพลักษณ์ที่จงรักภักดีต่อไทยรักไทยมาโดยตลอด  ในขณะที่ อนุรักษ์ จุรีมาศ ก็ยังมีความแน่นปึ๋งในเขต อ.เมือง เพราะมีฐานคะแนนเฉพาะของตนเองอยู่แล้ว โดยไม่ ต้องพึ่งพากระแสความนิยมในตัวพรรค หรือ ลูกพี่ แต่ประการใด
สานิต ว่องสัธนพงษ์ และฉลาด ขามช่วง จากเพื่อนรักที่เคยร่วมวังเดียวกัน เคยช่วย เหลือ เอื้ออาทรต่อกันในการหาเสียง  ก็คงจะต้องหันมาขับเคี่ยวกันเอง เพื่อแย่ง คะแนน ลำดับที่ ๓ เ พราะทั้ง ๒ ท่าน  ต่างก็คนนิยมรักและศรัทธาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่คาด ว่า สานิต ก็ยังคงมีแต้มต่อที่ดีกว่านิดหน่อย หากว่าเราจะพิจารณาจากผลคะแนน การ เลือกตั้ง สว. ครั้ง ที่ผ่านมาที่ สานิตสามารถกวาดคะแนนมาเป็นอันดับที่ ๑ ของจังหวัด ร้อยเอ็ด ย่อมเป็นผลงานที่มองข้ามไม่ได้จริงๆ
เมื่อพิจารณาขุมข่ายทางการเมืองของแต่ละท่านแล้ว คาดว่าผลการเลือกตั้งเขตนี้ มีโอกาสอย่างมากที่จะออกมาเป็นลักษณะ ๓ หนุ่ม ๓ มุม โดยผู้สมัครกลุ่มที่เป็นอดีต ส.ส. จะดูมีภาษีที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเชื่อว่าน่าจะมีอดีต ส.ส. ไม่ต่ำกว่า    ท่านที่จะต้อง เป็นผู้พลาดหวังเขต ๒ นิ๊งหน่องมาแล้ว นิสิต/กิตติ เตรียมหืดจับเขตเลือกตั้งที่ ๒  ความเห็นต่างๆที่หลั่งไหลออกมา ล้วนเป็นกระแสเสียงที่ออกไปใน ทิศทางเดียวกัน ว่า เต็ง ๑  ของเขตนี้ต้องยกให้กับ ผู้สมัครจากพรรครวมใจไทย ชาติพัฒนา ที่มีนามว่า วิรัช ประราศรี หรือ  “กำนันนิ๊งหน่องกำนันคนดังแห่ง อ.สุวรรณ ภูมิและข้อมูลที่ สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน ก็คือ ผลการเลือกตั้ง สว.เมื่อปีกลาย ที่คะแนนของ นายวิรัช หลั่งไหลมาจากท้องที่ อ. สุวรรณภูมิ และโพนทราย อย่างชนิด ถล่มทลายหลายหมื่น คะ แนน  ผู้สมัครรายต่อไปที่ คาดว่าน่าจะตามมาได้  คงต้องยก ให้ นายศักดา คงเพชร ที่มีฐาน เสียงแน่นหนาใน อ.เกษตรวิสัย และปทุมรัตต์ 
ดังนั้น ตำแหน่งที่ ๓ ที่จะลุ้นอย่างชนิดหืดจับ คงต้องเป็นผู้สมัครจากพรรคเดียวกัน ระหว่าง นายกิตติ สมทรัพย์ และ นายนิสิต สินธุไพร เพราะทั้ง ๒ ท่านต่างพบขวาก หนามที่หนักหนาสาหัส ด้วยกันทั้งคู่ คือ นายนิสิต สูญเสียฐานเสียงสำคัญ ใน อ.อาจ สามารถ ในขณะที่ นายกิตติ มีฐานเสียงที่ทับซ้อนกันกับ นายวิรัช ประราศรี 
ผู้สมัครรายอื่นๆ ในเขตนี้ที่น่าสนใจ และไม่สามารถมองข้ามไปได้ ยังมีอีกหลายท่าน ซึ่งยังอยู่ในฐานะที่มีลุ้นด้วยกันทั้งนั้น เช่น นายเกษม มาลัยศรี อดีต สว.ร้อยเอ็ด, นาย ประสบสุข เสนานคร อดีตประธานสภา อบจ.ร้อยเอ็ด, นายเวียง วรเชษฐ์  อดีต ส.ส. ร้อยเอ็ด, นายธีระพงษ์  พานทอง และนางสุนิสา เวชสุวรรณ
เขต ๓ ไม่มีเอกภาพ สุรพรทางสะดวก นิรันดร์ยังเหนียวพอ เขตเลือกตั้งที่ ๓ เป็นเขตที่มี สส.เพียงแค่ ๒ คน ดังนั้นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตนี้ จึงมีสิทธิ์กากบาทได้เพียงแค่ ๒ เบอร์เท่านั้น ซึ่งเขตเลือกตั้งนี้ เดิมเป็นเขตที่ ผูก ขาดของนายเอกภาพ พลซื่อ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แต่เนื่อง จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ สั่งยุบพรรคไทยรักไทย จึงทำให้นาย เอกภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งใน ๑๑๑ กรรมการบริหารพรรคฯ ต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการ เมือง ๕ ปี นายเอกภาพจึงหมดสิทธิ์ที่จะสมัคร สส.ในการเลือกตั้งครั้งนี้ 
สนามการแข่งขันเขตนี้ จึงทำให้นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล ผู้สมัครจากพรรค รวมใจไทยชาติพัฒนากลายเป็นเต็ง ๑ ในเขตเลือกตั้งนี้ 
สำหรับลำดับถัดไป คนที่ยังมีภาษีที่จะลุ้นยังคงต้องเป็น นายนิรันดร์ นา เมืองรักษ์ ส.ส. ผูกขาดของเขตนี้ แม้ว่าจะมีเสียงร่ำลือว่า นายนิรันดร์ กำลังอยู่ ใน ช่วง ขาลงก็ตาม  แต่ทีมข่าวก็ยังเชื่อว่า โอกาสที่ ดาวรุ่งดวงใหมจะมาทาบรัศมี ก็ยังคงมีความเป็นไปได้ไม่ค่อยง่ายนัก ไม่ว่าจะเป็นนายนิรมิต สุจารี นายกิตติ พงษ์ พรหมชัยนันท์, นายอรรณพ เพียรชนะ หรือ  ปลัดนภดล พลซื่อ  ผู้ที่นายเอก ภาพ วางตัวให้เป็นทายาททางการเมือง  และถึงแม้จะโอกาสน้อยแต่ก็ไม่ใช่ว่า หมดโอกาสไปเสียทีเดียว เพราะถ้าได้คะแนนมากกว่านายนิรันดร์ ก็เท่าว่า ผู้สมัครหน้าใหม่ เหล่านี้คนใดคนหนึ่ง ก็ต้องได้กลายเป็น ส.ส.ป้ายแดงในทันที
การเลือกตั้ง สส.แบบสัดส่วนได้รับความสนใจจากประชาชนน้อยมาก โดยเท่า ที่สำรวจ พบว่ายังไม่มีผู้สมัครเด่นๆที่น่าสนใจ จากพรรคการเมืองใหญ่ ล่าสุด พบว่า มีเพียงพรรคพลังประชาชนที่ มีข่าวจะส่งผู้สมัครที่มีความโดดเด่นลงสมัคร ในแบบนี้เพียง ๒ ราย คือ นายประเกียรติ นาสิมมา อดีต สว.ร้อยเอ็ด และ นาย มังกร ยนต์ตระกูล อดีต สส.ร้อยเอ็ด   ทีมข่าวการเมืองร้อยเอ็ด/วัชรินทร์ เขจรวงศ์
คำสำคัญ (Tags): #เกษตรสิงขร101
หมายเลขบันทึก: 144447เขียนเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2007 22:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 07:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

  

       เขต 3 ม้าคนละสนาม เพราะสนาม  ส.ว. กับสนาม ส.ส. คนละอย่าง หากศักดาคงเพชร หาบลูกทีมไปด้วย กำนันหน่องร่วง แน่เพราะกระแสพรรคพลังประชาชน (คือเลือดทักษิณ) น่าจะไม่ทำให้คนร้อยเอ็ดลืมความยากจนได้ จนลืม เบอร์ 4-5-6 เป็นแน่

เป็นจริง

พลังประชาชนเขต 1 ร้อยเอ็ดรวมกัน 3 คนไม่แตกแถวยืนนโยบายทักษิณกลับไทย
พลังประชาชนเขต 1 ร้อยเอ็ดรวมกัน 3 คนไม่แตกแถวยืนนโยบายทักษิณกลับไทย  วันนี้(8 ธันวาคม 2550)พรรคพลังประชาชน เขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดร้อยเอ็ด นำโดยนายฉลาด  ขามช่วง เบอร์ 19 นายวราวงษ์  พันธุ์ศิลา เบอร์ 20 นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ เบอร์ 21 เปิดการปราศรัยหาเสียงทีบริเวณวัดบ้านโนนเมือง ต.ธวัชบุรี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด มีประชาชนเข้าร่วมรับฟังประมาณ 500 คน โดยการเปิดการปราศรัยคือนายฉลาด  ขามช่วง นำการพัฒนาประชาธิปไตย จนมาถึงช่วงเผด็จการครองเมือง การยึดอำนาจจากประชาชน นโยบายพรรคไทยรักไทยที่สร้างความผาสุกให้กับระชาชน  30 บาทรักษาทุกโรค ทุนการศึกษา หวยบนดิน วัวล้านตัว ล้วนเป็น นโยบายที่เข้าถึงประชาชน ประชาชนได้รับผลประโยชน์ สุดท้ายมีกลุ่มที่ออกมาขับไล่รัฐบาล ที่มาจากประชาชน ได้รับเสียงเชียร์ตลอดเวลา จากประชาชนที่เข้ารับฟังการปราศรัยจากนั้นนายวราวงษ์  พันธุ์ศิลา นักการเมืองผู้มีประสบการณ์ ส.จ.ร้อยเอ็ด ตั้งแต่ปี 2538 ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 1 แต่สอบตก กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาคือ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ล้วยสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และต่างประเทศ ประชาชนมีเศรษฐกิจที่ดี มีความมั่นคงทางการค้าขาย สินค้าโอท็อปมีวางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ วันนี้เราจะนำนโยบายเกี่ยวกับความสุขของประชาชนกลับคืนมานักเรียนไม่ต้องผูกคอตายเพราะไม่มีทุนการศึกษา ต้องมีโครงการ 1 หมอ 1 ตำบล 2 นางพยาบาล มีรถยนต์ส่งคนป่วยผ่าน อสม.หรืออาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน โดยการเลือก ส.ส.ทั้ง 3 คนของพรรคพลังประชาชนสุดท้ายนายเศกสิทธิ์  ไวนิยมพงศ์ เบอร์ 21 ขึ้นกล่าวปราศรัยหาเสียงเป็นคนสุดท้าย พร้อมกล่าวย้ำว่าการยึดอำนาจจากประชาชน คือแผลร้ายที่ต้องจารึกและจดจำ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ทั้งภายในและต่างประเทศ  วันนี้ประชาชนต้องดึงอำนาจกลับคืนมาให้จงได้ จากนั้นคณะของพรรคพลังประชาชน เดินทางไปที่บ้านพลับพลา ต.พลับพลา อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อเปิดเวทีปราศรัยต่อไป อนึ่งการขึ้นเวที มีคณะติดตาของผู้สมัคร ส.ส.ต่างหาอาหารออกมารับประทาน ประกอบด้วยข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ปลาร้าบอง เป็นอาหารง่ายๆในท้องถิ่น ************** วัชรินทร์ เขจรวงศ์
โค้งสุดท้ายพลังประชาชนแรงดีมีสิทธิลุ้น 8 คนที่ร้อยเอ็ด 3 เขต
โค้งสุดท้ายพลังประชาชนแรงดีมีสิทธิลุ้น 8 คนที่ร้อยเอ็ด 3 เขต จังหวัดร้อยเอ็ด หรือเมืองเกินร้อย ประกาศแบ่งเขต 3 เขต ส.ส. 8 คน จาก 20 อำเภอ เขต 1 อำเภอเมืองร้อยเอ็ด 154,080 คน อาจสามารถ 74,903 คน ธวัชบุรี 68,327 คน โพธิ์ชัย 57,039 คน จังหาร 47,645 คน ศรีสมเด็จ 37,072 คน เชียงขวัญ 27,795 คน และอำเภอทุ่งเขาหลวง 24,086 คน รวม 8 อำเภอ จำนวนประชากร 490,947 คน เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอสุวรรณภูมิ 116,899 คน เกษตรวิสัย 99,014 คน พนมไพร 74,967 คน ปทุมรัตต์ 52,826 คน โพนทราย 27,561 คน หนองฮี 25,657 จตุรพักตรพิมาน คนและอำเภอเมืองสรวง 23,604 คน ประชากร 501,991 คน รวม 8 อำเภอ เขตเลือกตั้งที่ 3. อำเภอเสลภูมิ 121,650 คน โพนทอง 108,229 คน หนองพอก 64,732 คน และอำเภอเมยวดี 22,498 คน ประชากร 317,109 คนรวมประชากร20อำเภอ 1,310,047 คน อัตราเฉลี่ย ส.ส.1คน ต่อประชากร 163,756.88 คน เขตเลือกตั้งที่ 1. พรรคพลังประชาชน มีนายฉลาด  ขามช่วง เบอร์ 19 นายวราวงษ์ พันธุ์ศิลา เบอร์ 20  นายเศกสิทธิ์  ไวนิยมพงศ์ เบอร์ 21 เปิดการปราศรัยหาเสียงแบบรวมกัน 3 คน ทุกพื้นที่ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยชูนโยบายสางานต่อก่อนโยบายใหม่ที่ดีกว่าเดิม นำอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสานิต ว่องสัธนพงษ์ พรรคชาติไทย นายอนุรักษ์ จุรีมาศ หาเสียงเพียงลำพังคนเดียว ทั้งๆที่มีผู้สมัคร 3 คน ประกาศอำเภอเมืองคือฐานคะแนน หากขานอกคะแนนน้อย โอกาสเป็น ส.ส.คือ ชิงที 3-4 ระวังวราวงษ์  พันธุ์ศิลา ลูกในบ้านหว่านในสวน นักจัดรายการ นักพูดฝีปากเอก เรียกคะแนนได้ทุกวัน สามารถยกทีมได้ โดยเขตนี้มี ส.ส.ได้ 3 คน เขตเลือกตั้งที่ 2. พรรคพลังประชาชนนายศักดา คงเพชร เบอร์ 4 นายนิสิต  สินธุไพร เบอร์ 5 นายกิตติ สมทรัพย์ เบอร์ 6 ประชาชนนื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ บอกว่าขอพลังประชาชนยกทีม พรรคชาติไทย นายชัชวาล  ชมพูแดง เสียงแผ่วมาก พรรคมัชฌิมาธิปไตย นายวิรัช   ประราศรี หรือกำนันหนิงหน่อง กล่าวอย่างท้อแท้ว่า หาเสียงยากมากๆๆปที่ไหนมีแต่พลังประชาชน เขตนี้มี ส.ส.ได้ 3 คนเขตเลือกตั้งที่ 3.พรรคพลังประชาชน นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ เบอร์ 5 นายนิรมิต สุจารี เบอร์ 6 พรรคเพื่อแผ่นดิน  นายนภดล พลซื่อ  เบอร์ 7 พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล  เบอร์ 1เขตนี้มี ส.ส.ได้ 2 คน  ประชาชนยังมองหาพรรคพลังประชาชน ส่วนทาญาตินายเอกภาพ พลซื่อ ต่างบอกว่ายังเด็กมีอนาคต รักเอกภาพต้องกาคะแนนให้เอกภาพ ส่วนนายสุรพร ความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฏห่างเวทีไปนาน ความหวังน้อยลงมา เพราะหมายเลข 5-6 ยังแรงดี วัชรินทร์ เขจรวงศ์
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท