เรื่องเล่าจากเกษตรกรในตลาดนัดความรู้ไข้หวัดนก
ผมขอนำเรื่องเล่าบางเรื่องที่เกษตรกรเล่าตอนประชุมกลุ่มย่อยเมื่อวันที่ ๑๘ กค. ๔๘ เพื่อแสดงให้เห็นว่า “ความรู้ปฏิบัติ” ของเกษตรกร ในการเลี้ยงสัตว์ปีกไม่ให้เป็นโรคหวัดนก มีอยู่มากมาย สามารถนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และยกระดับความรู้เพื่อใช้งานต่อเนื่องต่อไปได้ และสามารถนำมาคิดโจทย์วิจัยยกระดับความรู้ให้เป็นความรู้เชิงวิทยาศาสตร์ได้อีกด้วย
เรื่องเล่าต่อไปนี้ทีมงานของ ศช. (ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ) และ มสช. (มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ) เป็นผู้บันทึกไว้
คุณสมพงษ์ ธูปอ้น (อ. ตะพานหิน พิจิตร):
ไข้หวัดนกมากับนก แต่ไก่ดันตายไปด้วย แต่สวนของผมกลับไม่ตาย เพราะว่า เรามีการดูแลปฏิบัติ และต้องหาไก่พันธุ์ต้านทานโรคด้วย เรื่องสมุนไพรเป็นเรื่องประกอบการเลี้ยง ไม่ใช่เรื่องหลัก สุนัขก็เป็นอีกเรื่อง ผมไม่เลี้ยงเพราะว่ามันนำเชื้อมาได้ ...สมุนไพรก็กินทั้งคนทั้งไก่ ผสมกินกับน้ำผึ้ง ไม่มีอัตราการผสมที่แน่นอน สมุนไพรมีชื่อ บอระเพ็ด กระเพราแดง กระเพราขาว ฟ้าทะลายโจร ไพล (รักษาเนื้อชอกช้ำ) มะกรูด ถ้าไก่เป็นหวัดนะ เอามะกรูดไปขยี้ ๆ แล้วไปวางข้างๆ เล้าไก่ให้ไก่ดม ...ผมไปที่พิษณุโลกมานะ มะกรูดก็ใช้ดับกลิ่นในห้องน้ำด้วย ...ไก่ตายธรรมชาติก็มี แต่ตายปกตินะ เช่นตายตอนฝนตกและไก่ตีกัน ตายเองก็มี พวกหวัดธรรมดาก็ทำให้ไก่ตายได้ โดยปกติจะไม่ฝัง จะเผาทิ้ง มีไก่ประมาณ 200 กว่าตัว เลี้ยงหมุนเวียนปีละ 4 ครั้ง ซึ่งเลี้ยงมา 20 กว่าปี เราไม่ได้กักขังเขานะ รอบนอกบ้านก็มีสุนัขเฝ้าบ้าน มีคูน้ำรอบบ้าน พื้นที่ทั้งบ้านประมาณ 18 ไร่ แบ่งเป็นพื้นดินประมาณ 7 ไร่ ใช้น้ำธรรมชาติทั้งกินทั้งเลี้ยง ไม่ใช้น้ำประปา มีพื้นที่ที่เป็นสระใหญ่ไว้กักน้ำอีก เอาไว้ปล่อยน้ำเข้าคูให้น้ำไหลเวียน ...คุณหมอวิจารณ์ก็เคยไป ไปตอนหน้าฝน ...ลักษณะเล้า เป็นแบบอยู่กับดิน ส่วนพื้นเล้าจะใช้แกลบสะอาดโรย แล้วมีการดูขี้ไก่อยู่ตลอดเวลา เช่น มีขี้ขาวไหม คอยสังเกตทุกวัน โดยเฉพาะหน้าร้อนกับหน้าฝนต้องดูแลเป็นพิเศษ เล้าไก่ของผมก็มีหลังคาด้วย ...วิธีเลี้ยงก็ใช้สมุนไพรด้วย สมุนไพร ต้องให้ไก่มันตอนเช้านะ ถ้าให้ตอนเย็นมันจะไม่ค่อยกิน สมุนไพรมันก็ขมนะ ค่อยๆ ฝึกให้ไก่กินนะตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ ...ผมก็ใช้เปลือกสัปปะรดและกากน้ำตาลมาหมักกับหัวเชื้อจุลินทรีย์มาหมักใช้ด้วยนะไว้เป็นปุ๋ยปลูกต้นไม้ ...ในที่ของผมผมก็เลี้ยงปลาด้วยนะ ...ไก่เนี่ย เอาปลายข้าวโรยให้มันกิน โรยหว่าน ...ผมก็เคยไปดูงานมาหลายครั้งนะ ที่เกี่ยวกับการเกษตร ...ที่ผมเลี้ยง 200 กว่าตัวเพราะผมมีกำลังแค่นี้นะ ...ผมไม่เลี้ยงไก่ไว้บนบ่อปลาเพราะว่ามันขายไม่ได้นะ ไม่มีใครซื้อ บ่อปลาของผมผมก็จะปลูกฝรั่งรอบบ่อเลยนะ ...แกลบ ผมจะซื้อมาจากโรงสีย่อยในพื้นที่ โดยจะเอามาตากให้แห้ง สัก 20 วัน และจะผสมกับหัวเชื้อ EM ฉีดผสมไปด้วยนะ ก็จะเอาแกลบมาโรยรอบเล้าไก่ ให้มันช่วยสลายขี้ไก่ด้วย ส่วนลานพื้นดินที่โรยแกลบชุดเดิม ก็จะมีการเปลี่ยนทุก ๆ 15-20 วัน และแกลบที่ไปซื้อมาจากโรงสีข้าวมันก็ต้องมีความชื้นต่ำตามธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่งั้นข้าวก็จะชื้น ...ไก่ตายผมจะเผาเลย ผมจะไม่ฝังนะเพราะผมไม่เชื่อตาม ทีวี ผมว่าการฝัง ถ้าฝังไม่ดีเชื้อโรคมีโอกาสแพร่ออกมาได้ ยิ่งผมใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่ด้วยนะ ผมเลยเผาดีกว่า
<p> </p> <h1>คุณรุ่งฤดี:</h1>เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง เลี้ยงแค่ฝูงเดียวประมาณ 6 พันตัว เราเลี้ยงแบบโรงเรือนเปิด ในกรณีที่ฝนตก เราจะซื้อหัวหอมมาเลยมาสับ ๆ ผสมกับพริกแล้วโรยข้าง ๆ เล้า ให้มันจามออกมา โรงเรือนของเราก็มีไฟล้อมรอบให้ไออุ่นด้วย ...ถ้ามีลูกเป็ดชุดใหม่มา จะไม่ได้นอนทั้งคืน ต้องคอยกวนให้มันตื่นตลอดเวลาเพื่อให้มันกินอาหาร ไม่งั้นถ้ามันสุม ๆ กันตัวข้างในมันจะไม่ได้กิน แล้วก็ตาย พอครบ 20 วันก็จะเริ่มฉีดยาละนะ ดิฉันอยู่กับเป็ดไล่ทุ่งมา 8-9 ปีแล้วนะ ก็เอารถ 6 ล้อมาขนไปขนมาตลอด ดิฉันสัมผัสทั้งขี้เป็ดมาแล้ว ยังไม่เป็นไข้หวัดนกเลย แล้วเรื่องอหิวาต์สำหรับเป็ดไล่ทุ่งคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำวัคซีนป้องกัน แต่จะใช้วิธีดูอาการดูขี้ของมันแทน ...ถ้าฝนตกนะก็ไล่มันเข้าเล้า ถ้าเป็ดเป็นหวัดให้ทิฟฟี่แน่นอน ไม่ใช้ยาสัตว์แน่นอน เพราะใช้แล้วมันไม่หาย ใช้ทิฟฟี่บด ๆ ผสมน้ำแล้วต้มให้มันกิน ...วัคซีนเพ็ก (ป้องกันวัณโรค) จะฉีดเดือนละครั้ง โดยให้เป็น 2 เท่าเลยนะ ให้ตามปกติมันไม่ช่วยอะไรเลย ...เราเน้นค้าขายแบบเร็ว พอเป็ดโตเริ่มไข่ออก ก็ขายเลยทันที ได้กำไรแน่นอน ...ตอนเลี้ยงเป็ดนะ ใส่หมวกแค่ใบเดียวเอง ไม่กลัวไข้หวัดนกหรอก ตอนขนเป็ดไปส่งไปขายก็ไปทั่ว ไปภาคใต้ ไปมาหมดแล้ว แต่ปัญหาตอนนี้คือ ส่งไปขายทางใต้ไม่ค่อยได้เพราะว่าทางใต้เขามีฟาร์มที่มีมาตรฐานกว่า ...เป็ดที่เลี้ยงซื้อพันธุ์มาจากสุพรรณนี่แหละ มีบางชุดก็มาจากชลบุรีและนครปฐมเหมือนกัน แต่ที่แน่นอนว่าเป็นชุดที่ดีดีก็เป็นลูกเป็ดที่มาจากโรงฟักที่ชลบุรี ทางชลบุรีบอกว่าเขาผสมน้ำหัวเชื้อกับ enzyme ออกมาจากเล้าเลยนะ คุณภาพดี ...อีกอย่างที่ไม่ทำวัคซีนอหิวาห์เพราะว่าพอฉีดแล้วไข่หดนะ ไม่เอาดีกว่า ...ตอนนี้มีอีกโรคนึงนะคือโรคสั่นหงิก ๆ งอ ๆ โรคมาทีตายเยอะเลย ...เป็ดที่เลี้ยงก็มีข้อดีคือว่า เป็ดมันกินหอยเชอรี่ได้ ตรงนี้ชาวนาจะชอบมากเพราะมันกินหอยพวกนี้ได้ อีกอย่างคือให้มันกินพวกข้าวเปลือกที่หล่นตามดินตรงพื้นที่นาก่อนที่จะลงข้าวแปลงใหม่ ...เป็ดไล่ทุ่ง ก็เลี้ยงประมาณ 5 เดือนนะ พอเริ่มลงไข่ก็ขายได้เลย อาหารก็ไม่ต้องให้เลย ให้มันหากินเองได้ สรุปคือเป็ดไล่ทุ่งมีต้นทุนอาหารแค่ 20 วันแรกเท่านั้นแล้วก็เพิ่มค่ายาค่าวัคซีนจนกว่าจะขาย ...ปัญหาที่เกิดตอนนี้ก็มีที่โดนกักเป็ดไม่ให้ไปไหน จะทำให้เป็ดมันตายเนื่องจากมันไม่ได้เดินไปไหนเลย ...การที่เจอโรคในเป็ดหรือเป็ดอมโรคนะ เราใช้ new duct กับ gentamycin มันก็หายนะ ยกเว้นถ้ามีอาการตาฝ้าตาฟางอันนั้นก็ไม่หาย ...แถว ๆ บ้านถ้าเป็ดตายก็จะเผา ...กรณีเป็ดตายในเล้าที่เลี้ยงนะ ก็มีตายบ้าง เช่นจากท้องเสีย เป็นต้น ในพื้นที่ ไม่มีการใช้วัคซีนไข้หวัดนกเลยนะ บางคนยังไม่รู้จักเลย ..เป็ดที่มีอาการตาฝ้าตาฟางมันก็จะเหม่อ ตามองฟ้า ..ตอนในสถานการณ์ระบาดไข้หวัดนกนะ การย้ายข้ามพื้นที่จะทำตอนกลางคืนตรงรอยตะเข็บนะ ไล่ให้เป็ดมันเดินไปนั่นแหละ ถ้าจะทำตามระเบียบจะขนย้ายยากมาก เพราะว่าต้องทำเรื่อง swab ตรวจก่อนนะ และต้องให้ผู้ใหญ่บ้าน ให้ อบต. รับรองด้วยนะ ...แอบเลี้ยงก็มีบ้าง ก็เส้นให้บ้างตามโอกาส ...หวัดนกรอบ 2 เกิดที่สุพรรณนะที่ลงข่าวว่ามีคนติดเชื้อไข้หวัดนก พอตรวจออกมาก็เป็นไข้ทับฤดู (ฮา) แล้วอีกอย่างนะที่เจอจริง ๆ มันไม่ใช่ไข้หวัดนก แต่เป็นไข้หวัดเงิน เป็นเงินจริงๆ นะ ทางราชการจะจ่ายเงินชดเชยให้ ให้เอาเป็ดใส่ถุง ถุงละ 25 ตัว แต่พวกนี้ใส่จริง ๆ แค่ 5 ตัวบ้าง 7 ตัวบ้าง พอเจ้าหน้าที่มารับ ก็นับเป็นถุง ถุงละ 25 ตัวไปเลย เป็นเรื่องเงินทั้งนั้น รับเงินก็มีนะ ผู้ใหญ่บ้านรับเงินหมื่นนึงก็ปล่อยไป
<p> </p>คุณณัฐวุฒิ: เลี้ยงไก่เนื้อ
ผมเลี้ยงประมาณ 8 หมื่นตัว บนพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ มีเล้านึงของเล้าข้าง ๆ ที่ไม่ตาย เลยไปถามคนเลี้ยงมา เขาบอกว่าต้มฟ้าทะลายโจรให้กิน เล้าผมมีเลี้ยงไก่บนบ่อปลาเหมือนกัน เอาขี้ให้ปลากินด้วย พอไข้หวัดนกระบาดมา ก็ต้องให้พักเล้า ...ฟ้าทะลายโจรจะเอาไปต้มก่อน น้ำ 2 กก. แล้วเคี่ยวให้เหลือ 1 กก. แล้วผสม 1:200 ให้ไก่กิน ต้องผสมน้ำตาลลงไปด้วยนะ เพราะถ้าขม ไก่มักจะไม่กิน ...ของผมเคยมีไก่เล้า 2 หมื่นตัว พอป่วยนะ วันนึงตายเป็นร้อยเลย เจอพักเล้าอีก 3 เดือนด้วย พอผมเลี้ยงชุดใหม่ ผมเลยต้มฟ้าทะลายโจรให้กินด้วย ผมไม่ได้ใช้วิตามินเลยนะ อีกอย่าง ผมก็ใช้หัวเชื้อ EM ผสมน้ำให้กินด้วยนะ ให้มันกินตลอด 24 ชม. ลดอาการท้องเสียของไก่ได้ด้วย อีกอย่างนะ ตอนให้ฟ้าทะลายโจร บางทีผมก็ผสม Erythromycin ลงไปด้วยนะ (ให้ภายใน 30 วันแรก)...โรงเชือดที่เราส่งเป็นของอิสลามนะ มารับไก่เราเป็นไก่เป็น ๆ ...ตอนนี้ที่ 8 หมื่นตัวเราเปลี่ยนเป็นโรงเรือนแบบอีแวป (evaporator) หมดเลย แต่ก็ยังใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรอยู่เหมือนเดิมนะ จำนวนไก่ตายลดลง ..ยาฆ่าเชื้อ ก็มีผสมลงไปในน้ำในบ่อด้วย ...อาหารที่ใช้เลี้ยงก็ซื้อเป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูป ...ลูกไก่ก็ซื้อจากเซนทราโก เพราะว่าค่อนข้างได้มาตรฐาน เวลาที่ซื้อก็ซื้อตั้งแต่ลูกไก่อายุ 1 วันเลย ไก่เนื้อวันแรก ๆ จะแยกเพศยาก ถ้าได้ตัวเมียจะค่อนข้างเสียเปรียบเพราะว่าอัตราโตจะช้ากว่าตัวผู้เยอะ ...มองโรคไข้หวัดนกในไทยนะ ค่อนข้างยากที่จะทำให้หมดไปจากไทย เพราะโรคมันฝังตัวในพื้นที่ไปแล้ว ...ที่อ่างทอง ไชโย ป่าโมกข์ ตอนนี้ ไก่บ้านเขาจะไม่ให้เลี้ยงแล้วนะ
<p> </p>คุณธนเดช: เลี้ยงไก่ไข่
เลี้ยงแบบครบวงจรประมาณ 3 แสนตัว ที่สระบุรี ตอนมีไข้หวัดนก ใช้นโยบายปิดฟาร์ม ไม่ขายไก่มาเป็นระยะเวลาครึ่งปีเพราะกลัวรถที่มารับไข่มันนำเชื้อมาให้ มีการทำความสะอาดถาดไข่ ...ของผมมีโรงฟักไข่ด้วยนะ ...ฟาร์มผมเป็นโรงเรือนเปิดนะ แต่อยู่ภายใต้ระบบโรงเรือนปิด มีการพ่นยาฆ่าเชื้อให้กับรถที่เข้ามาที่ฟาร์ม มีนโยบายไม่นำสัตว์ปีกอื่นเข้าฟาร์มเด็ดขาด ...ไข่ที่ขายไม่ได้ก็ต้องนำไปฝังทิ้งในช่วงที่รัฐประกาศห้ามเคลื่อนย้าย ...ที่นี่ไม่ใช้วัคซีนไข้หวัดนกเด็ดขาด เพราะผิดกฎหมาย วัคซีนตัวอื่น ๆ เราก็ใช้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ...ที่ฟาร์ม เราก็ใช้ระบบ biosecurity ในการป้องกันด้วย และก็ได้ผลดี โรคต่างๆ ก็ลดน้อยลง ...ตอนไก่ป่วย เราทำลายทิ้งทันที เราจะไม่รักษาเพราะว่าช่วงนั้นยาก็แพง ไก่ก็ขายไม่ได้ จะใช้เรื่องสมุนไพรแทน ไม่มีการพึ่งพาต่างประเทศโดยเด็ดขาด ...อาหารที่เราใช้ เราทำเองนะ เรามีไซโล เก็บข้าวโพดใช้ได้ทั้งปี มีโรงเก็บอาหาร แต่ถ้าเราไปซื้ออาหารจากที่อื่นแล้ว ข้าวโพดที่ซื้ออาจจะมีการปลอมปนจากสิ่งอื่น ๆ ได้ เช่น Aflatoxin นะ การส่งตรวจก็ช้า รอผลประมาณ 7-10 วัน มันจะไม่ทันการ ส่วนพันธุ์สัตว์ในปัจจุบัน เป็นไก่พันธุ์ทางนะ เพราะเขาจะผสมให้ได้สายพันธุ์ที่มีคุณภาพทางการผลิตได้มากที่สุด แต่บางที ก็ทำให้สัตว์นั้นมีความต้านทานโรคลดลงได้ ดังนั้นเรื่องอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญ เน้นการให้อาหารที่ดีไว้ก่อน ...ผมมองว่าถ้าจะให้รอดจากไข้หวัดนก เราต้องมีการควบคุมโรงงานอาหารสัตว์และพันธุ์สัตว์ด้วย ...สมุนไพรที่ใช้ก็มีกระเพรา โดยป่นมาผสมอาหาร การสั่งซื้อจะซื้อมาพอดีใช้ ช่วงหลังก็ใช้น้ำหมักชีวภาพร่วมด้วย พอใช้แล้ว มูลสัตว์ก็มีกลิ่นแอมโมเนียลดลง ทำให้ไก่สุขสบาย สุขภาพดี ในกรณีเดียวกัน ถ้าไก่ท้องเสีย มันจะถ่ายเหลว พอถ่ายเหลวราดโรงเรือนมันก็จะทำให้เกิดแอมโมเนียสูง ไก่ก็ดมอยู่ในเล้า พอแอมโมเนียมันเยอะ ไก่ก็หน้าบวม มีสุขภาพไม่ดีอีก ...มูลไก่ที่ได้จากโรงเรือนนี้ ผมทำเป็นมูลไก่อัดเม็ด และผมเพิ่ม enzyme ลงไปด้วย เป็นปุ๋ยที่ดีด้วย ...ไก่ที่ผมเลี้ยง 3 แสนตัว ผมแบ่งเป็น 3 โครงการคือ ตั้งแต่เริ่มที่โรงฟักเลย มาโครงการแรกที่โรงอนุบาล แล้วก็มาเป็นโรงขึ้นไข่ เอามาขึ้นไข่อย่างเดียวเป็นฟาร์มไก่ไข่ อีกโรงจะเป็นโรงพ่อแม่พันธุ์ โดยแต่ละโรงเรือนก็ใช้มาตรฐานสากลคือแต่ละโรงเรือนห่างกัน 30 เมตร ข้างๆ จะปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ มีการจัดการเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ด้วย ช่วงหน้าหนาวจะมีผ้าใบปิดกันลมโกรก เพราะว่าถ้าลมโกรกนะ แค่คืนเดียวไก่ก็ป่วยแล้ว ถ้าช่วงอากาศหนาวจัด ๆ จะเผากิ่งไม้ตอนกลางคืนเพื่อลดความหนาว แบบเล้าไก่ได้มาจากต่างประเทศ สมัยคุณพ่อได้ไปดูฟาร์มที่ต่างประเทศเยอะ ...บ้านเราเป็นเมืองร้อน ดังนั้นเราต้องลดความร้อนให้ไก่ด้วย วิธีหนึ่งคือใช้แอร์ ซึ่งเจ๊งแน่นอน อีกวิธีคือใช้น้ำ ซึ่งไก่ก็ไม่ถูกกับน้ำอีก ดังนั้นวิธีที่เหมาะกับบ้านเราที่สุดคือควรจะเป็นแบบระบบเปิด ให้อากาศไหลเวียน
<p> </p>
สรุปประเด็นของเกษตรกรกลุ่ม 2(ไก่ไข่ เป็ดไล่ทุ่ง ไก่เนื้อ และไก่พื้นเมือง)
<p> </p>1. ใช้น้ำหมักชีวภาพ และ/หรือ EM
2. ใช้สมุนไพร
3. แยกสัตว์ที่ป่วยเป็นโรค เพื่อดูแลเป็นพิเศษ
4. สังเกตอาการของสัตว์ทุกๆ วัน
5. ป้องกันไก่โดนฝน และลมหนาว (ป้องกันไก่เป็นหวัด)
6. ใช้ระบบโรงเรือนเปิด – ฟาร์มปิด
7. ใช้ระบบโรงเรือนปิด – ฟาร์มปิด
8. มีน้ำล้อมรอบฟาร์ม (ฟาร์มปิด)
9. ให้ความรู้พนักงาน ควบคุมการเข้าออกของพนักงาน (ความสะอาด)
10. ใช้ระบบฟาร์มชีวภาพ ไม่ใช้ยาปฎิชีวนะ
11. มีการเลี้ยงแบบครบวงจร (ผลิตอาหารเอง เพาะลูกไก่เอง ผลิตแม่พันธุ์เอง)
12. เพาะพันธุ์ไก่เอง หาพันธุ์ที่แข็งแรง และต้านทานโรค
<p>13. ทำลายซากของสัตว์โดยการเผา</p>
<p> </p>