GotoKnow

เรื่องเล่าจากเกษตรกรในตลาดนัดความรู้ไข้หวัดนก

Prof. Vicharn Panich
เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2548 17:49 น. ()
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน 2555 18:52 น. ()
มีขุมความรู้เล็กๆ มากมายในเรื่องเล่าเหล่านี้

เรื่องเล่าจากเกษตรกรในตลาดนัดความรู้ไข้หวัดนก
           ผมขอนำเรื่องเล่าบางเรื่องที่เกษตรกรเล่าตอนประชุมกลุ่มย่อยเมื่อวันที่ ๑๘ กค. ๔๘    เพื่อแสดงให้เห็นว่า ความรู้ปฏิบัติ” ของเกษตรกร     ในการเลี้ยงสัตว์ปีกไม่ให้เป็นโรคหวัดนก  มีอยู่มากมาย    สามารถนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และยกระดับความรู้เพื่อใช้งานต่อเนื่องต่อไปได้    และสามารถนำมาคิดโจทย์วิจัยยกระดับความรู้ให้เป็นความรู้เชิงวิทยาศาสตร์ได้อีกด้วย
           เรื่องเล่าต่อไปนี้ทีมงานของ ศช. (ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ)  และ มสช. (มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ) เป็นผู้บันทึกไว้
คุณสมพงษ์ ธูปอ้น (อ. ตะพานหิน พิจิตร):
ไข้หวัดนกมากับนก แต่ไก่ดันตายไปด้วย แต่สวนของผมกลับไม่ตาย เพราะว่า เรามีการดูแลปฏิบัติ และต้องหาไก่พันธุ์ต้านทานโรคด้วย เรื่องสมุนไพรเป็นเรื่องประกอบการเลี้ยง ไม่ใช่เรื่องหลัก สุนัขก็เป็นอีกเรื่อง ผมไม่เลี้ยงเพราะว่ามันนำเชื้อมาได้ ...สมุนไพรก็กินทั้งคนทั้งไก่ ผสมกินกับน้ำผึ้ง ไม่มีอัตราการผสมที่แน่นอน สมุนไพรมีชื่อ บอระเพ็ด กระเพราแดง กระเพราขาว ฟ้าทะลายโจร ไพล (รักษาเนื้อชอกช้ำ) มะกรูด ถ้าไก่เป็นหวัดนะ เอามะกรูดไปขยี้ ๆ แล้วไปวางข้างๆ เล้าไก่ให้ไก่ดม ...ผมไปที่พิษณุโลกมานะ มะกรูดก็ใช้ดับกลิ่นในห้องน้ำด้วย ...ไก่ตายธรรมชาติก็มี แต่ตายปกตินะ เช่นตายตอนฝนตกและไก่ตีกัน ตายเองก็มี พวกหวัดธรรมดาก็ทำให้ไก่ตายได้ โดยปกติจะไม่ฝัง จะเผาทิ้ง   มีไก่ประมาณ 200 กว่าตัว เลี้ยงหมุนเวียนปีละ 4 ครั้ง ซึ่งเลี้ยงมา 20 กว่าปี เราไม่ได้กักขังเขานะ รอบนอกบ้านก็มีสุนัขเฝ้าบ้าน มีคูน้ำรอบบ้าน พื้นที่ทั้งบ้านประมาณ 18 ไร่ แบ่งเป็นพื้นดินประมาณ 7 ไร่ ใช้น้ำธรรมชาติทั้งกินทั้งเลี้ยง ไม่ใช้น้ำประปา มีพื้นที่ที่เป็นสระใหญ่ไว้กักน้ำอีก เอาไว้ปล่อยน้ำเข้าคูให้น้ำไหลเวียน    ...คุณหมอวิจารณ์ก็เคยไป ไปตอนหน้าฝน   ...ลักษณะเล้า เป็นแบบอยู่กับดิน ส่วนพื้นเล้าจะใช้แกลบสะอาดโรย แล้วมีการดูขี้ไก่อยู่ตลอดเวลา เช่น มีขี้ขาวไหม คอยสังเกตทุกวัน โดยเฉพาะหน้าร้อนกับหน้าฝนต้องดูแลเป็นพิเศษ เล้าไก่ของผมก็มีหลังคาด้วย   ...วิธีเลี้ยงก็ใช้สมุนไพรด้วย สมุนไพร ต้องให้ไก่มันตอนเช้านะ ถ้าให้ตอนเย็นมันจะไม่ค่อยกิน สมุนไพรมันก็ขมนะ ค่อยๆ ฝึกให้ไก่กินนะตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ   ...ผมก็ใช้เปลือกสัปปะรดและกากน้ำตาลมาหมักกับหัวเชื้อจุลินทรีย์มาหมักใช้ด้วยนะไว้เป็นปุ๋ยปลูกต้นไม้   ...ในที่ของผมผมก็เลี้ยงปลาด้วยนะ   ...ไก่เนี่ย เอาปลายข้าวโรยให้มันกิน โรยหว่าน    ...ผมก็เคยไปดูงานมาหลายครั้งนะ ที่เกี่ยวกับการเกษตร    ...ที่ผมเลี้ยง 200 กว่าตัวเพราะผมมีกำลังแค่นี้นะ  ...ผมไม่เลี้ยงไก่ไว้บนบ่อปลาเพราะว่ามันขายไม่ได้นะ ไม่มีใครซื้อ   บ่อปลาของผมผมก็จะปลูกฝรั่งรอบบ่อเลยนะ  ...แกลบ ผมจะซื้อมาจากโรงสีย่อยในพื้นที่ โดยจะเอามาตากให้แห้ง สัก 20 วัน และจะผสมกับหัวเชื้อ EM ฉีดผสมไปด้วยนะ ก็จะเอาแกลบมาโรยรอบเล้าไก่ ให้มันช่วยสลายขี้ไก่ด้วย ส่วนลานพื้นดินที่โรยแกลบชุดเดิม ก็จะมีการเปลี่ยนทุก ๆ 15-20 วัน และแกลบที่ไปซื้อมาจากโรงสีข้าวมันก็ต้องมีความชื้นต่ำตามธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่งั้นข้าวก็จะชื้น   ...ไก่ตายผมจะเผาเลย ผมจะไม่ฝังนะเพราะผมไม่เชื่อตาม ทีวี ผมว่าการฝัง ถ้าฝังไม่ดีเชื้อโรคมีโอกาสแพร่ออกมาได้   ยิ่งผมใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่ด้วยนะ ผมเลยเผาดีกว่า 
<p> </p> <h1>คุณรุ่งฤดี:</h1>เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง เลี้ยงแค่ฝูงเดียวประมาณ 6 พันตัว เราเลี้ยงแบบโรงเรือนเปิด ในกรณีที่ฝนตก เราจะซื้อหัวหอมมาเลยมาสับ ๆ ผสมกับพริกแล้วโรยข้าง ๆ เล้า ให้มันจามออกมา โรงเรือนของเราก็มีไฟล้อมรอบให้ไออุ่นด้วย  ...ถ้ามีลูกเป็ดชุดใหม่มา จะไม่ได้นอนทั้งคืน ต้องคอยกวนให้มันตื่นตลอดเวลาเพื่อให้มันกินอาหาร ไม่งั้นถ้ามันสุม ๆ กันตัวข้างในมันจะไม่ได้กิน แล้วก็ตาย พอครบ 20 วันก็จะเริ่มฉีดยาละนะ   ดิฉันอยู่กับเป็ดไล่ทุ่งมา 8-9 ปีแล้วนะ ก็เอารถ 6 ล้อมาขนไปขนมาตลอด   ดิฉันสัมผัสทั้งขี้เป็ดมาแล้ว ยังไม่เป็นไข้หวัดนกเลย   แล้วเรื่องอหิวาต์สำหรับเป็ดไล่ทุ่งคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำวัคซีนป้องกัน แต่จะใช้วิธีดูอาการดูขี้ของมันแทน  ...ถ้าฝนตกนะก็ไล่มันเข้าเล้า ถ้าเป็ดเป็นหวัดให้ทิฟฟี่แน่นอน ไม่ใช้ยาสัตว์แน่นอน เพราะใช้แล้วมันไม่หาย ใช้ทิฟฟี่บด ๆ ผสมน้ำแล้วต้มให้มันกิน   ...วัคซีนเพ็ก (ป้องกันวัณโรค) จะฉีดเดือนละครั้ง โดยให้เป็น 2 เท่าเลยนะ ให้ตามปกติมันไม่ช่วยอะไรเลย   ...เราเน้นค้าขายแบบเร็ว พอเป็ดโตเริ่มไข่ออก ก็ขายเลยทันที ได้กำไรแน่นอน   ...ตอนเลี้ยงเป็ดนะ ใส่หมวกแค่ใบเดียวเอง ไม่กลัวไข้หวัดนกหรอก ตอนขนเป็ดไปส่งไปขายก็ไปทั่ว  ไปภาคใต้ ไปมาหมดแล้ว   แต่ปัญหาตอนนี้คือ ส่งไปขายทางใต้ไม่ค่อยได้เพราะว่าทางใต้เขามีฟาร์มที่มีมาตรฐานกว่า   ...เป็ดที่เลี้ยงซื้อพันธุ์มาจากสุพรรณนี่แหละ มีบางชุดก็มาจากชลบุรีและนครปฐมเหมือนกัน แต่ที่แน่นอนว่าเป็นชุดที่ดีดีก็เป็นลูกเป็ดที่มาจากโรงฟักที่ชลบุรี ทางชลบุรีบอกว่าเขาผสมน้ำหัวเชื้อกับ enzyme ออกมาจากเล้าเลยนะ คุณภาพดี   ...อีกอย่างที่ไม่ทำวัคซีนอหิวาห์เพราะว่าพอฉีดแล้วไข่หดนะ ไม่เอาดีกว่า  ...ตอนนี้มีอีกโรคนึงนะคือโรคสั่นหงิก ๆ งอ ๆ โรคมาทีตายเยอะเลย  ...เป็ดที่เลี้ยงก็มีข้อดีคือว่า เป็ดมันกินหอยเชอรี่ได้    ตรงนี้ชาวนาจะชอบมากเพราะมันกินหอยพวกนี้ได้    อีกอย่างคือให้มันกินพวกข้าวเปลือกที่หล่นตามดินตรงพื้นที่นาก่อนที่จะลงข้าวแปลงใหม่  ...เป็ดไล่ทุ่ง ก็เลี้ยงประมาณ 5 เดือนนะ   พอเริ่มลงไข่ก็ขายได้เลย อาหารก็ไม่ต้องให้เลย ให้มันหากินเองได้ สรุปคือเป็ดไล่ทุ่งมีต้นทุนอาหารแค่ 20 วันแรกเท่านั้นแล้วก็เพิ่มค่ายาค่าวัคซีนจนกว่าจะขาย   ...ปัญหาที่เกิดตอนนี้ก็มีที่โดนกักเป็ดไม่ให้ไปไหน จะทำให้เป็ดมันตายเนื่องจากมันไม่ได้เดินไปไหนเลย  ...การที่เจอโรคในเป็ดหรือเป็ดอมโรคนะ เราใช้ new duct กับ gentamycin มันก็หายนะ ยกเว้นถ้ามีอาการตาฝ้าตาฟางอันนั้นก็ไม่หาย  ...แถว ๆ บ้านถ้าเป็ดตายก็จะเผา  ...กรณีเป็ดตายในเล้าที่เลี้ยงนะ ก็มีตายบ้าง เช่นจากท้องเสีย เป็นต้น ในพื้นที่ ไม่มีการใช้วัคซีนไข้หวัดนกเลยนะ บางคนยังไม่รู้จักเลย  ..เป็ดที่มีอาการตาฝ้าตาฟางมันก็จะเหม่อ ตามองฟ้า  ..ตอนในสถานการณ์ระบาดไข้หวัดนกนะ    การย้ายข้ามพื้นที่จะทำตอนกลางคืนตรงรอยตะเข็บนะ ไล่ให้เป็ดมันเดินไปนั่นแหละ  ถ้าจะทำตามระเบียบจะขนย้ายยากมาก เพราะว่าต้องทำเรื่อง swab ตรวจก่อนนะ และต้องให้ผู้ใหญ่บ้าน ให้ อบต. รับรองด้วยนะ  ...แอบเลี้ยงก็มีบ้าง ก็เส้นให้บ้างตามโอกาส   ...หวัดนกรอบ 2 เกิดที่สุพรรณนะที่ลงข่าวว่ามีคนติดเชื้อไข้หวัดนก พอตรวจออกมาก็เป็นไข้ทับฤดู (ฮา)   แล้วอีกอย่างนะที่เจอจริง ๆ มันไม่ใช่ไข้หวัดนก แต่เป็นไข้หวัดเงิน เป็นเงินจริงๆ นะ ทางราชการจะจ่ายเงินชดเชยให้ ให้เอาเป็ดใส่ถุง ถุงละ 25 ตัว แต่พวกนี้ใส่จริง ๆ แค่ 5 ตัวบ้าง 7 ตัวบ้าง พอเจ้าหน้าที่มารับ ก็นับเป็นถุง ถุงละ 25 ตัวไปเลย เป็นเรื่องเงินทั้งนั้น รับเงินก็มีนะ   ผู้ใหญ่บ้านรับเงินหมื่นนึงก็ปล่อยไป
<p> </p>คุณณัฐวุฒิ: เลี้ยงไก่เนื้อ
ผมเลี้ยงประมาณ 8 หมื่นตัว บนพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ มีเล้านึงของเล้าข้าง ๆ ที่ไม่ตาย เลยไปถามคนเลี้ยงมา เขาบอกว่าต้มฟ้าทะลายโจรให้กิน เล้าผมมีเลี้ยงไก่บนบ่อปลาเหมือนกัน เอาขี้ให้ปลากินด้วย พอไข้หวัดนกระบาดมา ก็ต้องให้พักเล้า  ...ฟ้าทะลายโจรจะเอาไปต้มก่อน น้ำ 2 กก. แล้วเคี่ยวให้เหลือ 1 กก. แล้วผสม 1:200 ให้ไก่กิน ต้องผสมน้ำตาลลงไปด้วยนะ เพราะถ้าขม ไก่มักจะไม่กิน  ...ของผมเคยมีไก่เล้า 2 หมื่นตัว พอป่วยนะ วันนึงตายเป็นร้อยเลย เจอพักเล้าอีก 3 เดือนด้วย พอผมเลี้ยงชุดใหม่ ผมเลยต้มฟ้าทะลายโจรให้กินด้วย ผมไม่ได้ใช้วิตามินเลยนะ อีกอย่าง ผมก็ใช้หัวเชื้อ EM ผสมน้ำให้กินด้วยนะ ให้มันกินตลอด 24 ชม. ลดอาการท้องเสียของไก่ได้ด้วย อีกอย่างนะ ตอนให้ฟ้าทะลายโจร บางทีผมก็ผสม Erythromycin ลงไปด้วยนะ (ให้ภายใน 30 วันแรก)...โรงเชือดที่เราส่งเป็นของอิสลามนะ มารับไก่เราเป็นไก่เป็น ๆ ...ตอนนี้ที่ 8 หมื่นตัวเราเปลี่ยนเป็นโรงเรือนแบบอีแวป (evaporator) หมดเลย แต่ก็ยังใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรอยู่เหมือนเดิมนะ จำนวนไก่ตายลดลง   ..ยาฆ่าเชื้อ ก็มีผสมลงไปในน้ำในบ่อด้วย  ...อาหารที่ใช้เลี้ยงก็ซื้อเป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูป  ...ลูกไก่ก็ซื้อจากเซนทราโก เพราะว่าค่อนข้างได้มาตรฐาน เวลาที่ซื้อก็ซื้อตั้งแต่ลูกไก่อายุ 1 วันเลย ไก่เนื้อวันแรก ๆ จะแยกเพศยาก ถ้าได้ตัวเมียจะค่อนข้างเสียเปรียบเพราะว่าอัตราโตจะช้ากว่าตัวผู้เยอะ  ...มองโรคไข้หวัดนกในไทยนะ ค่อนข้างยากที่จะทำให้หมดไปจากไทย เพราะโรคมันฝังตัวในพื้นที่ไปแล้ว   ...ที่อ่างทอง ไชโย ป่าโมกข์ ตอนนี้ ไก่บ้านเขาจะไม่ให้เลี้ยงแล้วนะ
<p> </p>คุณธนเดช: เลี้ยงไก่ไข่
เลี้ยงแบบครบวงจรประมาณ 3 แสนตัว ที่สระบุรี ตอนมีไข้หวัดนก ใช้นโยบายปิดฟาร์ม ไม่ขายไก่มาเป็นระยะเวลาครึ่งปีเพราะกลัวรถที่มารับไข่มันนำเชื้อมาให้ มีการทำความสะอาดถาดไข่ ...ของผมมีโรงฟักไข่ด้วยนะ  ...ฟาร์มผมเป็นโรงเรือนเปิดนะ แต่อยู่ภายใต้ระบบโรงเรือนปิด มีการพ่นยาฆ่าเชื้อให้กับรถที่เข้ามาที่ฟาร์ม มีนโยบายไม่นำสัตว์ปีกอื่นเข้าฟาร์มเด็ดขาด  ...ไข่ที่ขายไม่ได้ก็ต้องนำไปฝังทิ้งในช่วงที่รัฐประกาศห้ามเคลื่อนย้าย ...ที่นี่ไม่ใช้วัคซีนไข้หวัดนกเด็ดขาด เพราะผิดกฎหมาย วัคซีนตัวอื่น ๆ เราก็ใช้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ...ที่ฟาร์ม เราก็ใช้ระบบ biosecurity ในการป้องกันด้วย และก็ได้ผลดี โรคต่างๆ ก็ลดน้อยลง ...ตอนไก่ป่วย เราทำลายทิ้งทันที เราจะไม่รักษาเพราะว่าช่วงนั้นยาก็แพง ไก่ก็ขายไม่ได้ จะใช้เรื่องสมุนไพรแทน ไม่มีการพึ่งพาต่างประเทศโดยเด็ดขาด  ...อาหารที่เราใช้ เราทำเองนะ เรามีไซโล เก็บข้าวโพดใช้ได้ทั้งปี มีโรงเก็บอาหาร แต่ถ้าเราไปซื้ออาหารจากที่อื่นแล้ว ข้าวโพดที่ซื้ออาจจะมีการปลอมปนจากสิ่งอื่น ๆ ได้ เช่น Aflatoxin นะ การส่งตรวจก็ช้า รอผลประมาณ 7-10 วัน มันจะไม่ทันการ ส่วนพันธุ์สัตว์ในปัจจุบัน เป็นไก่พันธุ์ทางนะ เพราะเขาจะผสมให้ได้สายพันธุ์ที่มีคุณภาพทางการผลิตได้มากที่สุด แต่บางที ก็ทำให้สัตว์นั้นมีความต้านทานโรคลดลงได้ ดังนั้นเรื่องอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญ เน้นการให้อาหารที่ดีไว้ก่อน ...ผมมองว่าถ้าจะให้รอดจากไข้หวัดนก เราต้องมีการควบคุมโรงงานอาหารสัตว์และพันธุ์สัตว์ด้วย ...สมุนไพรที่ใช้ก็มีกระเพรา โดยป่นมาผสมอาหาร การสั่งซื้อจะซื้อมาพอดีใช้  ช่วงหลังก็ใช้น้ำหมักชีวภาพร่วมด้วย พอใช้แล้ว มูลสัตว์ก็มีกลิ่นแอมโมเนียลดลง ทำให้ไก่สุขสบาย สุขภาพดี ในกรณีเดียวกัน ถ้าไก่ท้องเสีย มันจะถ่ายเหลว พอถ่ายเหลวราดโรงเรือนมันก็จะทำให้เกิดแอมโมเนียสูง ไก่ก็ดมอยู่ในเล้า พอแอมโมเนียมันเยอะ ไก่ก็หน้าบวม มีสุขภาพไม่ดีอีก  ...มูลไก่ที่ได้จากโรงเรือนนี้ ผมทำเป็นมูลไก่อัดเม็ด และผมเพิ่ม enzyme ลงไปด้วย เป็นปุ๋ยที่ดีด้วย  ...ไก่ที่ผมเลี้ยง 3 แสนตัว ผมแบ่งเป็น 3 โครงการคือ ตั้งแต่เริ่มที่โรงฟักเลย มาโครงการแรกที่โรงอนุบาล แล้วก็มาเป็นโรงขึ้นไข่ เอามาขึ้นไข่อย่างเดียวเป็นฟาร์มไก่ไข่ อีกโรงจะเป็นโรงพ่อแม่พันธุ์ โดยแต่ละโรงเรือนก็ใช้มาตรฐานสากลคือแต่ละโรงเรือนห่างกัน 30 เมตร ข้างๆ จะปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ มีการจัดการเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ด้วย  ช่วงหน้าหนาวจะมีผ้าใบปิดกันลมโกรก เพราะว่าถ้าลมโกรกนะ แค่คืนเดียวไก่ก็ป่วยแล้ว ถ้าช่วงอากาศหนาวจัด ๆ  จะเผากิ่งไม้ตอนกลางคืนเพื่อลดความหนาว  แบบเล้าไก่ได้มาจากต่างประเทศ สมัยคุณพ่อได้ไปดูฟาร์มที่ต่างประเทศเยอะ  ...บ้านเราเป็นเมืองร้อน ดังนั้นเราต้องลดความร้อนให้ไก่ด้วย วิธีหนึ่งคือใช้แอร์ ซึ่งเจ๊งแน่นอน อีกวิธีคือใช้น้ำ ซึ่งไก่ก็ไม่ถูกกับน้ำอีก ดังนั้นวิธีที่เหมาะกับบ้านเราที่สุดคือควรจะเป็นแบบระบบเปิด ให้อากาศไหลเวียน
<p> </p>
สรุปประเด็นของเกษตรกรกลุ่ม 2(ไก่ไข่ เป็ดไล่ทุ่ง ไก่เนื้อ และไก่พื้นเมือง)
<p> </p>1.      ใช้น้ำหมักชีวภาพ และ/หรือ EM
2.      ใช้สมุนไพร
3.      แยกสัตว์ที่ป่วยเป็นโรค เพื่อดูแลเป็นพิเศษ
4.      สังเกตอาการของสัตว์ทุกๆ วัน
5.      ป้องกันไก่โดนฝน และลมหนาว (ป้องกันไก่เป็นหวัด)
6.      ใช้ระบบโรงเรือนเปิด ฟาร์มปิด
7.      ใช้ระบบโรงเรือนปิดฟาร์มปิด
8.      มีน้ำล้อมรอบฟาร์ม (ฟาร์มปิด)
9.      ให้ความรู้พนักงาน ควบคุมการเข้าออกของพนักงาน (ความสะอาด)
10.  ใช้ระบบฟาร์มชีวภาพ ไม่ใช้ยาปฎิชีวนะ
11.  มีการเลี้ยงแบบครบวงจร (ผลิตอาหารเอง เพาะลูกไก่เอง ผลิตแม่พันธุ์เอง)
12.  เพาะพันธุ์ไก่เอง หาพันธุ์ที่แข็งแรง และต้านทานโรค
<p>13.  ทำลายซากของสัตว์โดยการเผา</p>
  
<p> </p>


ความเห็น

ยังไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย