ความรู้สึกจริง ๆ
(จริ๊งจริง)
จาก “ลูกหนู”
ในขณะที่ผมมีภารกิจยุ่ง ๆ และสำคัญหลายอย่างประดังกันเข้ามา และโดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยที่จะสมบูรณ์ในเรื่องของสุขภาพ เป็นไปตามวัย ดีแต่ว่ามียาชูกำลัง คือเด็ก ๆ ที่เป็นลูกศิษย์ในวงเพลงทุกคนที่ช่วยทำให้ผมมีความรู้สึกที่ดีต่อชีวิต มีพลังใจในการทำงาน สู้ต่อไปจนวาระสุดท้าย วันนี้ลูกศิษย์ของผมคนหนึ่ง ที่มีความสนิทสนมกันมานานตั้งแต่แกเข้ามาเรียนอยู่ชั้น ม.1 ปี การศึกษา 2547 โดยครูทะนง ชาวปลายนา ครูโรงเรียนวัดโคกหม้อ อำเภอดอนเจดีย์ พามาเข้าวงเพลงอีแซว เป็นคนเก่งอีกคนหนึ่งที่ผมหมายมั่นว่า เขาจะเข้ามาแทนที่รุ่นพี่ ๆ ที่จบออกไปได้ เสียงดี ลีลาการเล่น การแสดงสวยงาม และที่สำคัญ มีเอกลักษณ์โดดเด่น (ตัวเล็กที่สุด) มีความเป็นตัวของตัวเองในการแสดง ทำหน้าที่เป็นผู้ร้องนำหญิง วันนี้เขาเดินเข้ามาในห้องศิลปะ 512 แล้วบอกกับผมว่า อาจารย์ค่ะ หนูมีอะไรจะบอกกับอาจารย์ ลองอ่านดูซีค่ะ
เมื่อมีลูกศิษย์เขียนแสดงความเห็นมาให้ ผมไม่อยากที่จะอ่านคนเดียว มีอะไรที่เป็นความคิดของเด็ก ๆ ผมว่าน่าสนใจ ลองอ่านไปพร้อม ๆ กับผมเดี๋ยวนี้เลยนะครับ
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะค่ะ หนูมีนามว่า “ยุพาภรณ์ สุขเกษม” ชื่อเล่น “ลูกหนู” หนูเข้ามาในวงเพลงอีแซว สายเลือดสุพรรณฯ เมื่อเวลา....เท่าไรไม่รู้ จำไม่ได้เอาเป็นว่าประมาณ เมื่อมาเข้า ม.1 อ่ะ นะค่ะ ตอนแรกหนูกลัวมั๊กมาก กลัวว่าจะร้องไม่ได้เพราะว่าไม่เคยรู้จักมาก่อน เข้ามาแรก ๆ หนูรู้สึกกลัวท่านอาจารย์ชำเลืองมาก เพราะดูขรึมที่สู๊ด ๆ พอท่านอาจารย์ถามอะไรหนูก็จะตอบว่า “ค่ะ..ค่ะ” ทุกคำเลยและมีอีกประโยคหนึ่งที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวกับหนูวันนั้น จนทุกวันนี้หนูยังไม่ลืมก็คือ “เรียบร้อยแค่ 2 เดือนแรก เท่านั้นแหละ” ปรากฏว่าหลายเดือนต่อมาอ้าว..? เป็นจริงอย่างที่ท่านอาจารย์พูด เพราะท่านอาจารย์ให้ความเป็นกันเองหนู หนูคุ้นเคยกับอาจารย์ (เอามือป้องปากก่อนนะ....ไม่เห็นจะดุซักหน่อยแถมตลกใจดีอีก) โถ่.....เอ้ย ทำเป็นขรึม
หนูฝึกหัดเพลงอีแซวตั้งแต่ อยู่ชั้น ม.1 ฝึกหัดมาเรื่อย ๆ หนูเริ่มจากศูนย์ร้องไม่ได้เลย จนเริ่มร้องได้และกล้าแสดงออกมากขึ้น ปัจจุบันนี้หนูอยู่ ม.4 แล้ว (เป็นสาวแล้วนะ) ประสบการณ์ระหว่างระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่หนูได้มาจากการเล่นเพลงอีแซว มันเป็นอะไรที่เยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นความรักความสามัคคีในหมู่คณะ ความกล้าแสดงออกในสิ่งที่ดี การร้องการพูด และการได้รับเกียรติไปแสดงในหลาย ๆ สถานที่ ที่คนอื่นอาจจะไม่ได้รับอย่างวงเพลงของพวกเรา คนอื่นอาจจะมองว่าเพลงพื้นบ้านเชย แต่ขอโทษนะค่ะ คณะนี้เราฝึกเพลงอีแซวกันจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์และเครื่องอีเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยและยังคงสภาพความเป็นเพลงอีแซวเก่าแก่อยู่
วงเพลงอีแซวของเรา แหม...ไม่อยากจะคุยเลย มีงานแสดงทุกเดือน เดือนละหลายครั้ง บางวันวงเราต้องแยกออกเป็น 2 คณะ เพื่อไปแสดงคนละที่กันและงานที่ได้รับเป็นงานที่มีเกียรติและมีคนเห็นคุณค่าของพวกเรา ณ วันนี้หนูได้ออกเล่นเพลงอีแซวจนนับครั้งไม่ได้ (คิดเถอะเยอะขนาดไหน) โดยเฉพาะงานที่สำคัญระดับชาติ พวกเราก็ได้ไปแสดงบ่อยครั้ง รวมทั้งรายการโทรทัศน์อีกมากมาย
ถึงใครจะว่าเพลงอีแซวเชยหรือหยาบคาย แต่โปรดเข้าใจด้วยนะค่ะว่า เพลงอีแซวเป็นเพลงสองแง่สองง่าม มีทั้งตลกและสาระมากมาย แต่ก็ชั่งเถอะค่ะ ส่วนตัวของหนูข้อยึดคำที่ท่านอาจารย์ชำเลืองสอนคือ “เวลาแสดงเราจะเป็นตัวไหนก็ได้ทั้งนางเอก นางอิจฉา แต่พอเลิกแล้ว เราต้องกลับมาเป็นตัวเอง ตั้งใจเรียนและใช้ชีวิตอย่างปกติ”
ตอนนี้หนูมีที่รองรับในการศึกษาต่อ ในระดับมหาวิทยาลัยเพราะความสามารถพิเศษ จากการเล่นเพลงอีแซวและได้ใกล้ชิดกับศิลปินแห่งชาติ “แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์” หนูภูมิใจมากค่ะและสุดท้ายความเป็นเพลงพื้นบ้านทุกวันนี้ของหนู บอกได้เลยว่าหนูได้มาจาก “คำแนะนำสั่งสอน (บ่น) ของท่านอาจารย์ชำเลือง มณีวงษ์ โดยแท้”
นางสาวยุพาภรณ์ สุขเกษม
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2
ศิษย์เพลงอีแซว ครูชำเลือง มณีวงษ์
วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550
เป็นกำลังใจให้สืบสานของเก่ากันต่อไปนะ
พี่หนูสวยที่สุดในวงเพลงอีแซวมากกว่าใคร
เก่งมากขอชื่นชม
ขอบใจลูกศิษย์ทุก ๆ คนที่แสดงความเห็นเข้ามา