.. เช้าสาย ๆ ตลอดบ่าย วันอาทิตย์..


อาจเป็นเพราะพลังใจที่ปะทุขึ้นเมื่อถึงกาลเหมาะสม จนทำให้เกิดแรงกาย ฮึดสู้

 อากาศสดใส โปร่งโล่งตั้งแต่ดวงตะวันลอยพ้นขอบฟ้า ฟากบูรพาทิศ  ท้องฟ้ามีสีสันเป็นสีฟ้า ปุยเมฆขาวลอยคว้างกระจายเกลื่อนทั่วฟากฟ้า  สายลมพัดหวิว ๆ โบกโบยอย่างร่าเริง  ... ชีวิตดูแช่มชื่นขึ้นกว่าหลาย ๆ วัน ที่ฟ้าครึ้มฝน ...

ผมตื่นขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์....

สายจากใครบางคนที่คาดไม่ถึง ว่าจะโทรมาตั้งแต่เช้า ...  " กำลังจะไปตลาด  จะทานอะไรมั๊ย จะซื้อไปให้ " ... เสียงจากต้นสาย เอ่ยถามมาด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความตั้งใจ... 

 เอ !! วันนี้มีเรื่องดีแต่เช้าเชียว ....

ผมจัดการบอกรายการอาหารที่อยากทาน  2-3 อย่าง พร้อมกล่าวขอบคุณสำหรับน้ำใจและความตั้งใจ ....

หลังจากวางสายโทรศัพท์ ...

ผมกุลีกุจอ เอาตัวเองออกจากเตียงนอนอย่างรวดเร็ว เเพราะถ้ามัวแต่ชักช้า อ้อยอิ่งอยู่ใกล้ ๆ แรงดึงดูดระหว่างผมกับเตียงจะเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอน คาดว่าผมจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ กลับไปซบหมอน อีกครา...

สาย ๆ ของวัน...

... ผมมีเวลาว่างมากพอที่จะเอาใจใส่ กับรถยนต์คันเก่า ๆ  ปรับโน่นแต่งนี่ สารพัด ตามความรู้ที่มีอันน้อยนิด ... นานแล้วที่ไม่ได้เอาใจใส่เจ้ารถคันนี้ ... กลัวเจ้าเพื่อนยาก คันนี้น้อยใจ ... พาลเครื่องไม่ติดเอาง่าย ๆ ...ผมก็จะแย่ ...

....กว่าใครบางคนจะนำอาหารมาให้ เวลาก็ล่วงเลยไปพอควร  ...  ผมไม่ได้บ่นอะไรมาก อาจเป็นเพราะ ทนหิวไม่ไหวเลยแอบไปทานข้าวเสียก่อน และก็อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่เธอซื้อมาให้ ... ผมไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน....ฮา...

แสงแดดตอนใกล้เที่ยง ร้อนเอาการ ...

ดูเหมือนจะตั้งใจแผดเผาให้หนำใจ เมื่อมีโอกาส หลังจากที่ปล่อยให้ เมฆหม่น ฝนพรำ ออกลีลา วาดลวดลายเสียนานวัน...

แดดร้อนอย่างนี้...

ใจผมนึกถึง  แอ่งน้ำเย็น ๆ ที่ใดที่หนึ่งในละแวกใกล้ ๆ ในระยะ 30 กิโลเมตร จากมหาวิทยาลัย ... ใจเร็วเท่าความคิด ... ยกหูโทรหาใครบางคน กะว่าจะชวนไปนอนแช่น้ำประชดความร้อนเสียหน่อย

" ไม่ว่าง  !! จะทำงาน "  เสียงจากปลายสายตอบกลับมา

แถมด้วยประโยค "วันอื่นไม่ชวน มาชวนเอาวันที่ไม่ว่าง ไปคนเดียวซิ"

...แป๋ว !!! ... ไปคนเดียวก็ได้ ...

ผมวางแผนการไปแช่น้ำเพียงลำพัง.....

ไหน ๆ ก็ต้องไปคนเดียวอยู่แล้ว  จุดหมายปลายทางและวิธีการเดินทางถูกนำกลับมาทบทวนใหม่ ... สมองเริ่มวางแผน ... อา ... ใช่แล้ว "น้ำตกวังลุง " เป็นที่ ๆ ควรไป ด้วยระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร กอปรกับเป็นน้ำตกที่สวย เส้นทางที่ไปก็ร่มรื่น ... แล้วก็เหมาะกับเวลาที่มี ... ต่อมา ... ผมก็คิดว่าจะไปยังไง...

นึกถึงเจ้าเพื่อนยาก รถยนต์คันเก่า ... เอ๊ะ... อย่าเลย เพิ่งคืนดีกับมัน เมื่อตอนสายนี่เอง... ไปนั่งทับมัน เดี๋ยวจะพาลโกรธเอาอีก...

กวาดสายตาไปที่ ... "เจ้าสีเงิน" ... จักรยานคู่ชีพ    ยิ้มน้อย ๆ อย่างร่าเริง..เอาล่ะ..นานแล้วที่ไม่พาเจ้าสีเงินออกเที่ยว ... วันนี้พามันไปท่องโลกกว้างดีกว่า...

 

....ผู้ชายตัวโต หุ่นตุ้ยนุ้ย ผิวคล้ำค่อนไปทางดำ กับ จักรยานคันโปรด " เจ้าสีเงิน " ... ก็เริ่มออกเดินทางเมื่อเวลาประมาณ บ่ายสองโมง .... 

เหตุเพราะเกรงว่าสังขารตัวเองจะไม่ไหว  อันเนื่องมาจาก การที่ก้นไม่สัมผัสกับอานจักรยานมานานนักแล้ว .. ผมจึงเลือกใช้เส้นทางที่ลัดที่สุด ปั่นออกไปทางถนนสายหลังมหาวิทยาลัย ผ่านชุมชนที่อยู่รายรอบ เป็นเส้นทางเล็ก ๆ ที่สามารถลัดเลาะออกไปสู่ถนนที่มุ่งสู่น้ำตกได้ในระยะทางไม่ไกลนัก ย่นระยะทางได้มากที่เดียว ...

ผมหยุดพักการปั่น เมื่อผ่านมาแค่ 3 กิโลเมตร เพราะดันลืมเอาน้ำใส่กระติก จึงต้องแวะร้านขายของชำใกล้ ๆ ทางที่ผ่าน ขอน้ำใส่กระติกจนเต็ม ... น้องสาวที่นั่งเฝ้าร้าน เอ่ยถามด้วยไมตรี 

" เติมน้ำมันรถเหรอเพ่ "

เอาล่ะหว่า  จะเอา เบนซิน 91 หรือ 95 ดีล่ะเรา

กว่าน้องเขาจะเข้าใจว่าผมแค่มาขอน้ำใส่กระติก ก็ตะลึงกันอยู่พักหนึ่ง

ผมปั่นออกมาเมื่อได้น้ำ ตามความตั้งใจ ได้ยินเสียงไล่หลังมาว่า

" อ๋อ เติมมันให้คนหรอกเหรอ นึกว่าเติมรถ "

ในใจผม นึกขันกับวาจาของสาวน้อยคนนั้น ...

เส้นทางลัดเลาะผ่านเรือกสวน ผ่านท้องนาเป็นระยะ ๆ ... สลับกันไป ผมปั่นช้าลง ... ชื่นชมความงดงามสองข้างทาง ... ขณะที่ผ่านท้องนา  ต้นกล้าสีเขียวอ่อนระบัดไบน่าชมยิ่ง ... ผู้คนรายทางต่างก็สัญจรไปมาอยู่ประปราย ส่วนใหญ่อยู่ในท้องนา ... ปักกล้าดำนา...อย่างมีความสุข

...ที่ว่ามีความสุข เพราะ ผมปั่นช้า พอที่จะเห็นรอยยิ้มร่าเริง ....

กว่าจะลัดเลาะผ่าน เส้นสาย รายทาง อันงดงามด้วยความมีชีวิตชีวา ผมก็ผลาญเวลาไปนานพอดู ต่อเมื่อมาถึงทางแยกที่ตัดสู่ ถนนลาดยาง ทางไปน้ำตก...

ถนนลาดยางความกว้างขนาดรถยนต์วิ่งสวนกันได้ ... เป็นถนนที่นักเขียนที่เป็นนักปั่นบางคนแต่งตั้งยศ ให้เป็น พลตำรวจ ประมาณว่าเป็นถนนที่มีผู้คนสัญจรไม่มาก และ เป็นเส้นที่เชื่อมระหว่าง หมู่บ้าน ชุมชนจึงสะดวกต่อ จักรยาน เป็นพิเศษ...

ถนนเส้นนี้ทอดยาวไปสู่ "เทือกเขาหลวง" เทือกเขาสำคัญ ที่เป็นแหล่งก่อเกิดสายน้ำหลายสาย หล่อเลี้ยงผู้คน

ผมก้มหน้าก้มตาปั่นโดยพยายามจะเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น เพื่อชดเชยเวลาที่มัวอ้อยอิ่งอยู่กับความงามสองข้างทาง .... ขณะที่ปั่นเร็วขึ้น ความเร็วกลับไม่ได้เท่าที่ควรจะเป็น... !!! ผมเจอของดีแล้ว !!! .. ลมแรงที่พัดมาจากเทือกภูสูงนั่นเองคืออุปสรรค ... นักปั่นทุกคนรู้ดีว่า ลมแรงที่ทำมุมสวนกับเราในทิศทางตรงกันข้าม เป็นตัวบั่นทอนกำลังอย่างดียิ่ง  ... ทำให้เราต้องออกแรงขามาก ขณะที่ได้ความเร็วน้อย นั่น หมายถึง ระยะทางที่ปั่นก็ได้น้อยไปด้วย... เพราะตัวเราต้องปะทะกับลมอยู่ตลอด ... ยิ่งคนตัวใหญ่อย่างผม ไม่ต้องพูดถึง ... หนักเป็นทวีคูณ..

ผมยังคงออกแรงปั่นไปเท่าที่กำลังมี  ต่อสู้แรงปะทะจากลม ใจนึกถึงสายน้ำฉ่ำเย็น ยังอีกไม่ไกลแล้ว ... อีกทั้ง ใครบางคน ก็ไม่มาเสียด้วย

แรงปรารถนาจะไปให้ถึง ผสม กับอาการน้อยใจ นิด ๆ ที่ ใครบางคนไม่มาด้วย ผลักให้ผมปั่นไปได้เรื่อย ๆ รอบแล้วรอบเล่าที่โถมแรงกดไปยังบันไดจักรยาน...

เหลือบมองเวลา บนหน้าปัดเครื่องวัดความเร็ว ..เวลาผ่านมา 1 ชั่วโมงแล้วที่อยู่บนหลังอาน ... ยังได้ระยะทางไม่ไกลเลย ... ปรากฎการณ์ของ การ "อ่อนซ้อม" ก็ปรากฎ ผมเริ่มปวดหนึบที่กล้ามเนื้อต้นขา ตะคริวเริ่มมาเยือนแล้ว ... "ไม่เป็นไร ปั่นต่อไป "  ผมบอกกับตัวเอง

ช่วงสุดท้าย เหลือระยะทางอีกประมาณ 6 กิโลเมตร  ผมเข้าใกล้จุดหมายเข้าไปทุกที ... ถนนบ่ายหน้าไปสู่หลืบใดหลืบหนึ่งของเทือกเขา นั่นเป็นที่ตั้งของน้ำตกวังลุง .... 

ขณะที่ผมมองไกล ๆ ไปเบื้องหน้า !!! พุทธัง... !!!  นั่นมัน ทางชันขึ้นเนินเขานี่นา.... และเข้าใจว่ามันจะชันอย่างนี้จนถึงที่ทำการน้ำตก ...

ความท้าทายที่น่าลิ้มลองมาถึงแล้ว....

ผมเริ่มปลดเกียร์ต่ำลงเรื่อย ๆ ขณะที่ขาก็ออกแรงกดมากขึ้น  รอบขาดูเร็วขึ้น ระยะที่ล้อเคลื่อนไปข้างหน้ามีเพียงน้อยนิด ...ผมโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อการทรงตัว  มือจับแฮนด์กระชับมั่น  สายตาจับจ้องอยู่ที่ล้อหน้าเพียงจุดเดียว ซอยขายิก ๆ .... เครื่องวัดความเร็วบอกความเร็ว แค่ 5 กม. / ชม. 

ผมเสมือนอยู่ในอาการของคนที่ "ตะกาย"  ... เหงื่อแตกพร่า เสียงหายใจหนักและแรง อาการเหนื่อยอ่อนที่ต้องต้านทั้งแรงลม และ ความลาดเอียงของถนน ... ส่อเค้าว่าจะยอมแพ้สละรถ ... ลงเดินจูงรถให้รู้แล้วรู้รอด ... ไม่ต้องเหนื่อย ....  ตะกาย  หาอะไรบางอย่าง

มอเตอร์ไซด์ ขับแซงผมไป ขณะที่กำลังอยู่ในภาวะตัดสินใจ ยอมแพ้ หรือ สู้ ... คนซ้อนท้ายหันมาสบตาผม... และยิ้มให้ผม พร้อมยกนิ้วให้

สุนัขหลายตัว เตร่ ออกมาส่งเสียง โฮ่ง ๆๆๆ ดังพอที่ให้ผู้คนละแวกนั้นหันมาดู ...

..............?????.................

ขณะที่ผมทอดกายยาวอยู่บนแผ่นหิน มองดูน้ำตกที่ถาโถมมาจากด้านบน ... ย้อนนึกถึงวีรกรรมบนเนิน...

อาจเป็นเพราะกลัวอับอายขายหน้าที่ต้องลงไปจูงจักรยาน

อาจเป็นเพราะเสียงของน้ำตกที่เพรียกหา

อาจเป็นเพราะความน้อยใจที่เกิดกับใครบางคนที่ไม่ได้มาด้วย

ฤา.. อาจเป็นเพราะพลังใจที่ปะทุขึ้นเมื่อถึงกาลเหมาะสม จนทำให้เกิดแรงกาย ฮึดสู้

จะด้วยเหตุใดก็ตาม ... ผม ตะกาย ผ่านมาด้วยความทุลักทุเล สิ่งที่ภูมิใจ คือ ผมเลือกที่จะ ไม่แพ้ใจตัวเอง จนต้องลงจากอาน เดินขึ้นเนิน

ผมถึงจุดหมายโดยที่เท้ายังอยู่บนบันไดจักรยาน ....

 

เบื้องหน้า ยังมีที่ทางให้ วางใจ

เส้นทางใหม่ยังรอการมาเยือน

ทางหัวใจ ยามใด ไร้เพื่อน

มักพร่าเลือน อ่อนแรง ไร้ทาง

ปั่นไปสู่ ที่ใด ใจยังล้า

ตายังพร่า กายยังเพลีย เมื่อวันร้าง

ใครสักคน ฤาบางคน อยู่ไกลห่าง

ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ ไห้วางใจ

ทอดกายยาว บนแผ่น หินแกร่ง

หายใจแรง มองฟ้า ที่สดใส

เมฆเคลื่อนคล้อย ล่อยลอย ไปที่ใด

สายน้ำใส ไหลริน ยังยินยล

ปั่นมา ตามรายทาง

ใต้ฟ้ากว้าง สืบค้น

หากมี ใครมาด้วย ไม่อับจน

ได้ซบไหล่ ใครบางคน คงสุขใจ

 

บทกวีด้านบน ผมเขียนขณะนั่งบนแผ่นหินใหญ่ ... หลังจากที่พาตัวเองขึ้นมาจากการแช่น้ำเย็นจนหนำใจ... อดไม่ได้ที่จะนึกถึง ใครบางคน ที่ไม่ได้มาด้วย...

.......................?????..............

ผมปั่นกลับมาโดยใช้เส้นทางเดิม ขากลับ  สายลม กับ ผม เราต่างก็มีทิศทางเดียวกัน กอปรกับเป็นขาลงจากเนินเขา ... ความเร็ว ... จึงทำให้ผมกลับมาถึงมหาวิทยาลัยเร็วขึ้น

ผมจบการปั่น เมื่อเวลา 17.45 น. ได้ระยะทางทั้งไปและกลับ 57.68 กิโลเมตร

ไม่เลวทีเดียว ... สำหรับการพา " เจ้าสีเงิน " ออกไปยืดเส้นยืดสาย

 

 

หมายเลขบันทึก: 142642เขียนเมื่อ 29 ตุลาคม 2007 01:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

บอกแล้วว่าให้ชวนพี่ไป
ไม่รู้ไปชวนใคร...

ดีจังที่ได้เห็นบางมุมของความคิด

ขอบคุณคะ

สวัสดีเช่นเดิมครับ พี่สาว

  • กำลังรออยู่เชียว ว่าเมื่อไหร่ พี่จะมา
  • ใจก็อยากจะชวนพี่ไปเที่ยวด้วย อะน่ะ แต่ถ้าปั่นจักรยานไป พี่คงไม่ไปด้วยแน่ ๆ
  • ไว้โอกาสเหมาะ ๆ แดดดี ๆ ท้องฟ้าโปร่ง ๆ จะชวนไปด้วยน่ะพี่น่ะ
  • ขอบคุณครับสำหรับคำขอบคุณจากพี่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท