ประชุมคณบดีและหัวหน้าสถาบันการศึกษา สาขาพยาบาลศาสตร์ของรัฐ

๐๙.๐๐ -๑๒.๐๐ น.วันนี้มีการประชุมของที่ประชุมคณบดีและหัวหน้าสถาบันการศึกษา สาขาพยาบาลศาสตร์ของรัฐ (ทคพย.) ที่ห้องประชุมชั้น ๓ สภาการพยาบาล จังหวัดนนทบุรี มีผู้เข้าประชุมประมาณ ๑๖ คน

ประธานที่ประชุมคนปัจจุบันคือ รศ.ดร.ดรุณี รุจกรกานต์ คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

การประชุมครั้งนี้มีเรื่องแจ้งเพื่อทราบและเพื่อพิจารณาหลายเรื่อง ดิฉันขอกล่าวถึงเฉพาะเรื่องที่เห็นว่าสำคัญบางเรื่องเท่านั้น

โครงการประชุมพยาบาลศาสตร์ศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ ๔ คาดว่าจะจัดประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๑ ประธานที่ประชุมอยากให้การประชุมครั้งนี้แตกต่างจากที่เคยจัดมา ที่ประชุมช่วยกันคิดว่าควรจะมีหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับอะไรบ้างและมีการเสนอว่าน่าจะมีเรื่อง Best practice ด้านการเรียนการสอนด้วย

รศ.รุจิเรศ ธนูรักษ์ รองหัวหน้าภาควิชาพยาบาลศาสตร์ (ฝ่ายการศึกษาปริญญาตรี) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เสนอว่าน่าจะจัดแบบตลาดนัด หลายคนเห็นด้วย บางคนบอกว่าให้มีการเสนอนวัตกรรมทางการศึกษาโรงเรียนละ ๑ อย่าง ดิฉันฟังที่ประชุมที่ต่างคนต่างเล่าสิ่งที่ตนได้รู้มา จับความได้ว่ามีวิธีการจัดการเรียนการสอนที่น่าสนใจอยู่มากทั้งของไทยและต่างประเทศ ถ้าได้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันบ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย

ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการพัฒนาความร่วมมือกับ University of East Anglia, UK ได้แนวทางว่าจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง ดิฉันยังได้รับรู้ว่า ทคพย.มีความพยายามในการดำเนินการเป็นแกนนำในการจัดตั้งเครือข่ายผู้บริหารสถาบันการศึกษาสาขาพยาบาลศาสตร์แห่งประเทศไทยขึ้น ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ มีการร่างธรรมนูญของเครือข่ายและจัดประชุมประจำปีไปแล้ว ๑ ครั้ง เรื่องนี้ดิฉันยังไม่รู้ชัดว่าเป้าหมายคืออะไร

นอกจากนี้ยังได้พิจารณาเรื่องของการอบรมอาจารย์ใหม่ ซึ่งประธานได้จัดทำร่างหลักสูตรอบรมระยะสั้น (๑๖ สัปดาห์) เสนอต่อสภาการพยาบาลไปแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีเกณฑ์กลางของสภาการพยาบาลออกมา แต่มีหลายสถาบันที่มีความพร้อมที่จะจัดอบรมหลักสูตรนี้ได้ เช่น ที่รามาธิบดี มสธ. ม.บูรพา มน. มศว. เป็นต้น

สภาการพยาบาลกำลังพิจารณาคุณสมบัติของพยาบาลที่ช่วยสอนในแหล่งฝึก ที่ประชุม ทคพย. โดยประธานที่ประชุมจึงได้ร่างเกณฑ์คุณสมบัติของพยาบาลผู้สอนภาคปฏิบัติ อันประกอบด้วยคุณสมบัติพื้นฐานและแนวทางการปฏิบัติเพื่อเสนอต่อสภาการพยาบาลต่อไป ที่ประชุมเห็นด้วยกับคุณสมบัติที่ร่างมาเป็นส่วนใหญ่ มีการปรับแก้เพียงเรื่องของการอบรมเพิ่มเติมหรือการเตรียมความพร้อม ว่าควรผ่านการอบรมครูคลินิกหรือหลักสูตรพยาบาลพี่เลี้ยงก็เพียงพอ

วัลลา ตันตโยทัย วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๐