นึกว่าจะไม่มีโอกาสมาเขียนเล่าเรื่องต่อซะแล้ว เพราะ วันนี้ยุ่งทั้งวันเลย สอนตั้งแต่เช้าถึงเกือบบ่ายโมง หลังจากนั้นก็ต้องให้คำปรึกษาภาคนิพนธ์กับนักศึกษาชั้นปี 4 อีกสิบกว่าคน เป็นอีกวันที่เหนื่อยมากเลยค่ะ กว่าจะได้ทานข้าวก็เกือบบ่าย 2 โมงแล้ว แถมยังต้องประสานงานเพื่อพานักศึกษาไปทัศนศึกษาที่ 3 จังหวัดชายทะเลภาคตะวันออกอีก เสียดายมากที่ไม่ได้มีโอกาสไปนมัสการท่านพระอาจารย์สุบิน เนื่องจากท่านต้องไปที่ภาคอีสาน แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าได้ไปประชุมสัญจรฯที่ตราดก็อาจมีโอกาสได้ไปนมัสการท่านก็ได้ค่ะ
วันนี้ก็เช่นเดียวกับหลายวันที่ผ่านมานะคะ จะขอเล่าเรื่องการประชุมเครือข่ายฯสัญจรต่อก็แล้วกันนะคะ (แต่ไม่รู้ว่าจะเล่าได้มากแค่ไหน) เมื่อวานนี้เล่าถึงข้อเสนอแนะของพี่นกนะคะ
เมื่อพี่นกกล่าวจบ ประธานฯได้พยายามนำเข้าประเด็นโดยสรุปว่าขณะนี้เรามีงบประมาณในการทำกิจกรรมต่างๆเพื่อหนุนเสริมความเข้มแข็งของเครือข่ายฯเป็นเงิน 170,000 บาท ในประเด็นนี้ ผู้วิจัยได้กล่าวเสริมว่าเงินจำนวนดังกล่าวนั้นเป็นยอดรวมสำหรับการหนุนเสริมใน 3 ระดับ คือ เครือข่ายฯ , กลุ่ม (5กลุ่ม) และสมาชิก (5กลุ่ม) ดังนั้น ประธานฯจึงสรุปว่าเราต้องมาพิจารณาร่วมกันว่าจะใช้งบประมาณในการทำอะไรบ้าง คงไม่ใช่แต่การขยายผลอย่างเดียว ขอให้เน้นในเรื่องการบริหารจัดการด้วย เพราะ กลุ่มบางกลุ่มยังมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการ ยังมีโครงสร้างการบริหารจัดการไม่ชัดเจน คณะกรรมการยังไม่เข้าใจระบบการจัดการ เรื่องนี้ต้องมีความชัดเจน ต้องช่วยกัน เราพูดเรื่องนี้กันมานานแล้ว ตราบใดที่ยังขึ้นอยู่กับประธานฯคนเดียวคงไปไม่รอด เพราะฉะนั้น ในระดับเครือข่ายฯต้องมีการจัดเวทีประมาณ 2 เวที นอกจากนี้แล้วต้องจัดเวทีลงไปที่กลุ่มด้วย ตอนนี้เรามีทั้งหมด 20 กลุ่ม แต่จะเน้นไปที่ 5 กลุ่ม เมื่อประธานกล่าวถึงตรงนี้ คุณกู้กิจได้ถามขึ้นมาว่า 5 กลุ่มที่ว่านี้มีกลุ่มอะไรบ้าง? ประธานฯตอบว่า ประกอบด้วย
1.กลุ่มแม่พริก
2.กลุ่มเถิน (บ้านดอนไชย)
3.กลุ่มเกาะคา
4.กลุ่มป่าตัน
5.กลุ่มนาก่วมใต้พัฒนา
แต่คงไม่ได้เอางบประมาณลงไปที่ 5 กลุ่มทั้งหมด เพราะ เราทำงานในระดับเครือข่ายฯ ฉะนั้น ใน 100 คนของ 20 กลุ่มต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งเป็นงานที่ยากมาก
เมื่อประธานฯกล่าวถึงตรงนี้ก็วกกลับมาถามผู้วิจัย (เป็นรอบที่2) ว่า งบประมาณที่ได้มาทั้งหมดเป็นเงินเท่าไหร่? ใช้จ่ายอะไรไปแล้วบ้าง? แล้วเงินที่จะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายเหลือเท่าไหร่? ขอให้อธิบายให้ฟังหน่อย
ผู้วิจัยจึงตอบกลับไปว่า ขณะนี้มีเงินสำหรับหนุนเสริมการทำงานของ 3 ระดับเหลือประมาณ 170,000 บาท แต่ก่อนหน้านี้เราก็ใช้ไปแล้วในการอบรมคอมพิวเตอร์ การลงพื้นที่ การไปรายงานความก้าวหน้า รวมทั้งการไปร่วมกิจกรรมกับทีมกลาง ซึ่งเราไปร่วมงานมาทั้งหมด 3 ครั้ง (ตั้งแต่เซ็นต์สัญญารับโครงการ) ค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าพิมพ์งาน ค่าถอดเทป ค่ารายงาน ค่าล้างอัดรูป สำหรับอีกส่วนหนึ่งนั้นเป็นของทีมวิจัย 3 คนในการบริหารจัดการ
เมื่อผู้วิจัยตอบจบแล้ว ประธานฯจึงถามกลับมาที่ผู้วิจัยว่าสรุปแล้วเหลือเงิน 170,000 บาทใช่ไหม? ผู้วิจัยจึงตอบกลับไปว่าใช่ จากนั้นประธานฯจึงกล่าวต่อไปว่า ผมขอเสนอว่าต้องตั้งทีมขึ้นมาจัดการเงิน 170,000 บาท ให้ได้เนื้องานใน 3 ระดับ
ในประเด็นนี้คุณกู้กิจได้ยกมือขึ้นเสนอความคิดเห็นว่า สำหรับกิจกรรมในส่วนของการศึกษาดูงานนั้นอยากให้ตัดออกไปเลย เอาเงินมาทำงานดีกว่า การไปดูงานเหมือนไปเที่ยว เอาเวลามาทำงานดีกว่า เมื่อคุณกู้กิจกล่าวจบ ประธานฯก็ไม่ได้สรุปอะไร (แต่ผู้วิจัยรู้สึกว่าประธานฯไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ เนื่องจาก ประธานฯไม่ได้บอกให้ตัดออกไป แต่บอกว่าให้ลองเอาไว้ดูก่อน) แต่คุณกู้กิจกลับบอกว่า เห็นว่าน่าจะตัดออกไป เพราะ ถ้าไปดูงานเหมือนไม่สนใจกิจกรรมอื่นๆ ความจริงเราก็ทำงานอยู่แล้ว น่าจะมาเน้นที่กระบวนการทำงาน เสริมศักยภาพของคนทำงานจะดีกว่า
ประธานฯจึงโยนกลับไปที่ประชุมว่าคนที่เสนอความคิดนี้ (ไปศึกษาดูงาน) จะว่าอย่างไร? ปรากฎว่าไม่มีผู้ใดให้ความเห็นออกมา คุณกู้กิจจึงกล่าวต่อไปว่า เป้าหมายที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือ ขยายผลในพื้นที่ เราต้องเร่งทำความเข้าใจกับอปท. , ผู้นำ
จากนั้นประธานฯจึงโยนคำถามกลับไปว่าที่ประชุม (อีกครั้ง) จะว่าอย่างไร? ในฐานะประธานไม่สามารถที่จะลบข้อเสนอในที่ประชุมออกไปได้ เราต้องมาอภิปรายร่วมกัน คงจะไม่ถึงกับต้องตัดข้อใดข้อหนึ่งออกไปแต่อาจเอาไว้สุดท้าย หรืออาจวางไว้ก่อน ดังนั้น เราต้องมาดูว่าเราจะทำอะไรก่อน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ ต้องทำทั้ง 3 เรื่อง (การบริหารจัดการ , การขยายผล , การเชื่อมประสาน) และทำใน 3 ระดับ คือ เครือข่าย , กลุ่ม , สมาชิก ลองดูสิครับว่าเราจะทำอะไรก่อน?
ขอทิ้งท้ายไว้ที่คำถามของประธานฯก็แล้วกันนะคะ เพราะ ตอนนี้ดึกมาแล้ว (ประมาณ 4 ทุ่ม) ร้านจะปิดแล้วค่ะ พรุ่งนี้ผู้วิจัยก็ต้องตื่นแต่เช้าเพราะต้องไปทำบุญเนื่องในโอกาสวันสถาปนาคณะ (ไม่รู้ว่าจะตื่นไหวหรือเปล่า เนื่องจากต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ทรมานสังขารมากเลยค่ะ ดีไม่ดีไม่นอนดีกว่า สำหรับผู้วิจัยแล้วการอดนอนดีกว่าการตื่นเช้าค่ะ) หลับฝันดีค่ะ บ๊าย บาย
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นางสาว วิไลลักษณ์ อยู่สำราญ ใน lampang_network
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก