มาตรา 25
ให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกประกาศกำหนดให้ผู้มีอาชีพในการประมง
การค้าสินค้าสัตว์น้ำ ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ
และอุตสาหกรรมสัตว์น้ำตามที่จะได้มีพระราชกฤษฎีการะบุ ไว้ในท้องที่ใด
ๆ มาจดทะเบียนได้
และจะกำหนดให้ผู้มีอาชีพเช่นว่านี้มาขออนุญาตต่อพนักงาน
เจ้าหน้าที่เสียก่อนดำเนินอาชีพเช่นว่านั้น
โดยให้เสียค่าธรรมเนียมหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมตาม
พระราชบัญญัตินี้ก็ได้
มาตรา 26 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกประกาศกำหนดให้เจ้าของ
หรือผู้ครอบครอง เครื่องมือทำการประมงชนิดหนึ่งชนิดใดในท้องที่ใด ๆ
จดทะเบียนการมีไว้ในครอบครองซึ่ง
เครื่องมือนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา 27
เมื่อมีกรณีจำเป็นแก่ราชการหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะโดยอนุมัติ
รัฐมนตรี ข้าหลวงประจำจังหวัดอาจสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาต
หรือประทานบัตรรายใด ๆ ก็ได้
ในกรณีเช่นว่านี้ให้ผู้รับอนุญาตได้รับคืนเงินอากรเฉพาะส่วนที่ต้องเพิกถอน
</font>มาตรา 28 บุคคลใดจะใช้เครื่องมือในพิกัดทำการประมงได้
ต่อเมื่อได้รับ อาชญาบัตรระบุชื่อบุคคลนั้น
และเสียเงินอากรตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว
รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศยกเว้นไม่ต้องให้รับอาชญาบัตรสำหรับเครื่องมือทำการ
ประมงอย่างหนึ่งอย่างใดในท้องที่ใด ๆ ก็ได้
มาตรา 28ทวิ บุคคลใดเป็นเจ้าของเรือ
ใช้หรือยอมให้ใช้เรือของตนทำการ ประมงหรือเพื่อทำการประมง
จนเป็นเหตุให้มีการละเมิดน่านน้ำของต่างประเทศ และทำให้
คนประจำเรือหรือผู้โดยสารไปกับเรือต้องตกค้างอยู่ ณ ต่างประเทศ
บุคคลนั้นมีหน้าที่ต้อง
ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณากำหนดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายอื่น
ๆ อันเกิด
จากการละเมิดน่านน้ำของต่างประเทศซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งมีจำนวนไม่เกินเจ็ดคน
ภายใน
สามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยดังกล่าว
ในกรณีที่ไม่สามารถแจ้งคำวินิจฉัยแก่บุคคลตามวรรคหนึ่ง
เพราะไม่พบตัวบุคคล ดังกล่าวหรือไม่มีผู้ใดยอมรับแทน
ให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ แล้ว
ในเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ส่งคำวินิจฉัยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือปิดคำวินิจฉัยไว้
ในที่เห็นได้ง่าย ณ สำนักงานภูมิลำเนา
หรือถิ่นที่อยู่ของบุคคลดังกล่าว โดยมีพนักงานฝ่ายปกครอง
หรือตำรวจเป็นพยานในการนั้น
[ มาตรา 28ทวิ
เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2528]
มาตรา 29
เครื่องมือในพิกัดซึ่งได้รับอาชญาบัตรในท้องที่จังหวัดใดแล้ว ถ้าบุคคล
ใดประสงค์จะนำไปใช้ทำการประมงในท้องที่จังหวัดอื่น
ซึ่งจะต้องเสียเงินอากรสูงกว่า จะต้องเสีย
อากรเพิ่มเติมให้ครบตามอัตราในท้องที่นั้นเสียก่อนจึงจะใช้เครื่องมือนั้นได้
</font>มาตรา 30 บุคคลใดประสงค์จะทำการประมงในที่อนุญาต
ต้องขออนุญาตและ เสียเงินอากรตามพระราชบัญญัตินี้
และเงินซึ่งผู้รับอนุญาตที่จะต้องชำระโดยการว่าประมูล ให้ถือว่า
เป็นเงินอากรตามพระราชบัญญัตินี้
รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศยกเว้นไม่ต้องเสียเงินอากรค่าอนุญาตในที่อนุญาตรายตัว
บุคคลได้ ในกรณีเช่นว่านี้ให้ถือว่าได้รับอนุญาตแล้ว
มาตรา 31 ห้ามมิให้บุคคลใดตั้ง หรือปัก
หรือสร้างเครื่องมือประจำที่ลงในที่ สาธารณประโยชน์
ส่วนที่จับสัตว์น้ำอื่น ๆ ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการเช่นว่านั้น
โดยมิได้ รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
</font>มาตรา
32 รัฐมนตรีหรือข้าหลวงประจำจังหวัดโดยอนุมัติรัฐมนตรีเฉพาะภายใน เขตท้องที่ของตน มีอำนาจประกาศกำหนดได้ดังต่อไปนี้(1) กำหนดขนาดตาและระยะช่องเครื่องมือทำการประมงทุกชนิด กำหนดขนาด ชนิด จำนวนและส่วนประกอบของเครื่องมือทำการประมงที่อนุญาตให้ใช้ในที่จับสัตว์น้ำ
(2) กำหนดมิให้ใช้เครื่องมือทำการประมงอย่างหนึ่งอย่างใดในที่จับสัตว์น้ำโดย เด็ดขาด
(3) กำหนดระยะที่ตั้งเครื่องมือประจำที่ให้ห่างกันเพียงใด
(4) กำหนดวิธีใช้เครื่องมือทำการประมงต่าง ๆ
(5) กำหนดฤดูปลาที่มีไข่และวางไข่เลี้ยงลูก กำหนดเครื่องมือที่ให้ใช้และกำหนด วิธีทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำใด ๆ ในฤดูดังกล่าว
(6) กำหนดชนิด ขนาด และจำนวนอย่างสูงของสัตว์น้ำที่อนุญาตให้ทำการประมง
(7) กำหนดมิให้ทำการประมงสัตว์น้ำชนิดหนึ่งชนิดใดโดยเด็ดขาด
มาตรา 33 การโอนประทานบัตร
ใบอนุญาตและอาชญาบัตรและการออกใบแทน เอกสารเช่นว่านั้น
และการสลักหลังอาชญาบัตร
เพื่อแก้ไขหรือเพิ่มเติมผู้มีสิทธิใช้เครื่องมือทำการ ประมง
จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัตินี้
ใบอนุญาตหรืออาชญาบัตรใดซึ่งหมดอายุแล้ว
แต่ได้ยื่นคำขอต่ออายุก่อนวันสิ้น อายุ มิให้ถือว่าการทำการประมง
หรือการใช้เครื่องมือนั้นเป็นการกระทำโดยมิได้รับอนุญาตตาม
พระราชบัญญัตินี้
จนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะได้แจ้งว่าไม่อนุญาต
มาตรา 34 ห้ามมิให้บุคคลใดทำการประมงหรือทำการใด ๆ
ในเครื่องมือประจำที่ ของผู้รับอนุญาต
หรือในบริเวณที่ตั้งเครื่องมือเช่นว่านั้น
ตามที่คณะกรมการจังหวัดจะได้ประกาศ กำหนดเขตโดยอนุมัติรัฐมนตรี
มาตรา 35 ผู้รับอนุญาตจะต้องนำประทานบัตร ใบอนุญาต
และอาชญาบัตร ติดตัว
ไปด้วยเสมอในเวลาไปทำการประมงและต้องนำออกแสดงเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอตรวจ
</font>มาตรา 36
ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตกระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ หรือปฏิบัติ
ผิดเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประทานบัตร ใบอนุญาต หรืออาชญาบัตร
หรือค้างเงินอากรที่เกี่ยวกับ ประทานบัตร ใบอนุญาต หรืออาชญาบัตร
พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งเพิกถอนประทานบัตร ใบอนุญาต
หรืออาชญาบัตรนั้นเสียก็ได้
มาตรา 37
ในขณะใดหรือในท้องที่ใดยังไม่สมควรจะเก็บเงินอากรให้ประกาศ
ยกเว้นโดยพระราชกฤษฎีกา
</font>มาตรา
38 โดยอนุมัติรัฐมนตรี ให้คณะกรมการจังหวัดมีอำนาจยกเว้น งด หรือ คืนอากรค่าประทานบัตร ใบอนุญาต และอาชญาบัตร ให้บางส่วนหรือทั้งหมดตามแต่จะเห็น สมควรมาตรา 39 โดยอนุมัติรัฐมนตรี
ให้คณะกรมการจังหวัดมีอำนาจสั่งอนุญาตให้ผ่อน
เวลาชำระเงินอากรได้ตามที่เห็นสมควร
สำหรับเงินอากรที่ค้างนั้น
ผู้รับอนุญาตจะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละสิบต่อปีของเงิน
อากรและเงินดอกเบี้ยนี้ให้ถือเป็นเงินอากรค้าง
มาตรา 40 ถ้าผู้รับอนุญาตค้างชำระเงินอากร
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(1)
ประกาศหรือแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้รับอนุญาตนำเงินอากรที่ค้างมาชำระภายใน
เวลาตามที่เห็นสมควร
(2) เมื่อได้ดำเนินการตามอนุ มาตรา (1) แล้ว
ผู้รับอนุญาตยังเพิกเฉยอยู่ พนักงาน
เจ้าหน้าที่อาจสั่งให้หยุดทำการประมง
(3)
จัดการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ผู้รับอนุญาตนำมาวางเป็นหลักประกัน หรือ
จัดการเรียกร้องให้ผู้ค้ำประกันชำระเงินอากรแทนผู้รับอนุญาต
เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดให้คิด
ชำระเงินอากรและค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาดจนครบ
เหลือเท่าใดให้คืนแก่ผู้รับอนุญาตหรือ ผู้ค้ำประกัน แล้วแต่กรณี
</font>มาตรา
41 เงินอากรที่ค้างชำระนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดและจัดการ ขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้รับอนุญาตแต่พอคุ้มกับเงินอากรที่ค้างชำระ รวมทั้งค่าใช้จ่าย ในการยึดและการขายทอดตลาดมาตรา 42 ประทานบัตร
ใบอนุญาตหรืออาชญาบัตรที่ถูกสั่งเพิกถอนตาม มาตรา 36 นั้น
อากรที่ชำระแล้วจะเรียกคืนมิได้
มาตรา 43
กำหนดอายุอาชญาบัตรสำหรับการขออนุญาตและเสียเงินอากรนั้น
ให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 31 มีนาคม
มาตรา 44 ภายใต้บังคับแห่ง มาตรา 43 เพื่อประโยชน์แก่การเก็บอากรโดยอนุมัติ รัฐมนตรี
ให้คณะกรมการจังหวัดมีอำนาจประกาศกำหนดฤดูกาลทำการประมงตามความเหมาะสม
แห่งท้องที่ โดยให้นับเวลาสิบสองเดือนเป็นหนึ่งฤดู
และให้ถือระยะเวลาดังกล่าวแล้วเป็นระยะเวลา
สำหรับการขออนุญาตและเสียอากรสำหรับหนึ่งปี
มาตรา 45
ในการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องออกไปตรวจสอบหรือกำหนดที่ตั้ง
เครื่องมือประจำที่ให้แก่ผู้ขออนุญาตใช้เครื่องมือ
ให้ผู้ขออนุญาตจัดหาพาหนะรับและส่งพนักงาน
เจ้าหน้าที่หรือออกค่าใช้จ่ายให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่เท่าที่จำเป็นและจ่ายจริงตามแต่ผู้ขออนุญาต
จะเลือก
</font>มาตรา
46 ในกรณีที่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจออกประทานบัตร ใบอนุญาตและ อาชญาบัตรไม่ยอมออกเอกสารเช่นว่านั้น ให้บุคคลผู้มีส่วนได้เสียอุทธรณ์ไปยังรัฐมนตรีได้ โดย ยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานเช่นว่านั้นภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่ง คำอุทธรณ์นั้นให้ เจ้าพนักงานเช่นว่านั้นเสนอรัฐมนตรีโดยมิชักช้า คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด