สวัสดีครับ
เข้ามาแบ่งปันความรู้สึกดีๆครับ
อ่านแล้วเห็นภาพบ่อยๆเลยครับ เหมือนกันครับ
ขอบคุณมากๆครับ ^_^
ไม่นานมานี้มีคนไข้คนหนึ่งมาปรึกษาผมที่ clinic ด้วยปัญหานอนไม่หลับ เธออายุประมาณ 35 ปี มากับลูกชายวัย 15 ปี ปรึกษาผมว่า "นอนไม่หลับ" เป็นปัญหาที่แสนจะสามัญธรรมดา เป็นปัญหาอันดับ top ten ของปัญหาที่พบบ่อย และก็เป็นปัญหาที่แพทย์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากเจอ เพราะส่วนใหญ่จะจบลงด้วยจ่ายยานอนหลับหรือยาลดอาการซึมเศร้า
เธอบอกว่า ไปมาหลาย clinic ไปทั้งโรงพยาบาลเอกชน สุดท้ายรักษาที่จิตเวช รพ.แม่สอด 2 ปี (คาดว่าน่าจะเป็นโรคซึมเศร้า) ไม่หายซักที ช่วงหลังๆ เป็นมากขึ้นถึงขนาดว่า แน่น อัดอั้นในอก ทุกที่บอกว่าฉันเครียด ตรวจทุกอย่างก็ปกติ
ผู้ป่วย "หมอบอกว่าฉันเครียด"
ผม " แล้วพี่เครียดจริงไหม ?"
ผู้ป่วย " มีหลายเรื่องให้คิด นอนไม่ได้เลยมา 3-4 วัน วันนี้อยากได้ยานอนหลับ"
ผม "เล่าให้ผมฟังซักเรื่องได้ไหม"
ผู้ป่วย " หลายอย่างมาก ทั้งหนี้สิน และ เรื่องในอดีต"
พอดีลูกชายเดินเข้ามาในห้องตรวจและนั้งฟังด้วย ดูสีหน้าห่วงแม่ แต่ทำเป็นนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนที่ถือมาด้วย
ผม "เรื่องในอดีตเป็นอย่างไร "
ผู้ป่วย " คิดเรื่องน้องชายที่ฆ่าตัวตายไปเมื่อ 2 ปีก่อน น้องชายกินเหล้ามากจนประสาทหลอน มันไม่คิดถึงลูกเมียหรือไงว่าจะลำบาก"
ผมคุยไปลึกๆพบว่า ผู้ป่วยประสบการณ์สูญเสียหลายครั้ง
1.พ่อหย่าร้างกับแม่ตั้งแต่ผู้ป่วยยังเล็ก
2.แม่เป็นมะเร็งเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้
3.ครอบครัวผู้ป่วยสามีเป็นตำรวจเครียดเรื่องหนี้สินและสามีเป็นคนเงียบๆ ภรรยาไม่กล้าปรึกษาเวลามีปัญหา
4.ผู้ป่วยเป็นเหมือนหัวหน้าครอบครัวแบกรับปัญหาทุกอย่าง
5.ต้องเลี้ยงดูลูกชายวัยรุ้น กับ ลูกสาววัย 5 ขวบที่กำลังซน
ผมฟังเธอแล้วดูวุ่นวายสับสนไปหมดว่าเรื่องใดก็เป็นปัญหาไปหมด อารมณ์ดูซึมเศร้า
ผม "ทุกคนมีทุกข์ทั้งนั้น หากแต่ว่า คนแต่ละคนวางทีท่าต่อทุกข์ต่างกัน ทำให้เกิดทุกข์ไม่เท่ากัน"
" เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกข์เรื่อง และเราก็ไม่จำเป็นต้องทุกข์กับปัญหาทุกปัญหา"
" ผมคิดว่าจากอาการ คิดว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า ยาอาจช่วยได้แต่ใจก็ต้องสู้กับปัญหา"
"คุณเป็นผู้หญิงที่เก่งเลี้ยงลูก 2 คน ดูแลทุกปัญหาในบ้าน"
ผู้ป่วย "จำเป็นคะ โชคดีที่ลูกชายไม่เกเร " (ยิ้มๆ)
ผมจ่ายยานอนหลับ พร้อม ยาต้านอาการซึมเศร้า (เหมือนหมอคนอื่นๆ)
ผมถามเธอว่าชอบอ่านหนังสือหรือไม่ "เธอบอกว่าอ่านเก่ง "
ผมให้หนังสือของท่านไพศาล วิสาโลไปแล้วนัดดูอาการ 1 สัปดาห์
ก่อนกลับเธอบอกผมว่า " คุณหมอเป็นคนแรกที่ฟังฉันมากขนาดนี้ ฉันไม่กลัวโรคหัวใจแล้ว หลังคุยกับหมอแล้วหายแน่นหน้าอกเลย "
จิตใจของผมเกิดปิติมาก และคิดว่า นี้แหละคือ อานุภาพแห่งการฟัง
มาขอชื่นชมคุณหมอด้วยคนค่ะ
ถ้าหมอให้เวลา โดยฟังคนไข้สักเล็กน้อย คนไข้อาจไม่ต้องใช้ยาก็ได้นะคะ
รับฟัง เห็นด้วยมาก ๆ เลยค่ะ
แต่ทำยากนะคะ มีหลายปัจจัย..จำนวนคนไข้ที่มากมาย สำหรับโรงพยาบาลรัฐ..น่ะค่ะ
สวัสดีครับ
คุณจริยา ก็เป็นเรื่องยากจริง ๆ ครับ สิ่งที่สำคัญกลับไม่ใช่ใคร ครับเพียงเราตั้งสติและใช้เวลาที่ดูคนไข้แต่ละคนอย่างคุ้มค่า
เพียงคำพูดไม่กี่คำ-รอยยิ้ม-และถามตัวเองว่า "ตรวจคนไข้ไปทำไม?"
ถ้าคำตอบคือ "เพื่อให้เสร็จ" เราก็จะได้วิธีเดิมในการจัดการปัญหา
แต่ถ้าคำตอบ คือ การช่วยให้เขาพ้นทุกข์ วิธีก็จะเปลี่ยนไป
ผมเองก็ยอมรับว่า ทำไม่ได้ทุกคน ทำไม่ได้ทุกครั้ง แต่ก็พยายามฝึกฝนอยู่ตลอด ผลก็ดีขึ้นครับ
ผมก็นอนไม่ค่อยหลับครับช่วงที่ผ่านมา ลุ้นบอลทั้งน้ำตา เฮ้อ