ผมนึกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่า วันนี้จะเอารถยนต์เก็บเข้าโรงจอดและใช้จักรยานแทน หลังจากที่ไม่ได้ใช้เป็นกิจวัตรประจำวันเสียนาน...
ตอนเช้า...ตื่นมาสายหน่อย เอ้อระเหยกับการทำโน่นนี่พักใหญ่ วันนี้ไม่ต้องรีบเร่งทำงานเหมือนคนอื่น เพราะกว่าผมจะเข้าทำงานก็ตอนบ่ายสอง มีเวลาเหลือเฟือในการคิดการทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตามแต่ใจปรารถนา...
ปลดจักรยานคันเก่ง "ไอ้สีเงิน" ออกมาจากที่แขวนภายในห้องเก็บ จัดการปัดฝุ่นนิดหน่อย เพราะแขวนค้างไว้หลายวัน แมงมุมเริ่มชักใยแสดงความเป็นเจ้าของ...
ขณะที่ภายนอกไร้แสงแดดโดยสิ้นเชิง ท้องฟ้ามีแต่ความขมุกขมัวของเมฆฝน ซ้ำฝนก็ยังโปรยอยู่บาง ๆ พอให้ชื้น... ลมแรงพัดผ่านพอให้รู้สึกเย็นเยียบ ...บรรยากาศน่านอนเป็นที่สุด
ผมปั่นจักรยานฝ่าสายฝนที่โปรยลงมาบาง ๆ ปั่นแบบช้า ๆ หลบหลีกบริเวณที่น้ำขัง เพราะถ้าไม่หลีก วงล้อจักรยานที่หมุนด้วยอัตราการปั่นด้วยความเร็วก็จะชักนำเอาน้ำกระเซ็นมาโดนด้านหลังจนทำให้ชุดเก่งเปียกเอาได้ง่าย ๆ ....อย่ากระนั้นเลย การหลีกถือเป็นแนวทางที่สันติและรอมชอมที่สุด...
ผมปั่นจักรยานไปตามถนน รอบ ๆ มหาวิทยาลัย ปั่นช้า ๆ สายตามองความเคลื่อนไหวรอบกาย พบความเคลื่อนไหวไม่มากนัก ผู้คนไม่ได้สัญจรเหมือนวันที่อากาศปลอดโปร่ง คนทำงานก็คงเก็บตัวเงียบอยู่ภายในสำนักงาน รังสรรค์งานไปตามหน้าที่ นักศึกษาก็คงคร่ำเคร่งกับการเรียนภายในห้องเรียน หรือไม่ก็หมกตัวนอนอยู่ภายในหอพัก ... มีบ้างประปรายที่ต้องสัญจรไปยังที่ใดที่หนึ่งด้วยความรีบเร่ง...
ฝนโปรยปราย...เพียงพอที่จะทำให้ร่างกายเปียกชื้น แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ยังคงปั่นแบบช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ กว่าจะถึงจุดที่หมายตาคงอีกไกล ... เสียงท้องร้องเตือน ว่า "เอ็งอย่าช้า ประเดี๋ยวข้าจะบีบให้เจ็บ ".... นั่นแหละจึงทำให้ผมรีบ ครานี้ไม่สนใจแล้วที่จะกระทำการโดยแนวทางสันติกับน้ำที่เจิ่งอยู่ตามถนน ปั่นฝ่าไปแบบไร้การประนีประนอม ...
ใช่แล้วครับ ... ผมปั่นจักรยานไปทานข้าว
เพราะหิวมาก ๆ เนื่องจากตื่นสาย รถยนต์ก็จอดอยู่ไกล เลยคว้าเอาจักรยานมาปั่น ตอนแรกว่าจะปั่นช้า ๆ แล้วเชียว แต่ท้องมันเรียกร้องให้ไปให้ถึงให้เร็วที่สุด 555
55555555555.....ขำด้วยคน