10 เมนูเด็ด เสี่ยงโรค


อันตรายที่แฝงมากับความอร่อย

10 เมนูเด็ด เสี่ยงโรค

      "อาหาร" ถือเป็นหนึ่งใน "ปัจจัย 4" ที่มีความสำคัญต่อมนุษย์ ซึ่งตามหลักทั่วไปอาหารที่รับประทานเข้าสู่ร่างกายต้อง คุณภาพ ดี มี สารอาหาร ครบถ้วนและเพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ.....ที่สำคัญคือต้องสะอาดและปราศจาก "สารพิษ" เจือปน อันจะก่อให้เกิดภัยอันตรายแก่สุขภาพ
      อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าการเลือกรับประทานอาหารในแต่ละ "เมนู" ของมนุษย์ จำเป็นต้องคัดสรรมากขึ้น เพราะปัจจุบันมี "อาหารอันตราย" ไม่ปลอดภัยต่อร่างกายอยู่เป็นจำนวนมาก โดยจากข้อ มูลของ "Team Content" สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) พบว่า มี "เมนูโปรด" ของใครหลายคน ถูกจัดเป็น "อาหารอันตราย" อย่างน้อย ๆ 10 ชนิด ได้แก่

1. แฮมเบอร์เกอร์
      จัดเป็นอาหารประเภทที่ "มีความเสี่ยงสูง" เพราะเวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำ "เนื้อ" มาใช้ปรุงทำให้มี "แบคทีเรีย" เกิดขึ้นได้สูง ทำให้จำเป็นต้องมีการใช้ "สารเคมีสีแดง" มาช่วยกำจัดเนื้อที่กำลังจะเน่าเสีย ทำให้เนื้อแดงเปลี่ยนเป็นเขียว นอกจากนี้แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่ "สารปรุงรส"(MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ โดย "MSG" เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ผู้บริโภคอ้วนขึ้นด้วย


 

2. ฮอทด็อก
      เป็นอีก "เมนูอันตราย" เพราะมีกระบวนการผลิตคล้ายแฮมเบอร์เกอร์ และ
 "ฮอทด็อก" ทั้งหมดยังใส่  สารไนไตรท์" เพื่อช่วยทำให้เนื้อยึดตัวและช่วยเติมไส้กรอกให้เต็ม โดย "สารไนไตรท์" เป็นสารที่ทำให้เกิด "โรคมะเร็ง" ใน กระเพาะอาหาร มะเร็งในเม็ดเลือด เนื้องอกในสมอง และ มะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ "ถุงหลอด" ที่ใช้บรรจุฮอทด็อก ก็ทำจาก "คอลลาเจน สังเคราะห์" ที่เป็นสารก่อให้เกิด "โรคมะเร็ง" ได้สูง มีไขมันที่เป็นสารประกอบไม่เปิดเผยอยู่ประมาณ 40% เมื่อนำ ไปปิ้งย่าง มันจะทำให้มี "สารพิษร้ายแรง" ที่เรียกว่า "อะคริลิไมด์"(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็น สารก่อมะเร็ง และ "ทำลายประสาท"

3. เฟร้นช์ฟราย - มันฝรั่งทอด
      เป็นอาหารที่มี "ความเป็นพิษสูง" โดยการ ทอด "เฟร้นช์ฟราย" ใช้อุณหภูมิสูงทำให้มี "สารอะคริลิไมด์" ออกมา นอกจากนี้ "น้ำมัน" ที่ใช้ในการทอดมันฝรั่งแต่ละครั้งจะเกิดการ "ออกซิไดซ์" ในมันฝรั่งยังมี "ดรรชนีกลีซิมิค"(Glycemic) อยู่สูงมากนั่นหมายถึงมันเปลี่ยนให้กลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกายได้เร็วมาก

4. คุกกี้
      ที่เด่นชัดมาก คือ สัดส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว ซึ่งอาหารในประเภทที่มีน้ำตาลปริมาณสูงเช่นนี้ จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น และเกิดริ้วรอย ได้เร็วยิ่งขึ้น
 
5. พิซซ่า
      "พิซซ่า" ประกอบด้วยอาหารที่มาจากการ "ตัดแต่งพันธุกรรม" 5 ชนิด คือ
เนยแท้ (cheese) เพียง 10% เท่านั้น ซึ่งไม่ควรเรียกว่าเนยแท้ได้เลย
แป้ง ที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการ ฟอกสี ทำให้ วิตามิน และ เกลือแร่ ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ ตามจำนวนโมเลกุลที่เคยมีอยู่เข้าไปใหม่
ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารคล้ายมะเขือเทศที่สร้าง "ยาฆ่าแมลง" ของมันขึ้นมาได้เองในร่างกายของท่าน
แป้งสาลี ชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุกรรม
น้ำมันฝ้าย  โดยฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้  ในฝ้าย เมล็ดจะเป็นตัวดูดเอาสารพิษ ต่างๆเอาไว้ได้มากที่สุด ซึ่ง กระทรวงเกษตรฯ และ กระทรวงสาธารณสุข ต่างไม่ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันที่จะรับรองว่ามันปลอดภัยต่อการบริโภคได้หรือไม่ มันไม่ได้ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น แต่มันเป็น "น้ำมัน ไฮโดรจีเนต" และมีอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
      นอกจากนี้ ผิวหน้าแป้งพิซซ่า ที่อบปิ้งในอุณหภูมิสูง อาจมี "สารอะคริลิไมด์" เกิดขึ้นด้วย ขณะที่การเพิ่มหน้าพิซซ่า "เพ็พเปอโรนิ" หรือเพิ่มหน้าไส้กรอกทำให้มีความเสี่ยงสูงจาก "ไนไตรท์" สารกันบูด และ สารเคมี อื่นๆ รวมทั้ง ไขมันอิ่มตัว ที่มีการเติมเข้าไปจากโรงงาน

6. น้ำอัดลม
      สารตัวสำคัญที่มีอยู่ใน "น้ำอัดลม" คือ  

"กรดกำมะถัน"(Phosphoric acid) ซึ่งมีความเป็น กรด สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน กรดที่สะสมอยู่ในร่างกายทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ และ "น้ำโซดา" ที่เป็นส่วนประกอบอีกตัวของน้ำอัดลมจะเป็นตัวชะล้าง แคลเซียม ออกจาก กระดูก จนทำให้เกิด "โรคกระดูกพรุน"
      นอกจากนี้ในน้ำอัดลม 1 กระป๋อง จะมี "น้ำตาลที่ไม่ให้พลังงาน" อยู่ 12 ช้อนชา ในน้ำอัดลมที่ช่วยลดน้ำหนักตัว หรือ Diet soda ที่ใช้ "น้ำตาลเทียม สังเคราะห์"(Artificial sweetener) เพิ่มความหวาน จะทำให้ร่างกายกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เพราะน้ำตาลสังเคราะห์เหล่านี้มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดามาก ขณะที่ "สี" ที่ใช้เติมในน้ำอัดลมยังเป็น "สารก่อมะเร็ง" ด้วย

7. ชิ้นไก่ทอด-เนื้อนุ่มไร้กระดูก
      เป็นเมนูที่ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว การรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไปจะให้พลัง งาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมัน มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมี คาร์โบไฮเดรต อยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส "MSG" ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ นอกจากนี้

"นัคเก็ตชิคเก้น" บางอันจะมี "สารอะลูมิเนียม" ซึ่งเป็นอันตรายต่อสมองและเป็นอันตรายต่อการเมตะโบลิสซึมของร่างกายด้วย 
 8. ไอศกรีม
      มี "ไขมัน"อยู่สูงมากเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีคาร์โบไฮเดรตอยู่มากเกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีน้ำตาลอยู่มากทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เต็มไปด้วย ไขมันไฮโดรจีเน็ต และไขมันที่แปรเปลี่ยน(Transfat) ไปจากธรรมชาติและยังช่วยเพิ่มพูน โคเลสเตอรอล ทำให้เส้นเลือดแดงใหญ่อุดตัน ทำให้มี สารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

9. โดนัท
      โดยเฉลี่ยแล้วจะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัท 1 ชิ้นมี แป้งคาร์โบไฮเดรต อยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มี "เกลือโซเดียม" อยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ นอกจากนี้โดนัทยังทอดในน้ำมันที่มีอุณหภูมิสูง ซึ่งน้ำมันประเภทนี้จะทำให้มีกลิ่นหืนและมี สารอนุมูลอิสระ เกิดขึ้น ทำให้เกิดสารพิษและทำให้ร่างกายเมตะโบลิสซึมช้าลง เป็นการคุกคามต่อสุขภาพที่ดี และยังเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น

 10. อาหารขบเคี้ยวยามว่าง
      ในปัจจุบันมีการบริโภค "โปเตโต้ชิพ" กันมาก โดยน้ำมันที่ใช้ในการทอดโปเตโต้ชิพในแต่ละครั้งจะเกิดการออกซิไดซ์ และทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มี สารอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ซึ่งเป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาทออกมา นอกจากนี้การรับประทานโปเตโต้ชิพ 1 ถุงอาจได้รับสารอะคริลิไมด์สูงมากกว่า 500 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราสูงสุดที่อนุญาตให้มีในน้ำดื่มทั่วไปได้การรับประทานโปเตโต้ชิพ 1 ชิ้น อาจได้รับสารอะคริลิไมด์ เท่ากับอัตราที่มีอยู่ในน้ำดื่ม 1 แก้ว
      นอกจากนี้ใน "โปเตโต้ชิพ" ยังมีไขมันอิ่มตัวแอบแฝงอยู่มาก มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดแคลนน้ำได้ และยังไปปิดกั้นการดูดซึมของไขมัน ทำให้การ ดูดซึม แร่ธาตุจากสารอาหาร ที่รับประทานเข้าไปได้น้อยลง ทำให้ปิดกั้นการดูดซึม "สารคาโรทินอยด์" และสารเคมีอื่นๆที่ได้มาจากพืชที่ช่วยในการป้องกันการเกิด โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคจุดด่าง ของผิวหนังทำงานได้ด้อยลง

      รู้โทษของอาหารเหล่านี้แล้ว ควรจะหลีกเลี่ยงแล้วหันไปรับทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพดีกว่าค่ะ
  
คำสำคัญ (Tags): #อาหารเสี่ยงโรค
หมายเลขบันทึก: 139491เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2007 18:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม 2012 18:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
ข้อ 1 กับ 4  ผมคงรอด  เพราะไม่ค่อยชอบทาน 

ข้อที่เหลือนี่มันเสียวมากๆ เลย  ถึงจะไม่ได้กินทุกวันเหมือนข้าวราดแกง  แต่ก็กินบ่อยๆ เกือบทุกสัปดาห์ต้องมีแอบกิน ข้อ 1-10 ตลอดเลยครับ  

แล้วแบบนี้ ผมจะอยู่ดูหน้าพ่อแม่ผมได้อีกกี่ปี  

ขอบคุณครับ ลด ละ ได้ บางอย่างเช่นกันครับ

ขออนุญาตสรุปสั้นๆ นะครับ  :-P

เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ งดเข้าร้านหรือรับประทานอาหารยี่ห้อต่อไปนี้ 

  • Mcdonald
  • Pizza Hutz, The Pizza Company และ Pizza อื่นๆ
  • KFC
  • Coke, Pepsi
  • Swensen
  • Mr.Donut
  • Prinkle, Lays ฯลฯ
สรุปสั้นๆ อีกที อย่าไปกินอาหารในห้าง

เห็นชื่อก็รู้อาหารขยะทั้งนั้น 10 อย่างนี้เด็ก ๆ

ยังพิมพ์ไม่เสร็จเลยบันทึกแล้ว ฮ่าๆๆ

เห็นชื่อก็รู้แล้วว่าอาหารขยะทั้งนั้น ทั้ง 10 อย่างเลยค่ะ  และไอ้10 อย่างนี้เด็ก ๆ สมัยนี้กินไม่รู้กี่อย่างต่อวัน น่าเป็นห่วงจริง ๆ สถิตินี้ต้องนำมาตีแผ่เพราะจะกลายเป็นโรคภัยต่าง ๆ ขึ้นมาได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ  กินอาหารต้องเลือกที่ ๆดี และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ  ไม่ใช่ดูแต่โฆษณาอย่างเดียว

สวัสดีครับคุณครูสุนันท์

               หากเราสามารถ ลด ละ เลิก 10 อาหารเสี่ยงภัยนี้ ก็จะช่วยประหยัดชีวิตเรา และประหยัดเงินในกระเป๋าเราอย่างมาก  ผู้เข้าถึงขอมูลข่าวสาร อาหารการกินนี้ยังมีน้อย ทำอย่างไรจึงจะกระจายความรู้นี้ไปถึงทุกคน ทุกครัวเรือน ช่วยกันขยายเครือข่ายนะครับ..สวัสดีครับ.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท