มาแล้วครับ ถึงเวลาแล้วที่ผมจะมาเล่าเรื่อง "กลไกการคิดของมนุษย์" ครับ
ผมเป็นนักวิจัยสาขา "ปัญญาประดิษฐ์" (Artificial Intelligence หรือย่อว่า AI) ครับ แม้ช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ผมจะใช้เวลาโดยส่วนใหญ่พัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับเว็บไซต์แต่ผมก็ไม่ได้ลืม "สิ่งสนุก" ของผมครับ ไปไหนมาไหนเจอคนคอเดียวกัน ก็จะคุยเรื่องเหล่านี้ครับ
นักวิจัยนี่เขาจะเรียกหัวข้อวิจัยว่า "สิ่งสนุก" นะครับ เพราะถ้าเราไม่สนุกกับมัน แสดงว่าเขาไม่ได้สนใจมันจริงครับ
เรื่อง AI นี่ผมสนุกมาก ผมไม่แน่ใจว่าความสนใจในเรื่องนี้ของผมเริ่มต้นที่ไหนครับ แต่การที่จะได้เห็นคอมพิวเตอร์ "คิด" เหมือนมนุษย์นี่ผมชอบมาก ยิ่งเราเองมีส่วนทำวิจัยให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นได้นั้น ยิ่ง "สนุก" ครับ
ที่จริงแล้วผมก็เขียนบันทึกโดยใช้องค์ความรู้ในฐานะนักวิจัยด้าน AI อยู่บ้างเป็นระยะ ถ้าติดตามอ่านก็จะเห็นอยู่โดยทั่วไปครับ
แต่ผมยังไม่เคยเล่าเรื่องดุษฎีนิพนธ์ (dissertation) ใช่ไหมครับ
เอาล่ะ ล้อมวงเข้ามา ใครยังไม่ได้สั่งกาแฟก็สั่งเสียก่อน ผมจะเล่าให้ฟังครับ
dissertation ผมมีหัวข้อว่า "Fuzzy Object-Oriented User Modeling: Theory, Representation, and Effectiveness"
ชื่อยาวครับ แปลเป็นไทยคงได้ว่า "หลักทฤษฎี หลักการแทนความรู้ และประสิทธิผล ของตัวแบบผู้ใช้บนกระบวนวิธีเชิงวัตถุแบบเซตวิภัชนัย"
อืมม... แปลเป็นไทยอ่านยากกว่าภาษาอังกฤษครับ
dissertation ของผมยาวประมาณสี่ร้อยหน้า แต่ผมจะสรุปเหลือสองประโยคได้ดังนี้
"ผมหาวิธีให้คอมพิวเตอร์คิดเหมือนมนุษย์เพื่อจะได้ตอบสนองกับมนุษย์เช่นเดียวกันกับที่มนุษย์ตอบสนองต่อกันและกันครับ โดยวิธีของผมเรียกว่า Fuzzy Object-Oriented User Modeling"
ใครสนใจในรายละเอียดต้องหา dissertation ตัวจริงมาอ่านครับ
ในสิ่งที่ผมศึกษา user modeling คือการสร้างตัวแบบของผู้ใช้ของคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะตรงกันข้ามกับ mental modeling ที่เป็นตัวแบบของคอมพิวเตอร์ที่เราสร้างในใจเมื่อใช้คอมพิวเตอร์
ที่จริงแล้วโดยทั่วไปมนุษย์เราสร้าง mental models ต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่แล้วเป็นปกติ นึกถึงเรื่องนิทานตาบอดคลำช้างนะครับ สาเหตุที่แต่ละคนบอกต่างกันเพราะ "mental models" ของช้างของแต่ละคนที่สร้างขึ้นเมื่อได้สัมผัสต่างกันครับ
dissertation ของผมด้าน information systems นี้เหมือนจะเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เป็นหลัก แต่ที่จริงกลับตรงข้าม เพราะเกี่ยวกับคนเป็นหลักครับ
กลายเป็นว่าเพื่อให้คอมพิวเตอร์ modeling เหมือนคน ผมต้องรู้ว่าในสมองคนการ modeling ทำอย่างไร
กลายเป็นว่าทำวิจัยยิ่งห่างคอมพิวเตอร์ไป แล้วใกล้กับคนมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมจบมาด้วยความรู้ว่าสมองคนทำงานอย่างไร เนื่องจากวิธีการทำงานของสมองคนมีหลายแบบหลายทฤษฎีที่เราจะประยุกต์ให้คอมพิวเตอร์ได้ ผมก็ทดลองสร้างวิธีการหนึ่งให้คอมพิวเตอร์เพื่อจะจบกลับบ้าน ก็เป็นอันเรียบร้อยของการเรียนปริญญาเอก
มาถึงเมืองไทยนั้น การทำวิจัยเพื่อให้คอมพิวเตอร์คิดได้เหมือนคนดูเหมือนจะไม่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนของบ้านเรา ผมก็เลยไม่ได้ทำต่อ
ที่จริงแล้วเป็นเพราะไม่รู้จะหาทุนวิจัยอย่างไรด้วย ตอนกลับมาแรกๆ ผมงงๆ อยู่พักหนึ่ง จับต้นชนปลายไม่ถูก นักวิจัยเปลี่ยน environment ก็เหมือนปลาเปลี่ยนน้ำครับ ต้องวนๆ หาทางสักพัก
ผมว่าสำหรับบ้านเรา งานวิจัยเพื่อให้คนสามารถคิดประมวลผลความคิดอย่างเป็นกระบวนการที่ดีนั้นสำคัญกว่า
ตกลงว่าผมกลายเป็นนักวิจัยเรื่องการบริหารจัดการไป โดยเน้นที่คนและการประมวลผลของสมองคน
เหมือนจะห่างคอมพิวเตอร์และ AI ที่ผมตั้งต้นไว้เรื่อยๆ แต่ที่จริงไม่ใช่นะครับ
ผมเข้าหา I (Intelligence) ต่างหากล่ะ แล้วผมก็ทำงานกับ "processor" ที่ advanced ที่สุดที่มนุษย์เรารู้จัก ได้แก่ "สมองมนุษย์" นั่นเอง
ผมว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ที่ผมจะนำเรื่องเหล่านั้นมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันมากขึ้นครับ ดังนั้นต้องติดตามต่อไปนะครับ
ขอขอบพระคุณอาจารย์ธวัชชัย...
หนูคิดว่าคนที่คิด AI เจ๋งที่สุดค่ะ
นับจนถึงโอกาสที่ได้มาตอบ comments นี้ ผมเขียนไปแล้วหลายตอนครับ ตั้งใจให้อ่านง่ายและสามารถประยุกต์ใช้ได้เลยครับ
หนูจะเชียร์อาจารย์ต่อไปค่ะ