ในสมัยยุคเศรษฐกิจทุนนิยมฟูเฟื่องการบริการความสะดวกสบายถือเป็นสินค้าตัวหนึ่ง คนมีเงินจึงแทบจะไม่ได้หยิบจับอะไรเลย แม้แต่งานเล็กๆน้อยๆ ก็ให้คนอื่นทำแทนหมด ยิ่งงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าจะทำเองก็ไม่ยอมทำ อาจจะดูว่าโอ้โฮรวยจริงไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ถ้าคิดในทางกลับกันเป็นการเสียโอกาสในชีวิตตั้งหลายอย่าง เพราะการพึ่งตนเองเป็นหลักการสำคัญในชีวิตอย่างหนึ่ง พระพุทธองค์ท่านสอนว่า "อัตตาหิ อัตตาโนนาโถ" แปลว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
การทำงานบางอย่างที่ควรทำเอง เพราะเป็นงานชำระสิ่งสกปรกที่เราทำขึ้น ง่ายๆเช่นจานอาหาร ถ้าเป็นทีร้านอาหารก็แล้วไปแต่ที่บ้านควรจะล้างของใครของมัน เป็นการฝึกการพึ่งตนเองแบ่งเบาภาระของคนอื่นที่ต้องคอยบริการให้เรา แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ให้เขาสบายบ้าง ก็คงน่าขอบคุณมาก และเราจะได้ภูมิใจในตนเองด้วยว่า เราทำเองก็ได้
การอยู่สบาย สบาย ในวันนี้ สบายมากเกินไปวันข้างหน้าอาจจะลำบากเพราะไม่ได้ฝึกฝนอดทนกับการทำงานแม้เล็กๆน้อยๆหรือความลำบากบางอย่างเช่นทนความเจ็บปวด ทนอึดอัดรำคาญ เมือเราอยู่ในสภาวะจำยอม ร่างกายจิตใจเราจะทนไม่ไหวต่อสภาพการณ์นั้นๆ ได้ เช่นคนที่ติดอยู่ใต้ตึกถล่มบางคนจิตใจแข็งแกร่งสามารถทนได้เป็นเวลานานจนมีคนช่วยรอดชีวิตมาได้
แต่บางคนแค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆอากาศร้อนไป หนาวไปก็ทำท่าทนไม่ได้แล้ว เพราะไม่หัดไม่ฝึก ปล่อยให้ตัวเองชินกับความสบายจนติดสบาย แม่แต่เรื่องเล็กน้อยก็ต้องพึ่งพาคนอื่นตลอด
นี่คือผลเสียจากการไม่พึ่งตนเอง ซึ่งบางคนอาจจะไม่เห็นด้วยเพราะคิดว่า เรามีเงินสามารถใช้มันเพื่อความสะดวกสบายได้ทุกอย่าง แต่อย่าลืมว่าสิ่งหนึ่งที่ซื้อด้วยเงินไม่ได้ คือใจ คนเจ็บป่วยที่ต้องนอนรอให้คนอื่นมาช่วยเหลือ กับคนป่วยที่พยายามช่วยเหลือตนเอง คุณคิดว่าพยาบาลผู้ดูแลจะชอบใจใครมากกว่า
เกิดมาเป็นคนคนหนึ่ง
หัดพึ่งตนเองดีกว่า
เงินทองซื้อของนานา
แต่ว่าไม่อาจซื้อใจ
อัตตาตัวตนพึ่งตน
อดทนนั้นคือยิ่งใหญ่
หวังแต่พึ่งเขาเรื่อยไป
สุดท้ายอาจต้องช้ำทรวง