วรรณกรรมคำถาม 3 : ซื้อดอกไม้มั้ยคะ?


เรื่องราวในสังคม บางทีเราก็พบว่า เราเข้าไปเกี่ยวข้องโดยไม่รู้ตัว บางครั้งเราอาจจะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างห

 

 

  

วรรณกรรมคำถาม 3 :   ซื้อดอกไม้มั้ยคะ?

 

            เรื่องราวในสังคม บางทีเราก็พบว่า เราเข้าไปเกี่ยวข้องโดยไม่รู้ตัว บางครั้งเราอาจจะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง  ซึ่งการตัดสินใจนั้น อาจเต็มใจ หรือไม่ก็ขัดแย้งกับความรู้สึกของตน  และบางครั้งเราอาจตัดสินใจโดยไม่แคร์ความถูกต้องหรือมนุษยธรรมก็ได้  เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคมแวดล้อมตัวเรา  เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน  และเราก็ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งที่มากระทบ สัมผัสเรา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง 

           ผมเคยนำเอาเรื่องราวจากสังคมมาเขียนขึ้นเป็น  วรรณกรรมคำถาม 2 ครั้งแล้ว  รวม 4 เรื่อง  (โปรดอ่าน)

           วรรณกรรมคำถาม : คำถามที่รอคำตอบจากคุณ...?

                 1.เรื่อง  หนูอยากให้พ่อหายไป

                 2. ผมไม่ชอบเป็นครู

           วรรณกรรมคำถาม 2 : คำถามที่รอคำตอบจากคุณ...? (อีกครั้ง)

                 3. พรุ่งนี้ผมจะไปทานเหล้า

                 4.  นางยักษ์ที่บ้าน

 ท้ายเรื่อง ผมตั้งประเด็นคำถามไว้เพื่อรอคำตอบจากท่านทั้งหลาย  บางเรื่องอาจตอบได้ บางเรื่องก็ต้องคิดหนัก  เพราะเราอาจจะไม่ได้สัมผัสกับเรื่องทำนองนั้นโดยตรง

               ผมจะยังไม่เฉลยคำตอบทั้ง 4 เรื่องนี้  เพราะอยากรอคำตอบจากท่านทั้งหลายก่อน แล้วจะนำมาประมวลความเห็นเพื่อพิจารณาถึงปฏิสัมพันธ์ของแต่ละท่านว่า ในสถานการณ์หนึ่งกับบุคคลที่มีความแตกต่างกัน  จะมีความเห็นที่เหมือนหรือต่างกันอย่างไร  ซึ่งน่าจะช่วยทำให้เราเข้าใจสภาวะที่เป็นอยู่ของสังคมได้บ้าง เผื่อว่าถ้ามันเป็นปัญหาสังคม ก็จะช่วยให้เรามองเห็นทางแก้ปัญหาได้

             สำหรับบันทึกนี้ ผมก็มีวรรณกรรมคำถามเรื่องที่ 5 มาให้พิจารณาอีก และท้ายเรื่องก็ยังคงมีคำถามตั้งไว้เพื่อรอคำตอบจากท่าน  

 

5.ซื้อดอกไม้มั้ยคะ?

             ๐ น้าๆ   ซื้อดอกไม้มั้ยคะ?

เด็กหญิงชุดนักเรียน วัย7-8  ขวบ  ยื่นดอกกุหลาบให้กับกลุ่มคนที่กำลังกินอาหารในร้านสวนอาหารแห่งหนึ่ง  ท่ามกลางเสียงเฮฮา เพราะร่ำสุราคุยกันอย่างอารมณ์ดี 

ชายผู้หงุดหงิดคนหนึ่ง  โบกมือปฏิเสธ  แล้วหันมาดื่มต่อ

            ๐ น้าๆ   ซื้อดอกไม้หนูหน่อยนะคะ 

เด็กหญิงชุดนักเรียนอ้อนวอนด้วยสายตาวิงวอน

            ๐ ไม่เอา

ชายผู้หงุดหงิดตอบห้วนๆ

           ๐ น้าซื้อสักดอกเถอะค่ะ   นึกว่าช่วยหนูนะคะ

เด็กหญิงชุดนักเรียนเซ้าซี้ต่อ

ชายผู้หงุดหงิด หันขวับมา แล้วตะคอกขึ้นว่า

          ๐ เอ้ะ!  ไม่เอา   บอกแล้วว่า ไม่เอา   ไปข้างหน้าไป๊!

          ๐ โธ่!  น้า  ซื้อหน่อยนะคะ  สงสารหนูเถอะค่ะ  หนูขายเอาเงินไปโรงเรียนค่ะ

เด็กหญิงชุดนักเรียนยังคงวิงวอน

           ๐ ไม่...เอา    เอ๊ะ! ....เด็กคนนี้ยังไงนะ  บอกว่าไม่เอา ยังเซ้าซี้อยู่ได้,   จะกินข้าว,   ไม่มีอารมณ์จะซื้อ  เข้าใจมั้ย!

ชายผู้หงุดหงิดระเบิดอารมณ์  พลางมองตาดุน่ากลัว

เด็กหญิงชุดนักเรียน  ยืนนิ่ง

         ๐ แหม!...เด็กพวกนี้ไม่ไหว   ตื๊อเหลือเกิน   พ่อแม่อยู่ไหน  ทำไมปล่อยให้ลูกมาขายอยู่ได้  กลางค่ำกลางคืน  แทนที่ เด็กจะได้ดูหนังสือหนังหา ทำการบ้าน  ยังจะต้องมาขายของอีก เฮ้อ! ...น่าเวทนาจริงจริ๊ง

หญิงร่วมโต๊ะหน้าตาดี ท่าทางมีเงินพูดเยาะและไม่พอใจพ่อแม่ของเด็ก

      ๐ ทำไมตำรวจไม่มาจับไปเสียให้หมดๆ นะ  น่ารำคาญ กินข้าวไม่มีความสุขเลย

หญิงร่วมโต๊ะ หน้าตาน่าเกลียดกล่าวเสริม

     ๐ เจ้าของร้านก็ไม่น่าปล่อยเข้ามาขายในร้านเลย  เสียอารมณ์แท้ๆ  นี่เราน่ะ  เป็นนักเรียนจริงๆ หรือเปล่า?  หรือแต่งมาหลอกคนเล่น หือ?

ชายร่วมโต๊ะอีกคนกล่าวขึ้นอีก

     ๐ ปะ...ไป....น่ารำคาญจริงๆ  ถ้าไม่ไปจะเรียกตำรวจมาจับ,....  ไป๊  

ชายผู้หงุดหงิดโบกมือไล่

เด็กหญิงชุดนักเรียน  หิ้วตะกร้าดอกไม้จากไปดวยหน้าตาหม่นหมอง   เธอเดินไปที่อีกโต๊ะหนึ่ง  โต๊ะที่สองขับไล่  โต๊ะที่สาม-สี่ ขับไล่อีก  โต๊ะต่อๆ  ไป  ก็ไม่มีใครหยิบยื่นเงินซื้อดอกไม้เลยสักโต๊ะ  

เด็กหญิงชุดนักเรียนหิ้วตะกร้าดอกไม้เดินออกจากร้านไปโดยไม่ได้เงินสักบาทเดียว  แต่กลับได้คำตะคอกขับไล่กลับออกมา  แล้วเธอก็เดินหายไปในความมืด  ไม่รู้ว่าเธอจะไปขายที่ไหนอีก  หรือว่า คืนนี้เธอจะขายดอกไม้ไม่ได้เลยสักดอกเดียว.....

คำถาม :  ถ้าคุณพบเด็กหญิงชุดนักเรียนในร้านอาหาร และเธอมาขายดอกไม้แก่คุณ   คุณจะซื้อดอกไม้ของเธอมั้ย?  

และมีเหตุผลอะไร?

                 

 

หมายเลขบันทึก: 137192เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2007 21:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีค่ะอาจารย์

  วันนี้ไม่เล่นแล้ว ตอบจริงๆ เป็นคนที่แปลก คิดว่า ถ้าใครขอก็จะให้ ไม่มีเหตุผลอะไร คนที่คิดจะขอมีไม่กี่เหตุผลค่ะ และในนั้น ก็มีทั้งจริง และปลอม  และคิดว่าทั้งสองเหตุผลของคนขอ เขาต้องใช้พลังอย่างมาก เวลาเอ่ยปาก ฉะนั้น กล้าขอ ก็กล้าให้ แม้แต่จะขอให้ซื้อก็เอาค่ะจริงๆ

  • สวัสดีค่ะอาจารย์...
  • ปกติก็มักจะซื้อค่ะ   แต่เคยไปทานอาหารที่ร้านหนึ่งที่เชียงใหม่  แล้วมีเด็กมาขายดอกกุหลาบ พอเราซื้อจากเด็กคนแรกแล้ว   ไม่รู้เด็กมาจากไหนมารุมโต๊ะเราเต็มไปหมด  ตื้อกันใหญ่
  • คนทั้งร้านหันมามองเราเต็มไปหมด....หลังจากนั้นเลยทำให้เวลาจะซื้ออะไร จะมองซ้ายมองขวาก่อนค่ะว่ามีรายอื่นอีกมั้ย
  • แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยมั่นใจแล้วค่ะ  เพราะเห็นมีผู้ใหญ่คุมอยู่อีกที  แล้วสั่งให้เด็กเข้ามาขาย
  • สรุปคือเดี๋ยวนี้ก็จะดูสถานการณ์ก่อนค่ะ ว่าจะช่วยซื้อหรือไม่ค่ะ
ไม่ซื้อค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้มันเป็นแก๊งค์เด็กต่างชาติแทบทั้งนั้น แขก เขมร พม่า แถวที่ทำงานนี่เยอะมากเพราะมีร้านอาหารประเภทหมูกระทะบ้าง ร้านอาหารอีสานร้านอาหารทั่วไป และร้านเหล้าเรียงรายเต็มถนนทาวน์อินทาวน์ เคยไปนั่งกินหลายครั้ง ก็เลยเห็นว่าพอเด็กขายไม่ได้ออกมาโดนคนคุมตบหัวทิ่มหน้าร้านเลยก็มี

นอกจากเด็กแล้วก็มีช้างอีก ทรมานช้างจะตาย รถก็จะชนเอา หางก็ถูกตัดซะด้วน คือหนูไม่สนับสนุนพวกหากินแบบนี้ค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยหาเรื่องเขา มีเคยรวนไปครั้งนึงตอนโดนคนขายกล้วยตื้อหนักๆ แถมช้างร้องใส่ข้างหูอีก ตกใจอ่ะ  - - "  คือหมดอารมณ์โรแมนติกเลย คนกำลังสวีทกันอยู่แท้ๆ หงุดหงิดเลยถามว่า "ช้างก็ช้างคุณกล้วยก็กล้วยคุณ ทำไมไม่ให้มันกินเองล่ะ ตกลงเลี้ยงช้างหรือเลี้ยงคนกันแน่ ไม่อายเหรอที่หากินบนความยากลำบากของมัน มีมือมีเท้าทำไมไม่ทำงาน เอาเปรียบสัตว์แบบนี้มันไม่ดีมันเป็นบาป" เขาก็งงๆ แล้วเดินจากไปพร้อมเจ้าหางกุด

ถ้าเป็นดอกไม้..บางทีก็ซื้อ บางทีก็ไม่ซื้อค่ะอาจารย์...ขึ้นอยู่กับสายตาของเด็กที่มอง......บางทีก็คิดว่า เอ๊ะเราทำไมไปรู้สึกผิดที่กินอาหารเต็มโต๊ะหลายเงิน กับเงินแค่ไม่กี่บาทที่ซื้อดอกไม้ก็ไม่ยอมจ่าย........แต่บางทีก็คิดว่าไม่ซื้อดีกว่าจะได้ไม่ต่อยอดการจ้างแรงงานเด็กในลักษณะนี้.........สับสนกับตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ......ยังไม่มีคำตอบที่ลงตัว......จนตอนหลังเลยคิดว่า......อะไรที่ทำแล้วไม่เสียใจภายหลังก็ทำๆไป ......เลยเป็นว่าซื้อบ้างไม่ซื้อบ้างตามเหตุตามปัจจัย......อืม....เป็นอย่างนี้บ่อยๆซะด้วยซิคะ

คุณP

         สวัสดีครับ

         ก็แปลว่าคุณตันติราพันธ์ตกลงซื้อดอกกุหลาบของเด็กหญิง   "ไชโย้!  หนูขายได้แล้วค่ะ   ขอบคุณนะคะ  คุณน้าใจดี จังเลย"  เด็กหญิงคงจะพูดอย่างนี้ในใจ  อย่างน้อยก็มีคนซื้อ  "นึกว่าจะต้องเปลี่ยนไปขายกระดาษทิชชู หรือไม่ก็ขนมหวานแบบไทยๆ เสียแล้วสิ 

    

สวัสดีครับ อ.P

           ตกลงว่า "ลังเล"  อยู่     "งั้นหนูไปขายข้างหน้าก่อนนะคะ  เดี๋ยวหนูกลับมาขายคุณน้าใหม่   แต่ยังไงก็ช่วยซื้อสักดอกนะคะ ไม่แพงหรอก  10  บาทเอง ซื้อ 5 ดอก แถม 1 ดอก ค่ะ   นึกว่าสงสารหนู  หนูจะได้มีค่าขนมไปโรงเรียนนะคะ"    เด็กหญิงคงพูดอย่างนี้ แล้วก็กลับมาหา อ.ลูกหว้าใหม่อีกครั้ง 

สวัสดีครับP

          เด็ดเดี่ยวมากครับ  "ไม่ซื้อ"   แม้เด็กจะเจ็บปวดบ้าง แต่เพื่อระเบียบของสังคม ต้องตัดใจเหมือนกัน บางทีเราก็เห็นมีผู้ใหญ่ที่มาคุมตบหัวเด็กทิ่มอย่างนั้นเหมือนกัน เราอยากจะไปถามว่านี่คุณทำไมทำกับเด็กอย่างนั้น หรือคุณไม่ใช่พ่อแม่เด็ก แต่เป็นพวกใช้แรงงานเด็ก  เอ!  บอกตำรวจจัดการเลยดีไหม  หรือองค์กรที่ดูแลเด็กให้มาจัดการ  เด็กๆ เหล่านี้น่าจะมีสิทธิในการเรียนหนังสือ พักผ่อน ตามสมควรแก่สถานะ  การที่เด็กท่องราตรีขายของอยู่นี่ ไม่แน่ใจว่ามีกฎหมายคุ้มครองหรือไม่

          ส่วนเรื่องช้าง เห็นด้วยครับที่จะต้องจัดการเด็ดขาด แต่แปลกนะ  เจ้าหน้าที่เขาไปอยู่ไหน ช้างตัวโตขนาดนั้นไม่ยักเห็น ปล่อยให้คนเหล่านี้พามาตระเวนใช้แรงงานผิดกาลเวลาอย่างนี้

          "ขอบคุณค่ะ"  เด็กหญิงคงจะหิ้วตะกร้าดอกไม้กลับออกไปด้วยสีหน้าหม่นหมองและกังวล

สวัสดีครับคุณP

             ตกลงว่า "ลังเล" เหมือนกัน    (ขึ้นอยู่กับหนูๆ แล้วล่ะ จะทำหน้าตาน่าสงสาร เวทนา จริงใจแค่ไหน  ต้องฝึกนะ  เรื่องขายของในลักษณะนี้  เราต้องเข้าใจว่า 1.ผิดกาลเวลาที่เขาจะซื้อดอกไม้  2. ผิดสถานที่ เพราะเป็นร้านอาหาร ไม่ใช่ที่สาธารณะ  3. ผิดจุดประสงค์  เพราะเขามากินอาหาร มาหาความสุขจากการดื่ม กิน ไม่ใช่มาหาซื้อดอกไม้ เพราะฉะนั้น  ต้องมีเทคนิคการขายมากๆ ไม่เช่นนั้น  น้าจันทรัตน์ ไม่ควักเงินซื้อดอกไม้หนูเป็นแน่)   

   ไม่ซื้อ  ส่ายหน้าเฉยๆ ไม่พูดอะไร

    เจอหลายรูปแบบ ปฏิเสธหมด

    สงสาร แต่มีอะไรแอบแฝงเบื้องหลังไม่ชอบ

    ช้างก็เหมือนกัน

เมื่อก่อน "ลังเล" นั้นใช่เลย...แต่ระยะหลังนี้ไม่ใช่ค่ะ....ยืดหยุ่นไม่เบียดเบียนตัวเองและไม่เบียดเบียนคนอื่นมากกว่า...มันคนละอารมณ์ความรู้สึกน่ะค่ะ

สวัสดีครับคุณP

     เด็ดขาดครับ  เด็กน้อยต้องถอยกรูดแน่ๆ ครับ บางทีการตัดใจก็ช่วยทำอะไรให้ดีขึ้นได้เหมือนกัน

คุณP

         ผมเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคุณจันทรรัตน์แล้วครับ  บางทีการพิจารณาอย่างคุณจันทรรัตน์ว่าก็ดีนะครับ  เพราะบางครั้งเราอาจเจอเด็กที่ขายของด้วยบริสุทธิ์ใจ ช่วยเหลือผู้ปกครองจริงๆ ก็ได้  ส่วนที่เป็นแก๊งค์เป็นก๊กก็มี  ก็ต้องดูสถานการณ์และพิเคราะห์ด้วยเหมือนกัน ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท