แม้บัญญัติจะเป็นเพียงนามที่มนุษย์สมมติขึ้น เพื่อใช้กำหนดเรียกสิ่งต่าง ๆ แต่ก็เป็นกับดักที่ทำให้เราหลงอยู่กับมัน ทั้ง ๆ ที่รู้และไม่รู้ เพราะถูกมายาภาพของรูปลักษณ์ภายนอกที่ยิ่งใหญ่สวยหรูล่อลวง กระทั่งไม่อาจเข้าถึงเนื้อใน อันเป็นความจริงที่เรียบง่าย ซึ่งซ่อนเร้นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน
เหมือนกับพุทธพจน์ที่ว่า
“ผู้ที่เห็นในสิ่งไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ
เห็นในสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ
มีความดำริผิดเป็นทางไป
ย่อมไม่ได้บรรลุสิ่งที่เป็นสาระ
ผู้รู้ในสิ่งที่เป็นสาระโดยความเป็นสาระ
สิ่งที่ไม่เป็นสาระโดยความไม่เป็นสาระ
มีความดำริชอบเป็นทางไป
ย่อมบรรลุสิ่งที่เป็นสาระได้”
บริบทแวดล้อมหรือรายละเอียดนั้นดูเพราะพริ้ง น่าสนใจ และทำให้เราหลงประเด็นได้ง่าย ๆ จนไม่อาจพิจารณาใคร่ครวญถึงแก่นแท้อันห้วนกระชับ หรือต้นตอของเหตุอันเป็นที่มาของผล รวมไปถึงการลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
เราจึงมักให้เวลากับเรื่องปลีกย่อยที่มีสีสัน มากกว่าที่จะทุ่มเทพลังงานทั้งหมดให้กับเรื่องที่เป็นสาระล้วน ๆ แต่ทว่าขึงขังและจืดชืด ผลของการงานที่ออกมาจึงไร้ประสิทธิภาพ ไม่อาจไปถึงเป้าหมายที่แท้
ในแง่ของธรรมะก็เช่นกัน จริง ๆ แล้ว คำสอนของพระพุทธองค์มีสาระสำคัญอยู่ที่การปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ บนบาทฐานของศีล สมาธิ และปัญญา แต่กลับถูกบิดเบือนด้วยบริบทอันเป็นกระพี้ของความเป็นลัทธิ พิธีกรรมต่าง ๆ ที่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้ห่างไกลออกจากการดับทุกข์เสียมากกว่า
เวลาที่มีคนถามเราว่านับถือศาสนาอะไร ร้อยทั้งร้อยสามารถตอบได้ทันทีว่าศาสนาพุทธ ครั้นพอถูกซักต่อว่าแล้วศาสนาพุทธสอนอะไร ส่วนใหญ่ก็คงจะอ้ำอึ้งตอบไม่ได้
ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะเรานับถือศาสนาพุทธกันโดยชาติกำเนิด หรือถือตาม ๆ กันมา แม้จะมีการบรรจุวิชาพุทธศาสนาในโรงเรียน สถาบันการศึกษา แต่นั่นก็เป็นเพียงทฤษฎีที่สอนให้จำเพื่อลืม เรายังว่างเว้นจากภาคปฏิบัติที่เป็นเนื้อแท้จริง ๆ กันเหลือเกิน เฉพาะแค่ศีล 5 ก็ยังรักษากันไม่ค่อยจะได้เลย
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เมืองพุทธอย่างประเทศเรา ซึ่งมีประชากรกว่า 90% นับถือศาสนาพุทธ จะเต็มไปด้วยความรุนแรง และอาชญากรรมนานา ไม่ต่างกับภาษิตที่ว่า “ปากว่าตาขยิบ”
อัตราการเข่นฆ่า ทำร้าย ข่มขืน พิษภัยจากการดื่มสุรา ผิดลูกผิดเมีย ทุจริตโกงกิน หรือพูดโดยรวม ๆ คือนับวันก็จะมีการบูชากิเลสเหนือมโนสำนึก หรือล่วงละเมิดศีล 5 อันเป็นหลักธรรมพื้นฐานสำคัญที่ทำให้สังคมอยู่กันอย่างร่มเย็น ทุกข้อมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่าใจหาย
ความไม่รู้ ทำให้เรานับถือพุทธศาสนากันแบบผิด ๆ อย่างงมงาย แทนที่จะเป็นไปเพื่อการสละละ กลับปนเปื้อนไปด้วยผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ จนกลายเป็นการเพิ่มพูนกระตุ้นกิเลส ทำบุญกันแบบได้บาป เช่น ทอดกฐินแกล้มเหล้า หรือจัดงานบวชเคล้านารี ดนตรีกระหึ่ม มีเต้นโคโยตี้หรือโชว์ลามกยั่วยุกามารมณ์ ตลอดไปจนถึงความเชื่อถือในโชคลางและของขลัง การสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีการต่าง ๆ มากกว่าที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ถูกต้องของตนเอง อันเป็นสาเหตุที่แท้จริงของความโชคร้ายนั้น
หากเรายังมัวแต่หลงอยู่กับกระพี้ปลอม ๆ เช่นนี้ต่อไป โดยไม่รักษาเนื้อใน ปล่อยให้มันฟอนเฟะจนเกินกว่าจะเยียวยาแล้ว แม้จะรักษาเปลือกเอาไว้ได้ ก็เปล่าประโยชน์ ลำพังแค่ความเป็นพุทธแต่เพียงในนามหรือโดยนิตินัยของการบัญญัติ ย่อมไม่อาจธำรงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือทำให้พุทธศาสนายั่งยืนสืบต่อไปได้ ประวัติศาสตร์การล่มสลายของพุทธธรรมที่เคยเกิดขึ้นในอินเดีย น่าจะเป็นอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดี
ฉะนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องช่วยกันสังคายนาเปลือกต่าง ๆ เหล่านี้อย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียที และปฏิวัติความเป็นพุทธที่ถูกต้อง โดยสำนึกถึงพฤตินัยของการปฏิบัติเป็นสำคัญ แยกแยะให้ได้ว่าอะไรคือแก่นแท้หรือสาระของธรรมะ อะไรที่ไม่ใช่ แล้วเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องนี้ เพื่อกอบกู้ธรรมในใจและสังคมที่เสื่อมทรามให้ฟื้นคืนมา สมกับหน้าที่ของพุทธสาวกหรือพุทธสาวิกาที่แท้จริง
ขอขอบคุณ - คุณธารา รินศานต์
สวัสดีค่ะ คุณ begood
เข้ามาเรียนรู้ค่ะ
ขอบคุณค่ะที่แบ่งปัน
สวัสดีค่ะ..เป้นบันทึกที่ดีจังค่ะ
ขอบคุณนะค่ะที่บันทึกสิ่งดีๆ ให้อ่าน
เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่านเจอโดยบังเอิญ เป็นข้อความที่ดีมาก ๆ ขออนุญาตนำไปแบ่งปันคนรอบข้างนะคะ
สวัสดีค่ะ