อย่าติดอยู่แค่เปลือก


“ผู้ที่เห็นในสิ่งไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ ....เห็นในสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ ....มีความดำริผิดเป็นทางไป ....ย่อมไม่ได้บรรลุสิ่งที่เป็นสาระ .......ผู้รู้ในสิ่งที่เป็นสาระโดยความเป็นสาระ .......สิ่งที่ไม่เป็นสาระโดยความไม่เป็นสาระ ......มีความดำริชอบเป็นทางไป ........ย่อมบรรลุสิ่งที่เป็นสาระได้” เวลาที่มีคนถามเราว่านับถือศาสนาอะไร ร้อยทั้งร้อยสามารถตอบได้ทันทีว่าศาสนาพุทธ ครั้นพอถูกซักต่อว่าแล้วศาสนาพุทธสอนอะไร ส่วนใหญ่ก็คงจะอ้ำอึ้งตอบไม่ได้

             แม้บัญญัติจะเป็นเพียงนามที่มนุษย์สมมติขึ้น เพื่อใช้กำหนดเรียกสิ่งต่าง ๆ  แต่ก็เป็นกับดักที่ทำให้เราหลงอยู่กับมัน ทั้ง ๆ ที่รู้และไม่รู้ เพราะถูกมายาภาพของรูปลักษณ์ภายนอกที่ยิ่งใหญ่สวยหรูล่อลวง กระทั่งไม่อาจเข้าถึงเนื้อใน อันเป็นความจริงที่เรียบง่าย ซึ่งซ่อนเร้นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน

             เหมือนกับพุทธพจน์ที่ว่า

 “ผู้ที่เห็นในสิ่งไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ 
  เห็นในสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ
           มีความดำริผิดเป็นทางไป
           ย่อมไม่ได้บรรลุสิ่งที่เป็นสาระ

               ผู้รู้ในสิ่งที่เป็นสาระโดยความเป็นสาระ
               สิ่งที่ไม่เป็นสาระโดยความไม่เป็นสาระ
                     มีความดำริชอบเป็นทางไป
                     ย่อมบรรลุสิ่งที่เป็นสาระได้

             บริบทแวดล้อมหรือรายละเอียดนั้นดูเพราะพริ้ง น่าสนใจ และทำให้เราหลงประเด็นได้ง่าย ๆ จนไม่อาจพิจารณาใคร่ครวญถึงแก่นแท้อันห้วนกระชับ หรือต้นตอของเหตุอันเป็นที่มาของผล รวมไปถึงการลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง

             เราจึงมักให้เวลากับเรื่องปลีกย่อยที่มีสีสัน มากกว่าที่จะทุ่มเทพลังงานทั้งหมดให้กับเรื่องที่เป็นสาระล้วน ๆ  แต่ทว่าขึงขังและจืดชืด ผลของการงานที่ออกมาจึงไร้ประสิทธิภาพ ไม่อาจไปถึงเป้าหมายที่แท้

            ในแง่ของธรรมะก็เช่นกัน จริง ๆ แล้ว คำสอนของพระพุทธองค์มีสาระสำคัญอยู่ที่การปฏิบัติเพื่อดับทุกข์  บนบาทฐานของศีล สมาธิ และปัญญา แต่กลับถูกบิดเบือนด้วยบริบทอันเป็นกระพี้ของความเป็นลัทธิ พิธีกรรมต่าง ๆ ที่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้ห่างไกลออกจากการดับทุกข์เสียมากกว่า

             เวลาที่มีคนถามเราว่านับถือศาสนาอะไร  ร้อยทั้งร้อยสามารถตอบได้ทันทีว่าศาสนาพุทธ ครั้นพอถูกซักต่อว่าแล้วศาสนาพุทธสอนอะไร  ส่วนใหญ่ก็คงจะอ้ำอึ้งตอบไม่ได้

             ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะเรานับถือศาสนาพุทธกันโดยชาติกำเนิด หรือถือตาม ๆ กันมา  แม้จะมีการบรรจุวิชาพุทธศาสนาในโรงเรียน สถาบันการศึกษา  แต่นั่นก็เป็นเพียงทฤษฎีที่สอนให้จำเพื่อลืม เรายังว่างเว้นจากภาคปฏิบัติที่เป็นเนื้อแท้จริง ๆ กันเหลือเกิน เฉพาะแค่ศีล 5 ก็ยังรักษากันไม่ค่อยจะได้เลย

             จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เมืองพุทธอย่างประเทศเรา ซึ่งมีประชากรกว่า 90% นับถือศาสนาพุทธ จะเต็มไปด้วยความรุนแรง และอาชญากรรมนานา ไม่ต่างกับภาษิตที่ว่า “ปากว่าตาขยิบ”

             อัตราการเข่นฆ่า ทำร้าย ข่มขืน พิษภัยจากการดื่มสุรา ผิดลูกผิดเมีย ทุจริตโกงกิน หรือพูดโดยรวม ๆ คือนับวันก็จะมีการบูชากิเลสเหนือมโนสำนึก หรือล่วงละเมิดศีล 5 อันเป็นหลักธรรมพื้นฐานสำคัญที่ทำให้สังคมอยู่กันอย่างร่มเย็น ทุกข้อมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่าใจหาย

             ความไม่รู้ ทำให้เรานับถือพุทธศาสนากันแบบผิด ๆ อย่างงมงาย แทนที่จะเป็นไปเพื่อการสละละ กลับปนเปื้อนไปด้วยผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์  จนกลายเป็นการเพิ่มพูนกระตุ้นกิเลส ทำบุญกันแบบได้บาป เช่น ทอดกฐินแกล้มเหล้า หรือจัดงานบวชเคล้านารี ดนตรีกระหึ่ม มีเต้นโคโยตี้หรือโชว์ลามกยั่วยุกามารมณ์  ตลอดไปจนถึงความเชื่อถือในโชคลางและของขลัง  การสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีการต่าง ๆ มากกว่าที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ถูกต้องของตนเอง อันเป็นสาเหตุที่แท้จริงของความโชคร้ายนั้น

             หากเรายังมัวแต่หลงอยู่กับกระพี้ปลอม ๆ เช่นนี้ต่อไป โดยไม่รักษาเนื้อใน ปล่อยให้มันฟอนเฟะจนเกินกว่าจะเยียวยาแล้ว แม้จะรักษาเปลือกเอาไว้ได้ ก็เปล่าประโยชน์  ลำพังแค่ความเป็นพุทธแต่เพียงในนามหรือโดยนิตินัยของการบัญญัติ  ย่อมไม่อาจธำรงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือทำให้พุทธศาสนายั่งยืนสืบต่อไปได้ ประวัติศาสตร์การล่มสลายของพุทธธรรมที่เคยเกิดขึ้นในอินเดีย น่าจะเป็นอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดี

             ฉะนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องช่วยกันสังคายนาเปลือกต่าง ๆ เหล่านี้อย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียที และปฏิวัติความเป็นพุทธที่ถูกต้อง โดยสำนึกถึงพฤตินัยของการปฏิบัติเป็นสำคัญ แยกแยะให้ได้ว่าอะไรคือแก่นแท้หรือสาระของธรรมะ อะไรที่ไม่ใช่ แล้วเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องนี้ เพื่อกอบกู้ธรรมในใจและสังคมที่เสื่อมทรามให้ฟื้นคืนมา สมกับหน้าที่ของพุทธสาวกหรือพุทธสาวิกาที่แท้จริง

ขอขอบคุณ - คุณธารา รินศานต์

หมายเลขบันทึก: 136494เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2007 09:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 08:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ คุณ begood

 เข้ามาเรียนรู้ค่ะ

 ขอบคุณค่ะที่แบ่งปัน

สวัสดีค่ะ..เป้นบันทึกที่ดีจังค่ะ

ขอบคุณนะค่ะที่บันทึกสิ่งดีๆ ให้อ่าน

เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่านเจอโดยบังเอิญ เป็นข้อความที่ดีมาก ๆ ขออนุญาตนำไปแบ่งปันคนรอบข้างนะคะ

สวัสดีค่ะ

  • ติดตามมาชื่นชมกับบันทึกดีๆที่มีคุณค่ายิ่ง
  • หนังสือมิติแห่งใจไขความลับเบาหวาน"ใช้ยาใจ  ไม่ใช่ยากิน" ที่ส่งมาให้ได้รับแล้วนะคะ...ขอขอบพระคุณอย่างสูงยิ่งกับน้ำใจที่มอบให้ด้วยมิตรไมตรี....เป็นหนังสือที่มีคุณค่ายิ่งพี่ได้จัดส่งไปให้พี่เขยแล้วท่านเกษียณอายุราชการแล้ว..พี่สาวทุกข์ใจมาก....ขอคุณความดีที่น้องกระทำจงดลให้ชีวิตมีแต่ความเจริญก้าวหน้าพานพบแต่สิ่งที่ดีงามตลอดไปนะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท