เรียนรู้จากสัตว์>> อีปุย - ไอ้คก


อีปุย - ไอ้คก
วันนี้จะเล่าเรื่องอีปุย หรือปุยฝ้ายของน้องจิเขานั่นแหละ.......  ฉันสมัครใจที่จะเรียกมันว่าอีปุย ซะมากกว่าค่าที่มัน ๖๖  ร ด เหลือใจ และฉันก็ไม่ค่อยชอบมันหรอกเพราะพอเจอมันทีไรฉันเป็นแพ้น็อคมันทุกที ( หมัดหมาไง ไม่ใช่หมัดคน  รู้จักไหมคะ ) เวลามันมาหน้าบ้านฉันทีไรฉันก็มักเอาก้อนหินขว้างมัน     ใจร้ายละซิ  เปล่าหรอกเป็นก้อนหินก้อนเล็ก ๆ และบางทีก็หินลม   หินลม  งงงงงงงงงงงงง  ก็หินหลอกหมาไง.  งงงงงง...เออ....งงงงงงไปเหอะ................... ใกล้ค่ำแล้วหลังจากออกกำลังกายที่หน้าบ้านแล้วนั่งพักให้เหงื่อที่ไม่ค่อยมีแห้ง และถือโอกาสรับลมหนาวต้นฤดูกำลังพอสบาย ๆ อีปุยเดินกลับบ้านพร้อมครูดวง  เขาเปิดประตูเข้าบ้านโดยไม่ทักทายกับฉันเพราะไม่มีธุระอะไรว่างั้นเถอะ  ฉันกำลังนั่งยองๆ กับพื้นรับลมหน้าโรงรถ  และมองดูโน่นดูนี่เพลิน ๆ พลันอีปุยก็วิ่งออกมาจากพงต้นไม้บ้านของมัน ( ทำต้องพงต้นไม้นะ ) วิ่งตรงมาใกล้ฉัน  คราวนี้มันไม่เห่าไม่แฮ่ใส่ฉัน   แล้วมันก็หยุดตาจ้องเป๋งไปที่พื้นเบื้องหน้าของมัน   ฉันมองตาม  ไอ้คก!!!! ( ห้ามเรียกอีคกเพราะมันหยาบคายในความคิด ) มาจากไหนตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ กระโดดหยองๆ แหยง ๆ  อีปุยมองด้วยความสงสัยสัย    !!!!!   ทันใดนั้นพอไอ้คกกระโดดปั๊บ  อีปุยตะครุบปุ๊บ  อีปุยปล่อยปึ๊บ  ไอ้คกกระโดด ??????? คิดเองนะ ............ สักพักไอ้คกนิ่ง  อีปุยปล่อย  ไอ้คกกระโดด  อีปุยตะปบ  ฉันคิด เอาละซิเวรของมึงแล้วไอ้คกเสือกออกมาเจอหมาเด็ก ๆ เข้าพอดี   มันเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกันได้สักหน่อย  ฉันก็ทนไม่ได้กลัวว่าอีปุยจะเล่นไอ้คกเฉาตายซะก่อน  ฉันอยากให้ไอ้คกมาบ้านของฉันมากกว่าอีปุยเพราะไอ้คกช่วยกินแมลงที่มารบกวนต้นไม้ เนื่องจากฉันมักเป็นศัตรูกับสารเคมีแทบทุกชนิด  ฉันจึงพูดห้ามอีปุย อีปุยหยุดเลยนะมึงไม่รู้จักเขตบ้านใครซะแล้ว  อีปุยมันไม่ตอบคำฉัน มันได้แต่จ้องมองตาฉัน  ทันใดนั้นอย่างไม่คาดฝันว่าหมาอย่างมันจะทำได้ มันเอาฝ่าตีนของมันตะปบลงไปบนหัวไอ้คก แล้วขยี้เบา ๆ มัน มัน มัน ......... งานนี้ไม่ต้องจินตนาการเห็นกับสองลูกกะตา มันขยี้จริงๆ  พร้อมกับมองหน้าฉันเหมือนจะถามว่ามีไรป้ะ   เท่านั้นแหละสติแตกฉันแหกปากดังลั่น อีปุย  อีอีอีอีอีอี++++++++++++++++++++++++++  แล้วมันก็วิ่งกลับบ้านมันไป  ฉันได้แต่มองดูไอ้คกที่นอนสงบนิ่งและสัพเพสัตตาให้มันไป  ชั่วเวลาอีกสองกระพริบตาเท่านั้นไอ้คกค่อย ๆ โก่งตัวขึ้นและกระโดดต่ำ ๆ ( ต่ำกว่าปกติ ) ช้า ๆ เข้าไปใต้ท้องรถเพื่อหลบภัย  ฝ่ายอีปุยสักพักมันก็เคาะประตูบ้าน  ครูดวงก็เปิดบ้านรับมันเข้าไป  ....................ฉันไม่กล้าฟ้องครูดวงหรอกว่าอีปุยหมาของเขารังแกไอ้คกของฉัน  ....ฉันกลัวเขาว่า บ้า  จริงไหมล่ะ   อย่าว่างั้นงี้เลยนะ  คุณก็เหมือนกันแหละ  อ่านอยู่ได้  ....................คราวหน้าอ่านเรื่องอีดำนะคะ
หมายเลขบันทึก: 135771เขียนเมื่อ 7 ตุลาคม 2007 11:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

5..5..5..เอิ๊ก..เอิ๊ก 

อ่านไปขำไปจนคนแถวนี้เขาหาว่าหนูบ้า  ที่ขำน่ะอ่านไปนึกถึงอาจารย์ไป(นึกทำไม) ก็อาจารย์เพิ่งพูดถึงเจ้าปุยฝ้ายให้หนูฟังเมื่อวันที่ประชุม RTC หนูเลยต้องตามมาขำ  อิ..อิ..5..5

 

 

แหมทันใจเชียวนะคะครูตุ๊กแก  นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการเขียนเล่าเรื่อง.......นี่ครูเขียนจากความเป็นจริงทั้งหมดเลยนะไม่มีจินตนาการเลย   เมื่อเย็นเล่าให้ครูดวงฟัง............ปรากฎว่าครูหน้าแตกอีกแหละ  ประมาณ;ว่าช้าไปต๋อย  ครูดวงเขาบอกว่าเมื่อวันศุกร์อีปุยเจอไอ้กือตัวใหญ่  มันสงสัย.???????จากนั้นมันยกตีน ( เท้าไม่ได้เด้ดขาด ) กระทืบไอ้กือซะตายเลย  พวกภารโรงบอกว่าอีนี่เกิดฤกษ์ดาวช้างกระทืบโรง ( ต้องไปถามกาลิเลโอดูก่อนนะ )
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท