เมื่อเช้าตื่นสายไปหน่อย เพราะ เมื่อคืนนอนดึกมาก (ความจริงไม่ได้นอนดึกหรอกค่ะ เรียกว่านอนเช้าของวันใหม่จะดีกว่าค่ะ) สาเหตุมาจากการนั่งตรวจบันทึกการลงสนามศึกษาชุมชนของนักศึกษาชั้นปีที่ 2 จำนวน 100 กว่าคน แต่ละคนเขียนได้น่าประทับใจมาก น่าประทับใจซะจนอยากให้เรียนวิชานี้ใหม่อีกสัก 1 ปี ส่วนใหญ่จะเขียนแต่หัวข้อไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมาเลย ทั้งๆที่ผู้วิจัยก็พยายามในการอธิบายแล้ว เขียนแบบฟอร์มให้ดูแล้ว นักศึกษาก็ยังดูเหมือนว่าไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร มีอยู่ "แวป" นึงคิดว่าจะเอาบันทึกที่ตัวเองเขียนใน Blog ไปเป็นตัวอย่างให้กับนักศึกษา แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า กลัวจะเข้าป่าเข้าดงไปยิ่งกว่าเดิม คงต้องหาวิธีการใหม่ค่ะ
สำหรับในวันนี้จะขอเล่าเรื่องการประชุมเครือข่ายฯสัญจรต่อนะคะ ยังอยู่ในวาระที่ 3 อยู่ค่ะ วาระนี้ยาวนานมาก คิดว่าคงเล่าได้อีกหลายวันค่ะ (ที่ต้องใช้เวลาหลายวันเพราะ ผู้วิจัยมีเวลาในการเล่าแต่ละวันจำกัดค่ะ) ขอเริ่มเลยก็แล้วกันนะคะ
วาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง (ต่อ)
ประธานฯเริ่มต้นโดยการเกริ่นว่า ตอนนี้เครือข่ายฯมีโครงการการจัดการความรู้เข้ามาช่วยเสริมความสามารถในเรื่องการทำงาน ทุกคนต้องมีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบ เรากำลังทำงานเพื่อสังคม เราไม่ได้ค่าตอบแทน แต่เราได้บุญ ในวันนี้ผมอยากให้นักวิจัยมาพูดคุยว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราทำอะไรไปบ้าง
ผู้วิจัยในฐานะหัวหน้าโครงการได้ชี้แจงให้กับผู้เข้าร่วมประชุมฟังว่า นักวิจัยมีหน้าที่ช่วยเสริมในเรื่องกระบวนการกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งเก็บรายละเอียด เก็บข้อมูลรายทางของการทำงานว่าตลอดเวลา 1 ปี คำถามคือ ที่ผ่านมา 6 เดือนเราทำอะไรไปแล้วบ้าง ในเรื่องนี้ขออธิบายว่าบทบาทหลักของการทำงานในครั้งนี้ ก็คือ เครือข่ายฯ กลุ่ม และสมาชิก ไม่ใช่นักวิจัย นักวิจัยเข้ามาเพียงช่วยหนุนเสริมหรือแนะนำ อยากทำความเข้าใจว่านักวิจัยของโครงการนี้มี 2 คน คือ อ.อ้อม และ อ.พิมพ์ ส่วนทีมวิจัยประกอบด้วย คุณสามารถ อ.อ้อม และอ.พิมพ์ โดยคุณสามารถเป็นประธานเครือข่ายฯ เป็นหัวขบวนในการขับเคลื่อน ส่วนเรา 2 คนเข้ามาในฐานะตัวแทนจากสถาบันการศึกษา ผลงานที่ผ่านมา รวมทั้งผลงานที่จะเกิดขึ้นเมื่อเสร็จสิ้นโครงการไม่ใช่ผลงานของนักวิจัย (2คน) หรือ ผลงานของทีมวิจัย (3คน) แต่เป็นผลงานของเครือข่ายฯ กลุ่ม ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง สำหรับงานที่พวกเรา (เราในที่นี้หมายถึง พวกเราทุกคน) ร่วมกันทำที่ผ่านมามีหลายเรื่อง เช่น
1.การจัดประชาสัมพันธ์โครงการ ที่ห้องท 5 ธันวา เทศบาลนครลำปาง เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ บอกกล่าวให้เครือข่ายฯ กลุ่ม สมาชิกทราบว่าเรากำลังทำอะไร มีเป้าหมายอย่างไร นอกจากนี้แล้วยังเป็นการประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานสนับสนุนรู้จักเราในเบื้องต้น
2.การลงพื้นที่ (รอบที่ 1) โดยนักวิจัย 2 คน คุณสามารถ ลุงคมสัน ดาบไพศาล ลุงมนุษย์ เราได้ข้อมูลของแต่ละกลุ่มมา ซึ่งแต่ละกลุ่มมีความรู้ จุดดี มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป ต่อไปอาจเป็นหน้าที่ของทีมวิจัยในการที่จะถ่ายทอดข้อมูล ความรู้ของแต่ละกลุ่มออกมา เพื่อให้แต่ละกลุ่มเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน เพราะ แต่ละกลุ่มอาจไม่ทราบว่ากลุ่มอื่นเป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่นในวันนี้ที่เรามาประชุมสัญจรกัน ทำให้เรารู้ว่ากลุ่มแม่ทะเป็นอย่างไร ถ้าเราไม่มาเราจะไม่รู้ การประชุมสัญจรที่เกิดขึ้นจากมติของที่ประชุมเมื่อเดือนที่แล้วก็นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการความรู้หมือนกัน ในงานจัดการความรู้ บางทีเราจะไม่ทราบว่าเราได้รับอะไรเข้าไปแล้วบ้าง แต่การเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้ การจัดการความรู้อาจแทรกเข้าไปในเนื้องานของเราโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้
3.การอบรมคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง จำนวน 2 วัน เพื่อให้ทุกกลุ่มได้มีความรู้ในเรื่องโปรแกรมที่จะนำมาใช้ในการจัดการของกลุ่ม เท่าที่สังเกตในตอนนี้เห็นว่าทุกกลุ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มีการจัดระบบข้อมูลมากขึ้น
4.การลงพื้นที่ (รอบที่2) ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการความรู้เหมือนกัน เพราะ เราใช้ความรู้ในการทำงาน ได้ทดลองลงทำงานจริงๆ ได้เรียนรู้จากงานจริงๆ กระบวนการเหล่านี้จะซึมเข้าไปในตัวผู้ปฏิบัติงานอย่างที่ผู้ปฏิบัติงานอาจไม่รู้ตัวก็ได้
คำถามต่อมา คือ สิ่งที่เราจะทำต่อไปในช่วง 6 เดือนที่เหลือคืออะไร? เราต้องยอมรับส่วนหนึ่งว่า 6 เดือนที่ผ่านมางานต่างๆหรือกิจกรรมต่างๆอาจมาจากทีมวิจัยทั้ง 3 คนเป็นหลักมากกว่าจะออกมาจากคณะกรรมการเครือข่ายฯ หรือออกมาจากกลุ่มและสมาชิก แต่จริงๆแล้วในการทำงานเครือข่ายฯเป็นคนทำ กลุ่มเป็นคนทำ ในช่วงที่ผ่านมาเชื่อว่าแต่ละคนคงได้ซึมซับว่าตนเองได้รับอะไร มีการพัฒนาในด้านไหนบ้าง มีจุดเด่น จุดด้อยอะไร ถือเป็นการทบทวนไปในตัว เราไม่อยากใช้คำว่าการจัดการความรู้เลย ขอไม่ใช้คำนี้ก็แล้วกันนะคะ เพราะ รู้สึกฟังแล้วดูยากจัง เป็นวิชาการมากๆ ถึงเราจะไม่ใช้คำนี้ แต่เรากำลังทำสิ่งนี้อยู่ หากถามว่าการจัดการความรู้คืออะไร ก็ขอตอบอย่างนี้ก็แล้วกันนะคะว่าการจัดการความรู้ คือ การปรับปรุง การสร้าง การพัฒนา การเปลี่ยนแปลงงานของเราโดยใช้ความรู้ โดยความรู้ในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นความรู้จากนักวิชาการ แต่อาจเป็นความรู้ที่เราแสวงหาเองก็ได้ เช่น ในเรื่องการที่พวกเราเสนออยากให้มีการประชุมสัญจร เพราะ พวกเราอยากรู้ว่าที่อื่นๆเขาทำกันอย่างไร เราจะได้นำมาใช้ทำกับกลุ่มของเราบ้าง อันนี้ก็ถือว่าเป็นความรู้ของพวกเราอย่างหนึ่ง แต่อาจเป็นความรู้ที่อยู่ในตัวเราโดยที่เราอาจไม่รู้ตัวก็ได้ พอสะท้อนออกมา นักวิจัยก็จะเก็บข้อมูลเหล่านี้เพื่อสะท้อนกลับไปที่เครือข่ายฯ เพราะฉะนั้นงานจะสำเร็จไม่ได้ถ้าหากว่าเราไม่ทำงาน นักวิจัยคงจะไม่มีอะไรเขียน เพราะฉะนั้นในวันนี้เราน่าจะมาดูกันว่าในช่วง 6 เดือนที่เหลืออยู่นี้กับงบประมาณที่มีอยู่ เราจะทำอะไรกันบ้าง
ประธานฯรับช่วงต่อ โดยบอกว่าในการจัดการความรู้ที่ผ่านมาเรามีการพัฒนาขึ้นทั้งในส่วนของการบริหารจัดการ การขยายผล และการเชื่อมประสานภาคี อยากจะทบทวนอีกสักหน่อยว่าในเรื่องการจัดการนั้น เรามีการพัฒนาคน โดยการที่เราจัดโครงสร้างการบริหาร มีการแบ่งบทบาทหน้าที่คณะกรรมการอย่างชัดเจน โครงสร้างจะทำให้เรารู้ว่าเรามีบทบาทหน้าที่อะไร การที่ได้ลงพื้นที่โดยนำทีมบริหารลงไปในกลุ่มต่างๆ (ลงพื้นที่ครั้งที่ 2) ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาคน เราไม่ได้ลงไปจับผิด แต่ลงไปเพื่อให้คณะกรรมการได้ทำงานจริงๆ หลายๆคนที่ลงไปได้พัฒนางานของตัวเอง จากการลงพื้นที่ทำให้ทราบว่ายังมีกลุ่มที่มีปัญหา เราต้องมาคุยกันว่าเราจะช่วยเหลือกันอย่างไร เช่น ในกรณีของกลุ่มบ้านหลุกนั้น พอลงพื้นที่ไปพบว่า คณะกรรมการบริหารยังไม่มีความชัดเจน ระบบบบัญชี ข้อมูล ยังไม่ชัดเจน หรืออย่างกรณีบ้านเกาะคาที่กำลังอยู่ระหว่างช่วงหัวเลี่ยวหัวต่อว่าจะแยกหรือจะรวม (กรณีกลุ่มนี้ผู้วิจัยขออธิบายเพิ่มเติมว่า เดิมกลุ่มเกาะคานั้นมีสมาชิกที่มาจากหลายหมู่บ้าน แต่เมื่อมีการบริหารจัดการมาได้สักระยะหนึ่งเกิดปัญหาบางประการขึ้นในกลุ่ม ทำให้มีสมาชิกบางส่วนที่อยู่ในกลุ่มนี้ต้องการแยกออกไปตั้งกลุ่มในบ้านของตนเอง แต่พอเอาเข้าจริงๆปรากฎว่าจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถแยกออกไปได้ เพราะ ยังไม่มีคนทำงานที่ชัดเจน) หรือกรณีบ้านสบตุ๋ยก็มีปัญหาเรื่องระบบบัญชี เรื่องคนทำงาน ที่เกิดขึ้น เราได้รับทราบแล้วและนำมาหารือกันว่าจะช่วยเหลืออย่างไร การลงพื้นที่ทำให้เกิดการช่วยเหลือเกื้อกูลกันนี่คือพัฒนาการที่เกิดขึ้น
ที่ผ่านมายอมรับว่ามีปัญหาในเรื่องการทำระบบข้อมูล ตอนนี้แต่ละฝ่ายมีแบบฟอร์มกะดาษทำการที่ชัดเจน พร้อมที่จะรายงานได้ เรื่องระบบบัญชีตอนนี้เอาระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการทำงาน เข้าใจว่าบางกลุ่มทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่บางกลุ่มยังไม่เรียบร้อยเพราะ มีปัญหาเรื่องบุคลากร เอกสารต่างๆ เพราะ ต้องมีการคีย์ย้อนหลัง บางกลุ่มยังไม่มีศักยภาพ 100 % เพราะ ต้องทำงานของตนเองเป็นหลัก งานนี้เป็นงานส่วนรวม เราเข้าใจ ไม่อยากเร่งรัดมาก ขอให้ทำ ค่อยๆทำไป อย่างที่ลงไปที่กลุ่มบ้านร้อง มีคนทำอยู่คนเดียว เราก็ได้ให้คำแนะนำไปว่าขอให้หากรรมการเพิ่ม บ้านหลุก กรรมการหนีหายไปหมด คิดว่าพวกเรามาจับผิด เมื่อลงไปเห็นแล้วเราในฐานะที่เป็นพี่น้องกันก็ไม่ได้จะตัดออกไปเลย เราต้องมาคุยกัน มาช่วยเหลือกัน
ตอนนี้ทางเครือข่ายฯได้กระจายกองทุนให้คณะกรรมการบริหารได้รับผิดชอบ เพราะ ที่ผ่านมาเงินที่แต่ละกลุ่มส่งมาจะกองอยู่ที่ตรงกลางกองเดียว แต่เดี๋ยวนี้กระจายออกไปให้คณะกรรมการบริหารแล้ว
กรรมการบริหารมีทั้งสิ้น 6 คน คือ
1.ลุงคมสัน เป็นรองประธานฯ
2.ดาบไพศาล เป็นรองประธานฯ
3.คุณอุทัย เป็นรองประธานฯ
4.อ.ชุติกานต์ เป็นรองประธานฯ
5.อ.สมพิศ เป็นเลขาฯ
6.ลุงบุญเทียม เป็นผู้ประสานงาน
ช่วงแรก 6 คนนี้ต้องได้รับการถ่ายทอดในเรื่องความรู้ เรื่องวันละบาทเกิดจากคน 1 คน แต่ตอนนี้กำลังขยายออกไป เราต้องหาคนที่จะมาช่วยขยายเรื่องนี้ คน 6 คนต้องถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องวันละบาทได้ และต้องถ่ายทอดอย่างเป็นศิลปะด้วย ทีนี้ถ้า 6 คนมีทักษะ มีความรู้แล้ว ก็ต้องถ่ายทอดไปให้คนอีก 20 คน ซึ่งเป็นกรรมการกองทุนต่างๆของเครือข่ายฯ คน 20 คนนี้ต้องพูดได้ ต้องรายงานกองทุนของตนเองได้ นี่คือ กระบวนการและขั้นตอนที่ต้องทำ
ประเด็นก็คือ ที่ผ่านมา 6 เดือน บางคนก็รู้ บางคนก็ไม่รู้ว่ากระบวนการจัดการความรู้ทำกันอย่างไร ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมามีคน 3 คนที่ลงไปกระตุ้น ลงไปสร้างงานให้เกิดขึ้น ในเรื่องการขยายผล คิดว่าตอนนี้เริ่มมีการปรับตัวกันบ้างแล้ว เริ่มมีสมาชิกเข้ามาแม้ว่าจะน้อยก็ไม่เป็นอะไร
ว้า! อยากเล่าต่อจังเลย แต่ดูเวลาแล้วเห็นท่าว่าจะต้องขอลาค่ะ เพราะ นัดไปทำธุระกับอาจารย์พิมพ์ ส่วนเรื่องข้อสังเกตหรือความคิดเห็นของผู้วิจัยขอยกยอดไปก่อนนะคะ เนื่องจากว่ายังเล่าเรื่องนี้ไม่จบค่ะ คิดว่าคงอีกยาว