ทุกวันนี้เราคงได้ยินข่าวการฆ่าตัวตายของคนเป็นหนี้กันมากขึ้นทุกวัน ทั้งนี้เพราะคนส่วนใหญ่กำลังหลงวัตถุนิยม ใครมีเงินมีทองนับว่าเป็นพี่เป็นน้อง ไม่มีเงินก็ไม่อยากมอง หลาย ๆ คนพยายามหาเงินทุกวิถีทาง เช่น ขายตัว ขายยาเสพติด หรือทำทุจริจ โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม
สำหรับคนที่ไม่มีเงินแต่พยายามอวดมั่งอวดมี พวกนี้เรียกว่าพวกมีปมด้อย คือพยายามทำให้คนอื่นเห็นว่า ตนเองมีหน้ามีตา ทั้งในความเป็นจริงแล้ว ตนไม่มีอะไร ต้องกู้หนี้ยืมสินเขาไปทั่ว เพื่อให้ได้เหมือนคนอื่นเขา คนพวกนี้เป็นพวกรายได้ต่ำ แต่รสนิยมสูง ทำอย่างไรก็ไม่มีทางรวย
คนพวกนี้มักกู้หนี้ยืมสินทั้งในและนอกระบบ พยายามทำบัตรเครดิตหลายใบ เพื่อหมุนเงิน โดยรูดจากใบโน้นใบนี้ เป็นงูกินหางกันไม่รู้จักจบ จึงไม่แปลกใจที่ทำไมตัวเลขหนี้บัตรเครดิตมีแนวโน้มสูงขึ้น เป็น แสนล้านบาท
ความสุขที่แท้จริง คือ การไม่เป็นหนี้ คือความพอดีของเรา ไม่ฟุ้งเฟ้อเกินฐานะของเรา มีบ้านขนาดพอดีกับสมาชิกครอบครัว กินก็กินอย่างพอประมาณไม่ต้องกินอาหารนอกบ้านตามร้านอาหารแพง ๆ นอกจากนั้นการกินข้าวนอกบ้าน อาจก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาได้ การทำอะไรเกินตัวหรือพอดี โดยไม่คำนึงสภาพของจน อาจก่อให้เกิดหนี้ และความเครียดตามมา เพราะมัวแต่คิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะหาเงินมาใช้หนี้อย่างไร
ความทุกข์อยู่ทุกขณะจิต กินข้าว 3 มื้อเหมือนกัน แล้วทำไมต้องทำอะไรมากมายเกินกำลังของตน ไม่ใช่คนอื่นเขามีแล้วอยากมีบ้าง เข้าทำนอง "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง"
อย่าลืมว่าสุดท้าย เราก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากสิ่งที่เราเพียรหามาทั้งชีวิตเลย
อยู่อย่างพอเพียง ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน ไม่เป็นหนี้เป็นสิน เป็นสุขที่เราทุกคนสามารถสร้างและทำได้ตั้งแต่วันนี้ คุณล่ะเริ่มหรือยัง
โลกสมัยนี้เราติดหนี้กันเป็นวิธีการพัฒนา และวิถีปกติแล้ว
จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงได้
คงเหลือการวางแผนการเป็นหนี้
ยังไงก็ทุกข์แน่นอน
แน่ถ้าจัดการได้ก็ทุกข์น้อยหน่อย และอาจสะสมทุนได้เร็วกว่า เพื่อการ "พัฒนา" ตนเอง
ไม่ใช่ทำลายตนเอง ครับ
ขอบคุณความคิดเห็น ดร.แสวง ค่ะ
ตอนนี้มีโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของธนาคารออมสิน อันนี้ไม่รู้จะช่วยปลดหนี้ หรือช่วยส่งเสริมการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากขึ้นรึเปล่า
ปัจเจกบุคคล ร้อยพ่อพันแม่ นานาจิตตัง