ถอดองค์ความรู้แผนแม่บทชุมชนสู่วิสาหกิจชุมชน
การวิเคราะห์ วิจัยวิสาหกิจชุมชน ( ตำบลบึงแก)
ชุมชนส่วนใหญ่ของตำบลบึงแก นั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นเกษตรกร มีการทำขั้นตอนที่ไม่เหมือนกัน ผลผลิตในแต่ละปีก็ไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้เท่าที่ควร สำหรับเกษตรกรที่มีที่นาอยู่ที่เนินสูง ก็จะไม่ได้ผลนัก เพราะข้าวที่ทำการหว่านเอาไว้ซึ่งไม่มีน้ำพอที่จะทำให้ต้นข้าวสมบูรณ์เจริญเติบโต จึงทำให้เกษตรกรคิดทำอาชีพเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง และครอบครัว ประกอบกับทุกวันนี้ ฟ้าฝนก็ไม่ตกตามฤดูกาล ซึ่งทำให้เกษตรกร ต้องหันหาอาชีพที่จะสร้างรายได้ ซึ่งอาชีพของเกษตรกรก็มีรายละเอียดดังนี้เช่น
- การทอผ้า
- การรับจ้างทั่วไป เช่น ต้องเข้าเมือง เพื่อหารับจ้างงานก่อสร้าง เช่นปัจจุบัน เกษตรกร ต้องไปขายแรงงานที่ ในตัวจังหวัด เช่น ยโสธร,อุบลราชธานี หรือไม่ก็ กรุงเทพมหานคร หรืองบางคนก็ถึงกับเดินทางไปทำงานต่างประเทศ
- อาชีพเสริมจากการทำบั้งไฟขาย ซึ่งการทำบั้งไฟขายนี้ อาจจะทำเป็นกลุ่ม ๆ หรือเรียกอีกอย่างว่า ค่าย เช่นค่ายบั้งไฟ ป.พาณิชย์ เป็นต้น
4 อาชีพเสริมจากการเลี้ยงสัตว์ เช่นเลี้ยงไก่ อาจจะเป็นไก่ชน หรือเลี้ยงวัวขุน หรืออาจจะเลี้ยงเป็ด , เลี้ยงกบ เป็นต้น
อาชีพเสริมจากการปลูกพืช ผักส่วนครหลักการที่จะนำมาใช้ในการก้าวเข้าสู่วิสาหกิจชุมชน คือ
- มีทุน
- มีวัตถุดิบ
- มีความสนใจในการผลิตแปรรูป
- ต้นทุนจะต้องต่ำ
- ผลิตได้ทุกฤดูการ
- มีความสามัคคีในกลุ่ม
- มีความขยันหมั่นเพียร
- มีความตั้งใจจริง
- มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มเฉพาะผลิตภัณฑ์
- มีการจัดหาทุน
- มีการจัดสรรวัตถุดิบ
- มีการปลูกวัตถุดิบทดแทน
- องค์ประกอบที่นำมาใช้เพื่อก้าวเข้าสุ่วิสาหกิจชุมชน
- ชุมชนเป็นเจ้าของและดำเนินการ
- ผลผลิตจากกระบวนการในชุมชน
- ความริเริ่มสร้างสรรค์ โดยชุมชนทำให้เกิดวัฒนธรรม
- ฐานภูมิปัญญาท้องถิ่น
- ดำเนินการแบบบูรณาการ
- เชื่อมโยงกิจกรรมต่าง ๆให้เป็นระบบ
- การเรียนรู้ ความเข้าใจ ในทุกขั้นตอน
- การพึ่งตนเอง เป็นเป้าหมายสำคัญของวิสาหกิจชุมชน
- มีความพอเพียง
- ใช้จ่ายอย่างประหยัด
- ตลาดส่งสินค้า
- เห็นความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- วิสาหกิจชุมชนเกิดขึ้นได้หลายวิธี แต่ต้องมิใช่การจัดตั้งจากทั้งภายนอกและภายใน ต้องเกิดจากการสะสมการเรียนรู้ร่วมกัน วิจัยเรื่องราวในชุมชนร่วมกันทดลองร่วมกัน ขยายขนาดกิจกรรมร่วมกัน ตัดสินใจร่วมกัน เพราะมันเป็นทางออกทางเลือกที่เหมาะสมกับชุมชนเราอย่างแท้จริง ชุมชนจึงเป็นตัวตั้งของวิธีคิด วิสาหกิจจึงเป็นผลิตผลของความเป็นชุมชน มีความมั่นคง ในระดับชีวิตพื้นฐานมีเพียงพอ มีกลไกกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง และรู้จักแสวงหาการเรียนรู้มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ร่วมยกระดับผลิตภัณฑ์ เพื่อการผลิตส่งการตลาด ให้สินค้ามีคุณภาพ คน และปัจจัยต่าง ๆ ให้สัมพันธ์ แบบเกื้อกูล วิสาหกิจชุมชนจึงเป็นอะไรมากกว่าเพียงการทำกิจกรรม หรือธุรกิจหลาย ๆอย่าง ในชุมชน เปรียบแล้ว ก็เหมือนเกษตรกร ที่ทำหลาย ๆ อย่าง อย่างเชื่อมประสาน และเสริมกัน
- การจัดการระบวนการแบบเศรษฐกิจพอเพียง
- ในด้านความพอดี คือการดำรงชีวิต ในรูปแบบเรียบง่ายเน้นการไม่ฟุ่มเฟือย รู้คุณค่าของการประหยัดและประมาณตนอยู่เสมอ
- ในด้านความพอประมาณ คือการพออยู่พอกิน การหาอาชีพเสริม เพื่อสร้างรายได้เสริม จากอาชีพหลักที่เคยทำอยู่เสมอ
- ในด้านความมีเหตุผล คือ การพอเพียงจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุโดยพิจารณาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบครอบ
- ในด้านมีความภูมิคุ้มกันที่ดี คือการเตรียมตัวให้พร้อม รับกับผลกระทบที่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเสมอ โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ในอนาคตทั้งไกลและใก้ล
- ในด้านการเพิ่มรายได้ คือการพัฒนาอาชีพเสริมให้มีประสิทธิภาพ ใช้เวลาว่าง ให้เป็นประโยชน์ โดยการทำอาชีพเสริม
- ในการลดรายจ่าย คือการใช้วัตถุดิบ ในท้องถิ่นที่พอจะหาได้ ในการผลิตสินค้า มีการนำวัสดุที่ใช้งานแล้วมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ใหม่ ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น รักษาสุขภาพให้แข็งแรง รักษาสิ่งต่าง ๆ ให้คงอยู่ใช้งานในสภาพใช้การได้นาน ๆ
การออม
- การออมมีการวางแผนการใช้จ่ายเงิน เพื่อให้มีการเก็บออม
- มีกิจกรรมการออม เช่น เป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มสัจจะ กองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น
การดำรงชีวิต
สมาชิกครัวเรือน สืบทอดประเพณี วัฒธรรม และภูมิปัญญาชาวบ้าน ในการลงทุนประกอบอาชีพ ตามกำลังทรัพย์ และศักยภาพของทุน ไม่ก่อหนี้ โดยไม่จำเป็น และเกินกำลัง
การเอื้ออาทร
- ได้รับการสนับสนุนดูแลจากกลุ่ม เศรษฐกิจชุมชน
- ใด้รับการสนับสนุนดูแลจากครัวเรือนที่ประสพความสำเร็จในการนำแนวคิด เครษฐกิจพอเพียงปฏิบัติ
- ครัวเรือนเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชน
ทำอย่างไรจึงจะมีความยั่งยืน
- มีความขยันหมั่นเพียร
- มีความมุ่งมานะ
- มีความอดทน ขยัน และประหยัด
- งดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
- มีการลดต้นทุน
- ปลูกพืชตามแนวรั้วที่กินได้
- รณรงค์ในการรักษาป่า และทรัพย์กรธรรมชาติ
- การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อทำการเกษตรกรรม
- นำวัถุดิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สิ่งที่จะมากระตุ้นการทำชุมชน ให้เป็นวิสาหกิจชุมชนคือ
- มีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
- มีการปรับปรุงโดยไม่หยุดนิ่ง
- มีการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และภูมิปัญญาชาวบ้าน
- มีการกระตุ้นให้เอาเงินกองกลาง มาออมทรัพย์เพื่อสมาชิกที่เดือดร้อน ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
- มีสวัสดิการแก่ชุมชน ที่ดี
- มีคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยเหลือ เพื่อที่จะพัฒนาชุมชนให้ทันต่อเหตุการณ์บ้านเมืองเสมอ
- มีการประสานงาน และให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน
- มีความสามัคคีในกลุ่มชุมชน และซื่อสัตย์ สุจริต