มีโอกาสเจอกับเพื่อนรักที่ระยอง... คุยกันถึงธรรมที่ใช้ในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ตามประสาคนโสดขี้เหงา ก็เลยได้อ่านบทความของ ท่าน ว.วชิรเมธี "มีไปทำไม?" ลองย้อนดูตัวเองซิว่า..มีไปทำไม..บ้างหรือเปล่า.....
มีเงินนับแสนล้านบาท แต่ใช้จริงวันละไม่ถึง ๑๐๐ บาท มีไปทำไม ?
มีบ้านใหญ่โตเหมือนกับวัง แต่อยู่กันแค่ ๔ คนพ่อแม่ลูก มีไปทำไม ?
มีรถนับสิบคัน แต่ใช้งานจริงแค่คันเดียว มีไปทำไม ?
มีเตียงใหญ่โตมโหฬาร แต่นอนเพียงแค่เต็มแผ่นหลัง มีไปทำไม ?
มีนาฬิกาแสนแพง แต่ไม่เคยทำอะไรตรงเวลา มีไปทำไม ?
มีเวลาอยู่ในโลกไม่ถึงร้อยปี แต่กลับแบ่งเวลาไปริษยาคนอื่น มีไปทำไม ?
มีกฎหมายนับพันมาตรา แต่มีอาชญากรอยู่เต็มเมือง มีไปทำไม ?
มี ส.ส. อยู่เต็มสภา แต่มาประชุมไม่เคยครบเลย มีไปทำไม ?
มีพ่อแม่อยู่ที่บ้าน แต่ไม่เคยปรนนิบัติท่านเลย มีไปทำไม ?
มีอำนาจอยู่เต็มมือ แต่ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเลย มีไปทำไม ?
มีภรรยาแสนดี แต่ไม่เคยแบ่งเวลาให้เธอเลย มีไปทำไม ?
มีลูกแสนน่ารัก แต่ไม่เคยโอบกอดลูกเลย มีไปทำไม ?
มีพระไตรปิฎกอยู่เต็มตู้ แต่ไม่เคยเปิดออกมาศึกษาเลย มีไปทำไม ?
มีวัดอยู่แทบทุกหมู่บ้าน แต่ศิลธรรมของสังคมแย่ลงทุกวัน มีไปทำไม ?
มีรองเท้าเป็นพันคู่ แต่ใส่จริงแค่วันละคู่ มีไปทำไม ?
มีพี่น้องนับสิบคน แต่แตกความสามัคคีกันทุกคน มีไปทำไม ?
มีมือมีเท้าสมบูรณ์ แต่ไม่เคยลงแรงทำอะไรเลย มีไปทำไม ?
มีหูอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยฟังธรรมเลย มีไปทำไม ?
มีตาอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยมองหาสิ่งที่ดีเลย มีไปทำไม ?
มีเท้าอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยเดินเข้าหาโอกาสเลย มีไปทำไม ?
มีปัญญาอยู่กับตัว แต่กลับใช้อารมณืเป็นใหญ่ มีไปทำไม ?
ขอบคุณค่ะ... ท่านวรชัย ที่แวะเข้ามาเยี่ยม
ท่าน ผอ.กศน.คลองเขื่อนครับ
ใช้ตั้งคำถามกับตัวเอง และตรวจสอบตนเอง เป็นเครื่องมือสำหรับเจริญธรรมครับ....ขอบคุณครับ
น่าคิดสะกิดใจมาก มีไปทำไม ขอบคุณผอ.เจี๊ยบ ที่นำมาเสนอเพื่อเพาะบ่มปัญญา ครับ