และประเด็นสุดท้าย คือ เครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนมีส่วนช่วยการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างไรบ้าง
- ชุมชนอยู่ไม่ได้ด้วยชุมชนเดียว
- ได้เพื่อนร่วมทาง
- ช่วยเหลือกัน โดยเครือข่ายเข้าไปช่วยเหลือแต่ละชุมชน
- ได้เรียนรู้ความสำเร็จและปัญหาของชุมชนอื่น ทำให้นำมาปรับใช้กับของชุมชนตนเองได้
- ได้รู้จักและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
- ได้แนวทางในการดำเนินงานท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยเรียนรู้จากชุมชนอื่น ได้มุมมองที่กว้างขึ้น
- ได้รู้ว่า ทุนของชุมชนมีไม่เท่ากัน
- ได้ความรู้ ซึ่งนำไปใช้ปรับปรุงกิจกรรมของชุมชนตนเองให้ดีขึ้น
- ได้แนะนำให้ชุมชนเป็นที่รู้จักมากขึ้น
- ฯลฯ
สำหรับ กิจกรรมวันที่สอง เป็นการนำเสนอประเด็นจากการล้อมวงแลกเปลี่ยนเวียนกันคิด (ซึ่งเป็นกิจกรรมจากในวันแรก) นอกจากนั้น ก็ยังมีกิจกรรมการเสวนาในหัวข้อ "ทิศทางการพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน" ซึ่งเป็นการพูดคุยหารือ เพื่อหาแนวทางการสร้างกลไกในการขับเคลื่อนเครือข่าย โดยสรุปการหารือได้ดังนี้ คือ ให้มีคณะทำงานแกนนำ ที่มาจากคัดเลือกของสมาชิกแต่ละภาคๆ ละ 3 คน และมีมหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นพี่เลี้ยง และสนับสนุนในเชิงวิชาการ ส่วนการคิด การประสาน และการดำเนินงานเครือข่ายจะอยู่คณะทำงานแกนนำและสมาชิกเป็นหลัก
ในที่สุดกิจกรรมในครั้งนี้ ก็ปิดฉากลง (แต่ไม่เลิกรา) ด้วยความม่วนชื่นของของทุกๆ ฝ่าย
เรียกได้ว่า เป็นเวทีเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนระดับประเทศ ที่ทำให้ตัวแทนชุมชนจากทั่วทั้งประเทศ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยผ่านกระบวนการจัดการความรู้ เป็นการนำความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านการลองผิดลองถูกของแต่ละชุมชน ซึ่งเป็นทุนทางปัญญาที่มีอยู่มากมายภายในชุมชนมาถ่ายทอดแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ต่อยอดในชุมชนอื่นๆ ได้
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญของการขับเคลื่อนเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่จะก่อให้เกิดพลังในการพัฒนาและยกระดับการท่องเที่ยวโดยชุมชนของประเทศไทยต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ที่สำคัญตัวแทนชุมชนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ปัญหาการท่องเที่ยวโดยชุมชนมีไม่สิ้นสุด เราและชุมชนต้องเรียนรู้และต้องรู้เท่าทันปัญหานั้น รวมทั้งหาความรู้และวิธีการในการก้าวข้ามปัญหาเหล่านั้นไปให้ได้ การท่องเที่ยวโดยชุมชนจึงจะยั่งยืนอย่างแท้จริง”
ขอบคุณคุณหญิงมากครับ..มาตามเก็บประเด็นเข้าแฟ้มงานวิจัย
เรื่องเขียนหนังสือนั้น "โฮมสเตย์" ผมสนใจมากครับ รอมีโอกาสคุยกันครับ