วันนี้ขอนำผลงานการเขียนเรื่องสั้นจากข้อความเริ่มเรื่องที่ครูกำหนดให้ของ นายนิวัฒน์ แก้วโสด นักเรียน ม. ๕ ปี ๒๕๕๐ กำลังเรียนอยู่ค่ะ เรื่อง เล่ห์ธรรมชาติ เป็นกลโกงของมนุษย์ที่อาศัยธรรมชาติ อ่านแล้วอย่าลืมแสดงความคิดเห็นนะคะ เด็ก ๆ และครูรอคำวิจารณ์อยู่ค่ะ และโปรดชี้แนะ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนา ขอบคุณค่ะ ( เงื่อนไขของผลงาน นักเรียนมีเวลาสร้างสรรค์ผลงาน ๒ ชั่วโมง และความยาวไม่เกิน ๒ หน้า เอ ๔ ด้วยลายมือตนเอง จากนั้นก็ขอนุญาตครูนำไปปรับปรุงให้ดูดีขึ้นอีกหน่อยเพื่อขอคะแนนเพิ่ม )
เล่ห์ธรรมชาติ
“ ใคร ๆ ก็ช่วยคุณไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าคุณไม่คิดที่จะออกมาจากหมู่บ้านนี้ ก่อนที่มันจะจมหายไปกับสายน้ำ ” เสียงเจ้าหน้าที่กู้ภัยร้องเร่งเตือนชาวบ้านด้วยความหงุดหงิด ไม่มีเสียงตอบกลับจากชาวบ้าน ทุกคนหยุดนิ่งและครุ่นคิดอย่างลังเล “มันจะเกิดน้ำท่วมได้ยังไง ในเมื่อพวกเราไม่เคยเลยที่จะตัดต้นไม้สักต้น” เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในความเงียบ มันคือเสียงของผู้ใหญ่สิงห์ที่ทุกคนคุ้นเคย คำพูดอิงคำถามนี้ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยหันมามองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง แต่เทวันหนึ่งในเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็บอกกับชาวบ้านไปว่า “ มันจำเป็นยังงั้นรึ ที่น้ำท่วมจะเกิดต่อเมื่อต้นไม้ถูกตัด มีสาเหตุอีกมากมายที่จะทำให้เกิด น้ำท่วม ” “ แล้วอะไรล่ะ ที่จะทำให้หมู่บ้านของข้าต้องถูกน้ำท่วมนะ ฮึ ” ผู้ใหญ่สิงห์ตั้งคำถามอีกครั้ง แต่คราวนี้เทวันไม่ตอบอะไร เพียงชี้นิ้วไปที่แม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านหมู่บ้านเท่านั้น ทันทีที่ชาวบ้านหันไปมองตามที่เทวันชี้นิ้ว ทุกคนก็มีอาการตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะสายน้ำที่เคยใสสะอาด ตอนนี้มันมีสีแดงคล้ำจนน่ากลัว “ ป่ามีน้อยเกินไปที่จะอุ้มน้ำไว้ ดินโคลนบางส่วนพังทลายลงมาแล้ว และทีนี้จะเชื่อผมได้รึยัง ล่ะ ” เทวันพูดออกมาในขณะที่ชาวบ้านเริ่มออกอาการหวาดหวั่นให้เห็น “ เห็นทีพวกเราต้องย้ายที่อยู่กันแล้วล่ะว่ะ พวกเองไปเก็บข้าวของเตรียมตัวออกจากหมู่บ้านกันเถอะเร็ว ” ผู้ใหญ่สิงห์บอกแก่ชาวบ้าน ซึ่งกำลังงงกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่เย็นวันนั้นทุกคนดูวุ่นวายกับการเก็บข้าวของของตัวเองกัน “ อ้าว ! เองไปไหนมา ฮึ ไอ้เมฆ ดูซิมอมแมมไปทั้งตัวเชียว ” ผู้ใหญ่สิงห์พูดกับเด็กชายคนหนึ่งที่เดินออกมาจากภูเขาหลังบ้านผู้ใหญ่ ซึ่งทั้งตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลนดูสกปรก “ คือ .... คือผมปะ... ไปหาผลไม้มากินนะครับผู้ใหญ่ ” ก่อนที่ผู้ใหญ่จะทันได้พูดอะไร เจ้าเมฆมันก็วิ่งไปซะแล้ว ผู้ใหญ่สิงห์ก็ไม่ได้สนใจมากนัก แกหันกลับไปเพื่อที่จะไปเก็บข้าวของในบ้านต่อ “โอ๊ย!” เสียงผู้ใหญ่ดังขึ้น มีเด็กอีกประมาณ 4-5 คนวิ่งชนผู้ใหญ่สิงห์และผ่านไปอย่างรีบร้อน ทุกคนดูสกปรกเช่นเดียวกับเจ้าเมฆที่เพิ่งผ่านไป “ ไอ้เด็กพวกนี้มันไปไหนกันมาวะ อู๊ย หลังเดาะแล้วโว้ย ” ผู้ใหญ่สิงห์บ่นกับตัวเอง ค่ำคืนนั้นทุกคนไม่ได้นอนกันเลย มัวแต่เตรียมตัวกันอยู่ อรุณรุ่งมาเยือนรถเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มาถึง เทวันเดินลงมาจากรถเป็นคนแรก “ เอาละทุกคนขนของขึ้นรถได้แล้ว เร็ว ๆ หน่อย ” ทุกคนทำตามคำบอกของเทวันอย่างเร่งรีบ “ แล้วเองจะให้พวกข้าไปอยู่ไหนล่ะ ฮึ ” ผู้ใหญ่สิงห์ถามเทวัน “ พวกเราจะนำพวกชาวบ้านไปอยู่ที่หมู่บ้านที่ห่างออกไปไกลหน่อย ถึงต่างจังหวัดโน่นแหละ ” เทวันบอกแก่ผู้ใหญ่สิงห์ ขณะนั้นผู้ใหญ่สิงห์ดูท่าทางตกใจอย่างมาก “ เองไม่ได้บอกนี้หว่า ว่าข้าจะต้องไปถึงต่างจังหวัดนู้นนะ ฮึ ” เสียงของผู้ใหญ่ดังจนส่งไปถึงชาวบ้านที่กำลังวุ่นวายกับการขนของกันอยู่ ทุกคนหยุดชะงักและเริ่มเข้ามามุงกันบริเวณผู้ใหญ่สิงห์“ จริงรึผู้ใหญ่ ที่เราจะต้องไปถึงต่างจังหวัดกันน่ะ ” ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยปากถามผู้ใหญ่ “ ข้าก็ไม่รู้ ไอ้เจ้าหน้าที่มันก็เพิ่งบอกข้าเนี่ย แหละ ” ผู้ใหญ่สิงห์ตอบอย่างงง ๆ และยังแฝงไปด้วยอาการตกใจอยู่เล็กน้อย “ ไม่นะผู้ใหญ่ พวกเราเกิดที่นี้ อยู่ที่นี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่ ๆ จะให้ไปอยู่ที่อื่นได้ไง ” เสียงของชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา พร้อมกับความเห็นด้วยของชาวบ้านคนอื่น ๆ ตอนนี้ชาวบ้านเริ่มประท้วง โดยจะให้ย้ายไปอยู่อำเภอข้าง ๆ ก็พอ ผู้ใหญ่สิงห์ได้แต่อยู่เฉย ๆ เพราะตัวเองก็ยังตกใจอยู่เล็กน้อย “ เอ้า ! เงียบ เงียบหน่อย ” เทวันตะโกนจนชาวบ้านเงียบลง และเขาก็พูดต่อไป “ไม่ต้องห่วงถ้าคุณยอมเชื่อฟังเราสักครั้ง ทุกคน ย้ำ ! ทุก ๆ คนจะได้กลับสู่บ้านเกิดตัวเองแน่ ๆ” ชาวบ้านงงกับคำพูดของเทวันอยู่บ้าง “ เองหมายความว่าไงว่ะ ฮึ ” ผู้ใหญ่สิงห์เอ่ยถามเทวันอย่างนี้ทุกครั้งที่พูดกัน และเทวันก็ต้องตอบคำถามของผู้ใหญ่สิงห์อีกครั้ง “ ผมหมายถึง ถ้าทุกคนให้ความร่วมมือที่จะไปต่างจังหวัดสักพัก พอเวลาผ่านไป เราจะพากลับมาที่นี้อีกครั้ง แต่ตอนนี้พวกผมจะอยู่บำรุงพื้นที่บริเวณนี้ก่อน ” เทวันให้เหตุผลกับผู้ใหญ่สิงห์และทุกคน ชาวบ้านทุกคนยังไม่ค่อยเห็นด้วยซักเท่าไร แต่ก็ไม่มีทางเลือก ทุกคนจึงดำเนินการขนของต่อการขนของขึ้นรถเสร็จตอนสายเกือบเที่ยงของวันเดียวกันนี้ หมู่บ้านนี้มีชาวบ้านเพียงไม่กี่ร้อยคน จึงสามารถขนย้ายได้ภายในเที่ยวเดียวโดยใช้รถ 3 คัน ขนของ 1 คัน และให้คนนั่ง 2 คัน “ รถขนของจะวิ่งไปคนละเส้นทางกับรถรับส่งคนนะครับ ขอให้รู้ไว้ด้วย ” เทวันตะโกนบอกกับชาวบ้านบนรถ เขาถอยหลังออกมาและรถก็ค่อย ๆ วิ่งออกไปจนลับสายตา เทวันเดินเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีก 3-4 คน “ลุงเทวัน” เสียงของเด็กชายกลุ่มหนึ่งตะโกนเรียกเทวัน เมฆและเพื่อน ๆ ยังอยู่ในหมู่บ้าน พวกเขาวิ่งเข้ามาหาเทวัน “ ผมมารับเงินค่าเทโคลนลงต้นน้ำน่ะ ลุงรีบให้พวกผมเถอะ เดี๋ยวผมตามแม่กับพวกชาวบ้านไปไม่ทัน ” เมฆพูดกับเทวันด้วยความเหนื่อยหอบ แต่เทวันเพียงยิ้มเยาะด้วยมุมปากและส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปที่เจ้าเมฆ “ ฮึ....ขอบใจแกว่ะไอ้เมฆ.....ฮึฮึฮึ ” เทวันพูดกับเมฆและเพื่อน ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความงงและความกลัวหลังจากฟังเทวันพูดจบ เทวันหันไปทางลูกน้องของตนและบอกว่า “ พวกเองช่วยพาไอ้เด็กพวกนี้ไปพบกับพวกของมันหน่อยสิวะ ” ลูกน้องของเทวันเดินตรงเข้ามาที่พวกของเมฆ และเขาก็.........
ไม่มีความเห็น