คุณสมพิศ โตสวัสดิ์ ได้เล่าถึงความเป็นมาของกิจกรรมการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อการพัฒนาดินและการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ของศูนย์เรียนรู้ว่า เริ่มจากการที่เป็นคนไม่ชอบสารเคมี รู้สึกใช้แล้วสุขภาพย่ำแย่ลง จุดที่ทำให้วิธีคิดเปลี่ยนจากการใช้สารเคมีมาเป็นสารชีวภาพได้แก่ ความคิดที่ว่าถ้าฝืนใช้สารเคมีต่อไป เหมือนเอาเงินลงทุนทั้งหมดไปให้พ่อค้ายา แล้วสุขภาพก็ไม่ดี เมื่อได้รับคำแนะนำจากเกษตรอำเภอเมื่อปี 38 จึงทดลองทำปุ๋ยหมักตามสูตรต่างๆ ลองใช้กับดักกาวเหนียว และแสงไฟสีฟ้าล่อแมลง แต่ทำไม่สำเร็จ เพราะทำอยู่คนเดียว คนอื่นเขาหาว่าบ้าหมักโน่นหมักนี่ไปเรื่อย เคยท้อใจมากๆ จึงเขียนหนังสือออกมา ชี้แจงให้ญาติๆ และเพื่อนบ้านเข้าใจว่า ปุ๋ยชีวภาพได้ผลจริง ประกอบกับปี 41 ได้รู้จักกับเกษตรจังหวัดให้ทำผักกางมุ้ง และได้รับการสนับสนุนจากกรมพัฒนาที่ดินในการทำปุ๋ยหมัก จึงลองทำแบบลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ และที่สำคัญคือ แรงบันดาลใจจากพระบรมราโชวาทที่ทรงสอนให้ทุกคนรู้จักความพอเพียง แม้ว่าคุณสมพิศ จะไม่ค่อยเข้าใจทฤษฎีใหม่ แต่ก็เข้าใจความพอเพียง พอมี พอกิน จึงได้ลองทำเกษตรอินทรีย์ดูอีกครั้ง รวมญาติๆ และเพื่อนบ้านได้กลุ่มเล็กๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ไม่มีใครเชื่อ ตอนนี้มีสมาชิกเกือบร้อยคน ช่วยกันทำปุ๋ยหมัก ช่วยกันซื้อใช้ภายในกลุ่ม แม้ว่าจะถูกน้ำท่วมในปี 49 แต่ก็ยังยึดหลักความพอเพียงปลูกผักกินเอง และทำนาเกษตรอินทรีย์ ทำให้จุดสาธิตดังกล่าวเป็นศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียงของตำบลตลาดใหม่ จนเดี๋ยวนี้ อบต. ก็ร่วมสนับสนุนกิจกรรมในศูนย์เรียนรู้เป็นอย่างดี ลงทุนทำปุ๋ยร่วมกับชาวบ้าน ช่วยกันทำ ช่วยกันซื้อใช้ภายในกลุ่ม เหลือก็เอาไปขายให้กับชาวบ้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่สมาชิก ทำให้หนี้สินลดลง สุขภาพดีขึ้น อากาศ สภาพแวดล้อมก็ดีขึ้น
คุณสมพิศ ฝากข้อคิดไว้ว่า คิดให้น้อยแล้วลงมือทำ ซึ่งหมายความว่า อย่ามัวแต่คิดอย่างเดียว แต่ให้ลงมือทำ ลองผิดลองถูกไปจนแน่ใจ