เป็นแม่คนหนึ่งที่มีลูกเป็นออทิสติกคะ ได้รักษา(กิจกรรมบำบัด) โดยนักกิจกรรมบำบัดประมาณ เกือบปี สัปดาห์ละ 2 วัน (พบตอนลูกอายุ 1 ปี 10 เดือนคะ) เวลานอกเหนือจากนั้นก็คือ แม่กับพ่อค่ะ ทำตามที่นักกิจกรรมบำบัดแนะนำ ตั้งแต่การนวดตัว กระตุ้นปลายประสาท ฝึกพูดด้วยกันหน้ากระจก ฯลฯ จนบัดนี้ อายุ 8 ปี 8 เดือน แล้วค่ะ เรียนหนังสือกับเด็กปกติตลอด ตอนอนุบาล 1 อาการยังมีอยู่ จะชอบมุดอยู่ใต๊ะ กลัวการตัดผม เพราะคิดว่าเจ็บ ต้องแอบตัดให้ตอนหลับ (แหว่งตลอด) ไม่ชอบสระผม ชอบดูของหมุน อาการค่อยๆดีขึ้น ถ้าจะเปรียบอาการแบบเห็นง่ายๆก็คือ ถ้าเปรียบเทียบสภาพปัจจุบันกับอดีต เหมือนคนที่โดนผีเข้า แล้ว ผีก็ออกไปอย่างนั้นแหละคะ เพราะตอนนี้ ถ้าไม่บอกใครว่าลูก "เคย" เป็นออทิสติก จะดูไม่ออกเลยคะ
มีเรื่องตลกแถมคะ เรื่องนี้เกิดตอนที่ อาการเขาดีแล้ว และคิดจะบอกเขาว่าเขาเป็นอะไร จะได้ระวังตัวและให้สังเกตพฤติกรรมของคนอื่นที่ปกติเข้าทำอย่างไร เพราะเขามักจะพูดในสิ่งที่เขาคิดทันที โดยไม่คิดถึง"กฎทางสังคม" เช่น เขาจะลงลิฟท์ และในลิฟท์มีชายหัวล้านอ้วนลงพุงอยู่ 1 คน เขาก็จะพูดว่า "อ้วนแล้วยังหัวล้านอีก" ดิฉันจะห้ามก็ไม่ทัน ได้แต่ยิ้มแหยๆ ดีว่าเขาไม่โกรธ หรือตอนที่ดิฉันจะบอกว่าเขาเป็นออทิสติกนะ เขาก็ตอบว่า "ดีซิแม่ ปากจะได้ไม่แตก" เขาคิดว่าคืือลิปสติก ดิฉันต้องตั้งสติ แล้วอธิบายใหม่ ถ้าถามว่า สมควรหรือที่ไปบอกว่าลูกเป็นออทิสติก ในมุมมองของดิฉัน คิดว่าจำเป็นเมื่อเราพิจารณาแล้วว่าเขามีพัฒนาการที่ทันเพื่อน และมีสัญชาตญาณแบบคนปกติแล้ว เพื่อเขาจะได้ไม่ทำอย่างนั้นอีก เพราะหมอบอกว่า ออทิสซึ่มเหมือนเป็นโรคหัวใจ หากรักษาให้หายแล้วก็ยังมีโอกาสกลับมาได้อีก หากได้รับสิ่งเร้าจากภายนอก เช่น ไม่ให้เขามองน้ำในชักโครก เวลากดน้ำ เพราะน้ำจะหมุนวน (เด็กออทิสติกจะชอบดู) บอกเขาว่า ถ้าหนูไม่อยากป่วยอีกก็อย่างดู ปัจจุบันนี้อาการเกือบปกติ ประมาณ 98 % อีก 2% ยังมีบ้างที่ไม่เข้าใจกฎทางสังคม ต้องคอยอธิบายเพิ่ม ยินดีให้ข้อมูลที่พอจะช่วยทุกคนได้ตามประสบการณ์ที่ได้เจอมาคะ