>Subject: เมื่อชีวิตยังมีสิ่งดีๆหลงเหลืออยู่
>Date: Wed, 12 Sep 2007 14:07:13 +0700
สิ้นสุดแล้วเริ่มต้นใหม่ได้ ... เพราะชีวิตมีทิศตะวันออกเสมอ
บ่อยครั้งที่ชีวิตผิดพลาด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เรามักจะเอาสมาธิไปจดจ่ออยู่กับความผิดพลาดนั้น ซ้ำเติมตัวเองให้ทุกข์ ให้เสียใจ และพยายามจะสร้างคำถามเพื่อค้นหาคำตอบให้ตัวเองอยู่เสมอทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าคำตอบที่สร้างขึ้นมานั้น มัน “ ไม่ใช่ความจริง” ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความเสียใจนั้นได้เลย
เราจึงยอมติดกับดักความเสียใจอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
และกลายเป็นทาสของมันอย่างรู้ตัว รู้ว่าเสียใจแต่ก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นมา
และเราก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้
แต่ทำไมเรายังเป็นทุกข์กับการเลือกที่จะเสียใจ
และทำชีวิตให้มันแย่ลงกว่าเดิมทุกวันๆ ทั้งๆ
ที่ก็รู้ว่ารสชาติของมันสุดแสนจะขมขื่นมากมายเพียงใด
เพราะ “ เราเริ่มต้นใหม่ไม่เป็น”
เราเลยยังทุกข์ระทมไปกับความผิดพลาดของชีวิต
สิ้นสุดแล้วแต่ก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ไปไม่เป็น เหมือนจะมองเห็นทาง
แต่ก็เลือกที่จะปิดหู ปิดตา และไม่พยายามจะเปิดใจ
เราจึงต้องอยู่กับความเศร้าเสียใจอยู่ทุกคืนทุกวัน
ตอกย้ำความผิดพลาดให้ตัวเองอยู่อย่างนั้น
“Sunflower, sunflower, standing straight and tall,
Sunflower, sunflower, you’re the tallest flower of them all!
Sunflower, sunflower, when your seeds fall to the ground ,
Sunflower, sunflower, they’ll be found!”
ทานตะวันตระหง่านสูง
เจ้าช่างเป็นดอกไม้ที่สูงใหญ่
เมื่อเมล็ดร่วงหล่นสู่ผืนดิน
เราจะพบเจ้าอีกครั้ง... ดอกทานตะวัน
ลองมองดูวิถีดอกทานตะวันบ้างสิ ชีวิตมีแต่ความเบิกบาน
เพราะรู้จักที่จะใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กับแสงตะวัน
แสงสว่างที่ส่องนำทางให้ชีวิตทุกชีวิต “ ยังคงมีชีวิต”
แม้ยามที่ดอกทานตะวันร่วงโรย
ก็ยังคงทิ้งเมล็ดพันธุ์ให้เจริญเติบโตงอกงามและรับแสงตะวันได้ใหม่อีกครั้ง
เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ปิดตัวเอง
แล้วจมอยู่กับความคิดที่ว่าชีวิตต้องเริ่มต้นใหม่ไม่ได้
อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการเศร้าเสียใจ แล้วปล่อยให้ชีวิตมันไหลไปเรื่อยๆ
อย่างไม่มีคุณค่าและไร้จุดมุ่งหมาย จงใช้ชีวิตให้เป็นดั่งเช่นดอกทานตะวัน
แม้ยามผิดพลาด เสียใจ ก็จะมีทางออกของชีวิตเสมอ อับจนหนทางอย่างไร
แสงสว่างจากดวงตะวันก็จะคอยส่องทางให้เราได้พบเจอทางออก
“ ชีวิตเราจึงมีทางออก
ตราบใดที่บนโลกใบนี้ยังมีทิศตะวันออก”
แม้ว่าชีวิตจะยังมืดมน จะยังคงจมอยู่กับความผิดพลาด เศร้าใจ
ก็จงเศร้าให้ถึงที่ สุด เสียใจ ก็จงเสียใจเสียให้พอ หากยังร้องไห้
ขอให้ระบายน้ำตาออกมา อย่ากักเก็บมันไว้ เมื่อเราเสียใจอย่างถึงที่สุดแล้ว
เราต้องกล้าลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง และพร้อมที่จะเป็นคนใหม่
ที่ใช้บทเรียนจากอดีตเป็นเหมือนเข็มทิศคอยช่วยบอกทางแก่ชีวิต เพราะ...
“ ความเศร้านั้นมีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง
ข้อเสียคือทำให้เราโศกาอาดูร
แต่ข้อดีของมันคือ... สอนให้เรารู้ว่าเราจะไม่ผิดพลาดตรงนี้อีก
เราจะต้องไม่ร้องไห้ให้กับมันอีก”
ใครบางคนเคยบอกเอาไว้ตอนที่เสียใจกับความผิดพลาดของชีวิตเพราะฉะนั้นแล้วเกิดเป็นคน
มีความรู้สึกรู้สาเหมือนกันหมด
สามารถเศร้าเสียใจกับอดีตที่ผิดพลาดได้เหมือนกันหมด
และก็เริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมดเช่นเดียวกัน
ขอเพียงกล้าที่จะเป็นนกปีกหักที่พร้อมจะรักษาตัวเอง
และออกเดินทางได้โดยไม่กลัวว่าหนทางข้างหน้าจะผิด พลาดซ้ำสอง อย่าลืมนะว่า ...
“ เรามีโอกาสผิดพลาดได้บ่อยครั้งเท่าไหร่เราก็เดินถูกทางมากขึ้นเท่านั้น”
มีเรื่องราวของชาวนาจีนแก่ๆ คนหนึ่ง ที่ดำรงตนอยู่กับการไม่ยึดมั่นถือมั่น
และไม่ยึดติดกับอดีตที่ตัวเองได้ทำผิดพลาด เป็นตัวอย่างที่ดี
เพราะเขามีทางออกให้กับชีวิตตัวเองได้เสมอ ใครที่กำลังจมปลักกับความผิดพลาด
อ่านแล้วคงจุดประกายความคิดให้มองชีวิตด้านบวกมากขึ้น
ชาวนาจีนแก่ๆ คนหนึ่งเดินไปตามถนน บนบ่ามีไม้พาดอยู่
และที่ปลายไม้นั้นก็มีหม้อดินใส่แกงจืดเต้าหู้ผูกห้อยไว้ ขณะที่เดินไป
เขาเกิดสะดุดก้อนหิน และหม้อดินก็หล่นลงกระทบพื้น
แตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ชาวนาผู้เฒ่าคนนี้ก็ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป โดยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์รีบวิ่งมาหา แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า
“ นี่พ่อเฒ่า ท่านไม่รู้หรือว่าหม้อดินหล่น” ชายชราหันไปตอบว่า
“ ฉันรู้ ฉันได้ยินเสียงมันหล่นอยู่” ผู้อ่อนอาวุโสมีสีหน้าประหลาดใจ
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น
“ อ้าว! แล้วทำไมท่านไม่ย้อนกลับไปทำอย่างใดอย่างหนึ่งล่ะ”
สีหน้าของผู้เฒ่ายังเป็นปกติ ขณะที่ตอบชายหนุ่มด้วยคำพูดที่หนักแน่นชัดเจนว่า
“ ก็หม้อดินมันแตกแล้ว แกงจืดก็ไม่เหลือแล้ว จะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ”
พูดจบ ชายชราผู้มากด้วยประสบการณ์ชีวิตก็ย่างเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า .. คนเรามีจุดผิดพลาดได้เสมอ
หากเรารู้จักปล่อยวางความผิดพลาดนั้นลง และให้กำลังใจตัวเอง รักตัวเอง
เชื่อมั่นในพลังที่มีอยู่ในตัวเอง เราก็สามารถเริ่มต้นใหม่
และก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงมากขึ้น
บนโลกใบเก่าที่จะมีเราคนใหม่เป็นผู้เดินทาง
ฉันอ่านเรื่องนี้จบลงพร้อมกับปาดรอยน้ำตาแห่งความเศร้าที่มันคุกรุ่นจิตใจฉันมาทั้งวันได้อย่างสบายใจ ฉันจะกลับบ้าน กลับไปอยู่กับสิ่งที่ฉันมี กลับไปอยู่กับสิ่งที่ฉันเป็นสุข แล้วรวบรวมพลังกายพลังใจ เพื่อเริ่มต้นวันพรุ่งนี้อีกครั้ง.........
เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาเป็นสมาชิกเป็นครั้งแรก ได้เข้ามาอ่านบล๊อกนี้แล้ว รู้สึกว่า มีกำลังใจมากเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่มีข้อมูลดีๆมาแบ่งปันกันค่ะ
ขอบคุณคุณนึกมากค่ะ
ลปรร. เล่าสู่กันฟังค่ะ
คราวหน้าอย่ากลับบ้านผิดเวลานะคะ
เดี๋ยวต้องตามไปปลอบแม่บ้านอีกค่ะ
อิอิอิ
คุณสนิทคะ
บันทึกนี้บอกว่า
“ เรามีโอกาสผิดพลาดได้บ่อยครั้งเท่าไหร่เราก็เดินถูกทางมากขึ้นเท่านั้น”
แต่ผู้บริหารบอกว่าผิดครั้งแรกได้แต่อย่าให้ผิดครั้งที่สองในเรื่องเดิม ๆ
(ก็ใครมันอยากผิดล่ะ...อุอุอุ)
ชีวิตมีสิ่งดี ๆ หลงเหลืออยู่ ถ้าเรายังมีลมหายใจ
ชีวิตมีสิ่งดี ๆ หลงเหลืออยู่ แม้พรุ่งนี้ลมหายใจของเราจะไม่เหลือ
เพราะชีวิตจะมีสิ่งดี ๆ หลงเหลืออยู่ ก็ด้วยเรามี "ใจ" สำหรับภาวนา
อ.แป๋วขา
กราบของพระคุณงาม ๆ จากใจค่ะ
กำลังใจส่งมาให้สม่ำเสมอเมื่อยาม "เพื่อน" ต้องการ
ขอบคุณค่ะ
กราบนมันสการพระอาจารย์ปภังกร
อ่านแล้วประทับใจจังค่ะ ^ ^
การไม่ยึดมั่นถือมั่น นั้นลดความทุกข์ได้มากจริงๆ ค่ะ
หลวงปู่ชา ท่านชอบเทศน์ประมาณว่า ไปยึดไปถือไว้ทำไม...มันหนัก(ใจ) ^ ^ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ ยิ่งไปยึดไว้ ยิ่งหนัก(ใจ)มากเท่านั้น...
สำหรับตัวเอง ชอบมองเรื่องผิดพลาดของตัวเองในอดีตเป็นประสบการณ์ บางทีก็อยากเขกกะโหลกตัวเองเวลาย้อนไปคิดถึงเหมือนกัน อิอิ..
คิดถึงค่า.... ^ ^
การให้อภัยตัวเองและเรียนรู้จากความผิดพลาด และก้าวต่อไปข้างหน้าเพื่อจะเรียนรู้ความผิดพลาด(ใหม่ๆ)ต่อไป เป็นเรื่องที่พูดง่ายทำยาก แต่ทำได้แน่นอนค่ะ ทำได้มากก็ทุกข์น้อย เราเท่านั้นที่จะให้ความเข้าใจและให้กำลังใจตัวเองได้ ไม่ต้องรอจากใครๆและฟัง"เสียงจากข้างนอก"อย่างไตร่ตรองแต่อย่าเก็บเอามาเจ็บใจ ฟังเสียง"จากใจ"ของเราเอาไว้ดีที่สุดค่ะ
มาเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
สวัสดีค่ะ...
“ เรามีโอกาสผิดพลาดได้บ่อยครั้งเท่าไหร่เราก็เดินถูกทางมากขึ้นเท่านั้น” นี่แหละค่ะ ภูมิคุ้มกัน
อยากแบ่งปันความรู้สึกขณะนี้ค่ะ.....
ให้กำลังใจนะค่ะ
สวัสดีครับ คุณอึ่งอ๊อบ
พี่โอ๋คะ
เสียง "จากใจ" ของเราบางครั้งมันก็สับสน
จึงต้องฟังเสียงรอบข้างจากภายนอกจากเพื่อน ๆ
ที่คอย ส่งกำลังใจ ให้สติ ชี้แนวทาง
เพราะในความเป็นเพื่อน จะมอบสิ่งที่ดี ๆ ให้เราเสมอ
ขอบคุณพี่โอ๋งาม ๆ เช่นเคยค่ะ
ครูหญ้าบัวค่ะ
เพื่อนไม่ทิ้งกันจริง ๆ
ขอบคุณสำหรับความเป็นเพื่อนที่มาร่วมแบ่งปันความหนักอึ้งในจิตใจ และช่วยคลายให้หายกังวล
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้น......เพราะเราเป็นเพื่อนกันใช่ไหมคะ
พ่อคะ
ล้มเหลว ดีกว่า ล้มแข็ง
แต่อย่างไรก็ตาม
ยังดีกว่า ล้มหมอน นอนเสื่อ เน๊าะ
เพราะไม่มีคนปูเสื่อให้
อุอุอุ
ขอบคุณค่ะพ่อ
ขอบคุณพี่ไมโตค่ะ
สวัสดีค่ะพี่สาวจ๋า
หนิงกลับมาถึงคอนโดฯแล้วนะคะ มีดอกหญ้าสวยๆจากเขื่อนจุฬภรณ์ จ.ชัยภูมิ มาฝากค่ะ อิอิ มือใหม่หัดถ่าย(รูป)
ตอนนี้กำลังรอ น้องชาย นายสายลม อักษรสุนทรีย์ มารับ หนิงและ น้องเอก นามสมมติ ไปสมทบกับ ครูเสือ และ หวานใจ พี่องุ่นคนสวย เราจะไปขอนแก่นหาน้อง ออต กันจ้า... อิอิ
ไปปิดเล้าข้าวเหรอจ๊ะ
ฝากความคิดถึงไปด้วยเน้อ
เยอะ ๆ ๆ ๆ
ชีวิตที่แสนเศร้า..........แสนเซ็งจริงๆพี่
ไม่อยากทำอะไรเลย......ใครละ....! ทำให้ชีวิตเราเป็น
เช่นนี้.......ฮือ....เบื่อๆๆๆ