ผมเคยทราบมาว่า มีคนที่เชื่อเรื่องลางบอกเหตุแบบ "ขั้นหนัก"
อย่างเช่น จิ้งจกทักจิ๊ก ๆ จั๊ก ๆ ก็ชะงัก อยู่บ้านดีกว่า
หรือเขม่นหนังตา ต้องเตรียมตัวรับคนมาเยี่ยม
หรือออกจากบ้าน ต้องก้าวซ้าย หรือก้าวขวาก่อน
ที่เป็นอย่างนั้น เพราะเขาอาจเคยเจอว่า ไม่เชื่อลางบอกเหตุ ออกจากบ้านไป เจอดีทั้งวัน !
ไม่กี่ปีมานี้ ผมก็เคยเกือบจะสมาทานเชื่อเรื่อง ลางบอกเหตุ ไปเหมือนกัน
เกือบจะ...เกือบจะ...อยู่หลายครั้ง แต่ก็รั้งใจตัวเองไว้ได้ทุกที ไม่ปลงใจให้ง๊าย..ง่าย จนเกินไปนัก
นั่นคงต้องเริ่มเล่าจากเหตุการณ์บนท้องถนุน เอ๊ย ถนน (อุ๊บ...ทองแดงพลัด !)
เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ...
คือขับรถอยู่ดี ๆ เจอคนขับรถแบบ "ร้อยจั๋งฮู้"
คือมีการ ปาดซ้ายป่ายขวา น่าหวาดเสียว
หรือขับบร๊า-บร้า ยังกะจับฉลากชิงโชคได้ใบขับขี่มาแน่ะ
เจอแบบนี้สักราย ผมก็เริ่มใจคอไม่ดี
แรก ๆ คิดกับตัวเองว่า
"ลางไม่ดี ลางไม่ดี"
ขับไปอีกสักพัก
นรกโปรด...มีอาถรรพ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีก !
"อาถรรพ์ ?...วิปริต.?..อาเพศ.. ?"
มันค่อย ๆ โผล่มา... โอ...
...อาถรรพ์ไม่รู้จักทางเอกทางโท
...อาถรรพ์จอดแนวขอบขาวแดง
โห..สารพัดอาถรรพ์ บนถนนอาถรรพ์...
...ยังกับถนนผีสิงแน่ะ
"ฟ้าส่งอาเพศมาเตือนแล้ว กลับดีไหม? กลับดีไหม ?" นี่คือสิ่งที่ผมคิด เมื่อเริ่มใจหวาด
แต่แล้ว ก็เกิดความสว่างแว๊บในใจ
ที่แท้แล้ว นี่ไม่ใช่อาถรรพ์
แต่นี่คือมาตรฐาน
...มาตรฐานท้องถนน... !
ถ้าเป็นอาถรรพ์ ผมหนีเข้าบ้าน เรื่องก็จะจบ
แต่ถ้าเป็นมาตรฐาน จะให้ผมหนีไปไหน ?
เพราะอาถรรพ์ บังเอิญเกิดกันได้ ถ้ากุศลแรง ก็อาจแคล้วคลาด
แต่มาตรฐาน คือสิ่้งที่ต้องเกิด ถ้าวิบากไม่หนาหนักนัก คงยังไม่หล่นใส่หัวเรา
พอเกิดตัวความรู้ (วิชชา) ตรงนี้ หลังจากนั้น ผมก็จะจิตใจสงบ ไม่เคยกลัวอาถรรพ์ของถนนอีกเลย กลัวก็แต่ถนนเฉย ๆ
นิยายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความรู้จริง ทำให้เราไม่กลัว
(นิยายจบแล้วครับ)
ยังมีอาถรรพ์อีกหลายเรื่องครับ
ไฟเหลือง รีบเหยีบคันเร่ง
ไฟแดง ไปต่อได้อีก 3 คัน
คนจะข้ามถนน ขอผมขับรถผ่านไปก่อนนะ
ขับสวนเลนมา ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
รถตำรวจฝ่าไปแดงก็เจอมาแล้ว ประเทศนี้
สงสัยก่อนจะออกรถ ผมเหยียบคันเร่งก่อนแน่เลย เลยฤกษ์ไม่ดี สงสันว่าคราวหน้าต้องเหยียบเบรคก่อนออกรถซะแล้ว
คุณหมอ
คุณ