คนเขียนเป็นเด็กบ้านนอกที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างจะสูงลิบลิ่ว และไม่ใช่คนที่เชื่อในสัมพันธภาพจากโลกไซเบอร์ โลกไซเบอร์ในสายตาของคนเขียนค่อนข้างจะเลื่อนลอย เปราะบาง น่ากลัว เราจะไปแน่ใจได้อย่างไรว่าทุกสิ่งที่บอกเล่าผ่านตัวหนังสือในโลกเสมือนจริงนั้นคือ “ ความจริง ” และคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะหาความจริงใจได้จากในนั้น
แล้ววันหนึ่ง..เมื่อได้พาตัวเองเข้าสู่โลกไซเบอร์ คนเขียนก็ได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ โลกไซเบอร์มากขึ้น โลกไซเบอร์หรือ Cyber worlds เปรียบได้กับโลกเสมือนจริงนั้นมีผู้คนหลากหลายประเภท ทั้งดี ทั้งเลว ไม่ต่างไปจากโลกแห่งความจริงเลย
แรก ๆ ก็กึ่งกล้า กึ่งกลัว ที่จะเข้าไปโลดแล่นอยู่ในนั้น ซึ่งนอกเหนือจากการค้นหาเรื่องที่ตัวเองให้ความสนใจอยู่ก็เพื่อความบันเทิงในรูปแบบของการพูดคุยผ่านเวบบอร์ด ได้รู้จักพี่คนแรกที่จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังคบหากันด้วยความจริงใจ พอรู้จักพี่คนแรกที่แสนจะจิตใจดีก็เริ่มย่ามใจจะทำความรู้จักกับคนอื่นต่อไปอีก และสนุกสนานกับการตั้งกระทู้คุยเรื่องโน้น เรื่องนี้ เยอะแยะไปหมด จนใคร ๆ ในเวบนั้นรู้จักเป็นอย่างดี ผู้คนให้ความสนใจเป็นลำดับต้น ๆ พี่คนต่อไปก็เจอในเวบบอร์ดของเวบบอร์ดหาเพื่อนที่ปกติคนเขียนจะไม่ค่อยโผล่ไปตรงนั้น พี่สาวคนนี้เธอตั้งกระทู้หาเพื่อน เธอโพสว่า..เพิ่งย้ายมาจากกรุงเทพและยังไม่มีเพื่อนมากนัก รู้สึกเหงา ต้องการเพื่อนคุย คนเขียนได้อ่านก็รู้สึกเห็นใจ เออหนอ หากเป็นตัวเราย้ายไปทำงานที่อื่นก็คงรู้สึกแย่เนอะ ไม่มีเพื่อน แถมยังอยู่ต่างถิ่น ก็เลยบอกไปในกระทู้นั้นว่า “ งั้น..เรามาเป็นเพื่อนกันนะคะ ” ก็แค่พิมพ์คุยเป็นเพื่อนเธอเองนี่นา ไม่ได้ไปเจอตัวเป็น ๆ สักหน่อย
ค่ะ ด้วยความที่เป็นคนขี้อาย และมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง (( ย้ำเสียจริง เนอะ )) คนเขียนก็เลยมีความสุขกับการที่ได้ปลดปล่อยให้อีกภาคหนึ่งของตัวเองได้เริงร่าอย่างสนุกสนานในนั้น และภาคสนุกสนานนี่เอง..ก็เป็นที่ชื่นชอบของใคร ๆ และกระทั่งวันหนึ่งก็ถูกตั้งกระทู้ต่อว่า โอ้! แม่เจ้า ฉันก็อยู่ของฉันดี ๆ นะ แล้วไหงมาโพสชื่อฉันหราพร้อมกับประณามกลางเวบบอร์ดเสียอย่างนั้น เธอไม่ชอบฉันก็ต่อว่ามาเป็นการส่วนตัวสิวะ หรือจะแจ้งเวบมาสเตอร์ให้ลบกระทู้ของฉันก็ยังได้ ฮือ ๆ ๆ TT_TT ไอ้อาการสนุกสนานที่ว่าเลย..ชะงัก ซึม เศร้า ไม่เข้าใจ แต่ทำให้คนเขียนรู้ว่าตัวเองมีผู้ที่ชื่นชอบอยู่มากมาย ทุกคนออกมาโพสข้อความต่อว่าคนตั้งกระทู้ และเรื่องราวก็สงบลงในเวลาต่อมา mail box ของคนเขียนเต็มไปด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเนื้อหาให้กำลังใจ
ค่ะ ใคร ๆ ก็ให้กำลังใจคนเขียน แม้กระทั่งพี่ๆ เวบมาสเตอร์ทุกคน และพี่คนที่ว่านี้ คนที่บอกว่าเหงาไม่มีเพื่อนนั่นล่ะค่ะ เมลมาปลอบใจน้องน้อย (( ตอนนั้นสรีระยังไม่ล่ำบึ้กเหมือนอย่างปัจจุบันนี้หรอกนะ จะบอกให้ โฮ่ะ ๆ ๆ )) ไอ้น้องน้อยอย่างคนเขียนก็ตอบเมลไปทั้งน้ำตาว่ารู้สึกแย่มาก ๆ ฝ่ายพี่ก็ขอเบอร์ น้องก็ให้ไป ก็ขยับมาคุยทางมือถือ คุณเธอปลอบใจตามประสาพี่ที่แสนดี และ .. “ จะว่าไป พี่ว่าผู้หญิงคนนั้นกล้าหาญเหลือเกินนะคะ ที่ลากน้องต้อมของใคร ๆ ออกมาว่ากลางบอร์ด พี่ว่าเธอคนนั้นน่าสนใจดีค่ะ พี่ชักอยากจะรู้จักเธอเสียแล้ว ” โกรธค่ะ คนเขียนโกรธ ปลอบไป – ปลอบมา ก็นัดเจอกัน เปล่าค่ะ คนเขียนไม่ได้อยากจะไปเลยแต่ถูกพี่บังคับ เธอบอกว่า “ พี่ต่างหากต้องกลัวต้อม นอกจากพี่อีกคนแล้วพี่ก็ไม่เคยนัดเจอใครนะ ต้อมจะเป็นคนที่สองที่พี่นัดเจอ ” อ่าววววววว .. แต่หนูยังไม่เคยเจอคนในเน็ตนะเว้ย และด้วยความที่เป็นน้องแสนดีก็ต้องยอมไปแต่โดยดีใช่ไหมคะ? (( หลังจากที่ทำเป็นอิดเอื้อนไปเป็นเดือน )) และคุณเธอให้โอกาสคนเขียนเป็นคนเลือกสถานที่ตลอดจนเวลาเหมาะ หลังจากที่ยังไงก็เลี่ยงหลบไม่ได้ก็..เออ วะ เอาใต้ต้นก้ามปู หน้าโรงพยาบาลแมคคอร์มิค ตอนสองทุ่ม ก็แล้วกัน
พอถึงวันนัด.. คนเขียนก็ทำงานในสวนทั้งวันพร้อมกับใจเต้นตุ้ม ๆ ลุ้นให้พี่เขาติดประชุม เป็นไข้ ปวดท้อง ไม่สบาย เลื่อนนัด แต่ท่าคุณเธอจะสนุกกับการแกล้งคนเขียน เห็นได้จากจะโทรเข้ามาเตือนเป็นระยะ ๆ กำชับไม่ให้คนเขียนลืมนัดสำคัญ พอถึงเวลาบ่ายสามโมงก็บอกแม่..ขอตัวกลับบ้านก่อนนะ แหงล่ะ ต้องใช้เวลาทำใจ พอสี่โมงเย็นก็ขับรถเข้าเมือง ใช้เวลาชั่วโมงกว่าก็..เอ๊ะ ยังไม่ถึงเวลานัด ไปไหนดี? ไปร้านหนังสือดีกว่า? แวะร้านหนังสือสุริวงค์เพื่อหาหนังสือ “ พระจันทร์เสี้ยว ” ของท่านรพินทรนาถ ฐากูล ปราชญ์นักเขียนชาวอินเดีย ไปฝากคุณเธอเสียหน่อย เดินหาจนขาลากก็ไม่เจอ ขับรถไปร้านหนังสือดวงกมล..เดินจนขาลากอีกรอบก็ยังไม่เจอหนังสือเล่มที่ว่า โอ้ หล่ะ หนอ ตัดใจจะยกของตัวเองให้ก็แล้วกัน แต่ไม่ได้เอาติดรถมาด้วย แฮ่ะ ๆ ๆ ไว้ค่อยส่งให้วันหลัง
หนึ่งทุ่ม..คนเขียนก็ขับรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลแมคคอร์มิค นั่งรอด้วยใจระทึก เอ..พี่เราจะเป็นคนยังไงล่ะเนี่ย? เสียงเพราะนะแต่จะสวยหรือเปล่า? เออ..ถ้าคุณเธอเบี้ยว เราก็มาเก้อล่ะสิ ทำไมเรามาตามนัดวะเนี่ย? คุยกันมาตั้งนานก็ยังไม่เคยขอดูรูปเธอเลย จะน่ากลัวไหมวะ? คิด คิด คิด นับ 1..2..3..4..5.....50 ดูนาฬิกาจากมือถือ อืมมม อีกไม่ถึง 10 นาที จะสองทุ่ม โอ๊ยยย!! อยากเข้าห้องน้ำ ๆ ๆ ห้องน้ำอยู่หน๊ายยยยยยย? เสร็จธุระและกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงมือถือก็ดัง “ สวัสดีค่ะ น้องต้อม.. พี่อยู่ที่ร้านหนังสือในคาร์ฟูร์ จะหาหนังสือมาฝากต้อม แต่ไม่เจอเล่มที่อยากได้เลย งั้นพี่ติดไว้ก่อนนะคะ ว่าแต่น้องต้อมอยู่ไหนแล้ว? มาถึงโรงพยาบาลหรือยัง? โอเค.. อีก 5 นาที เจอกันค่ะ ” เออ..พอกันเลย
เดินเข้ามินิมาร์ทในโรงพยาบาล ซื้อยูนิฟชาเขียวแช่เย็น ๆ 1 กล่อง ดูด ๆ ๆ ยูนิฟ ฮือ ๆ ๆ คนในเน็ตจะเป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย? ก็หนูกลัว TT_TT เสียงมือถือดังอีกที “ สวัสดีค่ะ .. น้องต้อมอยู่ตรงไหนคะ ตอนนี้พี่เอารถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถแล้วน๊า .. จ้า...เดี๋ยวเจอกันค่ะ ”
เดินออกมาอีกทาง ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ คุยกับคุณเธอทางมือถือไปด้วย “ .. น้องต้อมคนที่เดินอาด ๆ ดูดนมมา ใช่ไหมค๊า? ” คนเขียนก็ .. “ ค่ะ .. ใส่เสื้อสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้น .. ค่ะ ใช่ ค่ะ ” กดสายทิ้ง.. มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา สวมเสื้อผ้าฝ้ายสีขาว กางเกงยีนส์ หุ่นดีมาก เท่ห์มาก หน้าตาน่ารักมากกกกกกก ดูไฮโซ๊ - ไฮโซ เฮ้ยยย!! คนในเน็ตสวยเป็นบ้า ยกมือไหว้พี่เขา “ สวัสดีค่ะ ” แล้วพากันเดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นก้ามปู บรรยากาศวังเวง มืดก็มืด ยุงก็ชุม พี่เขาถามอะไร..คนเขียนก็ตอบได้แค่ว่า “ ค่ะ ” “ไม่ค่ะ ” “ อือฮึ ” คุณเธอคอยแซวตลอดว่า “ ไม่เห็นคุยเลย น้องต้อมในเน็ตคุยเก๊ง – เก่ง ” ก็แหม..นั่นในเน็ตนี่ แต่นี่ตัวเป็น ๆ
“ น้องต้อมหิวไหมคะ? ”
“ ไม่ค่ะ ” ความจริงน่ะ หิวสุด ๆ
“ พี่ว่าจะพาไปทานข้าว .. ร้านนี้น่ารักมาก คนไม่เยอะค่ะ ”....เงียบบบบบบบ....
“ ต้อมเคยเจอใครในเน็ตไหมคะ? ”
“ ไม่ค่ะ ”....เงียบบบบบบบ....
“ เดี๋ยว น้องต้อมต้องขับรถกลับบ้านคนเดียวสิคะ? ไกลเนอะ ทำไมไม่ค้างกับเพื่อนล่ะคะ? ”....เงียบบบบบบบ....
จนเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง ๆ พี่ก็เงียบ น้องก็เอาแต่ดูดยูนิฟชาเขียว อย่าสงสัยเลยนะคะ ยูนิฟก็กล่องนิดเดียว ทำไมคนเขียนดูดได้เป็นชั่วโมง ๆ ..“ เออ..พี่ว่า เราคุยกันทางมือถือไหมคะ? ” น๊านนน แซวอีก“ ขับรถเล่นกันไหมคะ? ขับไปไหนดี? น้องต้อมเคยขับรถขึ้นดอยสุเทพในเวลากลางคืนไหมคะ? ”สรุปแล้ว move ค่ะ เดินไปที่รถ ..
“ รถต้อมคันไหน? ขับให้พี่นั่งหน่อย ”
“ เออ.. รถต้อมจอดด้านโน้นค่ะ แต่นี่เราเดินมาทางรถพี่นะคะ ว่าแต่พี่น่ะ คันไหนล่ะ คันนี้หรือเปล่า? ”
พูดไม่พูดเปล่า เตรียมจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถกระบะสี่ประตูรุ่นใหม่ล่าสุด สุดเท่ห์ แต่พี่เขาเดินเลยไป อ่าวววว แฮ่ะ ๆ ๆ เดินไปหยุดอยู่ที่รถสปอร์ตคันสวยหรู โอ้!! พระเจ้าช่วย คุณเธอขับรถไปทางซุปเปอร์โผล่ที่ถนนห้วยแก้ว ชวนคุยไปเรื่อยค่ะ แต่คนเขียนก็เงียบ ขับรถขึ้นดอยสุเทพไปจนเกือบครึ่งทางก็..มีความเห็นพ้องตรงกันว่า “ เรามาทำไมคะ? มืดจัง! น่ากลัว! ลงไปข้างล่างเถอะค่ะ ”
แล้วก็ตกลงไปที่ร้านเฮือนโบราณบ้านริมปิง ที่คนเขียนเลือก ค่ะ..ลงจากรถเดินเข้าร้าน ช่วงสามทุ่มกว่านี่คนเยอะค่ะ ได้โต๊ะนั่งริมน้ำปิงพอดี แต่แน่ล่ะที่ว่าคนเยอะ และคนเขียนก็เหงื่อแตก ถึงแม้ว่าร้านนี้คนเขียนจะมาทานข้าวจนเกือบบ่อยแต่ว่าเวลาที่คนเขียนมามักจะเลือกช่วงที่ไร้ผู้คน ฝ่ายพี่ก็.. “ ไหวไหมคะ? แล้วปกติต้อมนั่งโต๊ะตัวไหนเอ่ย? ” ปกติก็นั่งแถว ๆ นี้ล่ะค่ะ แต่คืนนี้ทำไมคนเต็มร้าน ((วะ))
“ ย้ายไปนั่งตรงโน้นไหมคะ? ” คุณเธอชี้ไปยังมุมผีสิง มุมที่ไร้ผู้คน ห่างจากน้ำปิงมาก คาดว่าเธอคงรำคาญคนเขียนก็เลยชี้ไปส่ง ๆ แต่คนเขียนกลับยิ้มร่า ดีใจ ตอบไปว่า “ ค่ะ .. ตรงนั้นก็ดีค่ะ ”
เมื่อกับข้าวแต่ละจานมาวางตรงหน้า เธอก็ตักใส่จานให้คนเขียน เธอคุยไป – เล่าไป – ถามไป คนเขียนเองก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ ตาก็มองแต่จานของตัวเอง มือที่ถือส้อมก็ม้วน ๆ วุ้นเส้นบนจานของตัวเองเล่น ผ่านไปเกือบชั่วโมงเหมือนกันค่ะ เธอก็เรียกบริกรมาคิดเงินและพาคนเขียนกลับไปยังโรงพยาบาลแมคฯ คนเขียนยกมือไหว้ลาเรียบร้อย เดินลงจากรถ เดินที่ยังรถของตัวเอง แต่ เฮ้! ทำไมยังไม่ขับไปอีกวะ อย่ามองตามหลังหนูสิ หนูอายนะเว้ยยย!! พอคนเขียนขึ้นไปนั่งบนรถ ถอยรถออกมา เธอก็ขับรถของเธอออกไป
ครั้งหลัง ๆ ที่สนิทสนมกันมากขึ้น ก็สังเกตจากการเรียกคนเขียนนะสิคะ จากน้องต้อม >> เจ้า ต้อม >>เจ้าลูกหมาน้อย >> ไอ้หมาต้อม เธอก็บอกว่า “ ฉันล่ะกลัวแกจริง ๆ นัดที่ไหนไม่นัด นัดที่โรงพยาบาล แถมยังนัดสองทุ่มอีก มืดก็มืด ....แว๊ดดด ๆ ๆ .... ”
เนี่ยล่ะค่ะ ครั้งแรกของคนเขียนกับการได้พาตัวเองออกไปเจอคนในเน็ต และพี่สาวคนนี้เธอช่วยสอนคนเขียนเยอะมาก ให้คนเขียนมีความคิดที่โตขึ้น ในการสอนแต่ละครั้งก็ไม่ได้นุ่มนวลเหมือนแรกเช่นที่ได้รู้จักกันแต่เดิม หมายถึงการสาดใส่กันอย่างรุนแรงทางตรรกะ ทางความคิด แต่เธอเป็นพี่สาวที่คนเขียนรักมากอีกคน ^_^ และถัดจากเธอก็เป็นพี่สาวอีกคนในกลุ่มเดียวกันนี้ และก็เริ่มกล้าจะออกไปเจอตัวเป็น ๆ ของคนอื่น ๆ อีก จากสองเป็นสาม จากสามเป็นสี่ จากสี่เป็นห้า และก็ต่อ ๆ ไป ซึ่งบางคนก็น่ารัก และแน่นอนบางคนก็แสนร้าย แต่คนเขียนก็ได้เข้าใจผู้คนมากขึ้น ขอขอบคุณพี่ ๆ ทุกคน ขอขอบคุณทุก ๆ เหตุการณ์ ที่ทำให้คนเขียนได้เรียนรู้ชีวิต ขอบคุณค่ะ
เป็นสาวสวย ฉลาด สูง 174 อายุมากกว่าต้อม 5 ปี แต่ขอเตือนว่าเวลาอ่อนหวานก็อ่อนหวาน แต่เวลาสาดใส่ตรรกะทางความคิดเข้าหากันนี่ บางคนที่ไม่เคยเจอพวกต้อมคุยกัน แต่แอบถามคนอื่นว่า " นี่.. พวกเขาทะเลาะกันใช่ไหม? " โอ้ ป๊าววว เราสองคนคุยกันตามปกติจ้า อิอิ
คือจะบอกว่า .. สวก << แปลว่า ดุ
อ่าววว ๆ ๆ ไหน ๆ ก็ดูดวงแล้ว ก็ดูให้ครบทุกเรื่องเซ๊ อย่างเรื่องความรักงี้ เรื่องกระเป๋าตังค์งี้ เรื่องงานงี้ แต่ดูฟรีนะคะ ต้อมม๊ะมีกะตังค์จ่ายค่าดูหมอ แฮ่ะ ๆ ๆ
อ่าววว ๆ ๆ ไหงงั้นล่ะคะ? ต้องดูให้ได้ครบทุกเรื่องสิ บังคับ ๆ ๆ งั้นเปลี่ยนคำถามค่ะ หวยงวดหน้าจะออกเลขอะไร? พ่อหมอตอบได้ไหมเอ่ย? โฮ่ะ ๆ ๆ
คุณนี่นะ .. เป็นวิกิพิเดียจริง ๆ ด้วย ^_^ นี่ชมนะ ต้อมชม
มาลองดูกันนะ ว่าแม่หมอวิกิพิเดียของเราจะทายถูกเรื่องอะไรมั่ง?
- ต้อมทำกับข้าวไม่เก่งค่ะ เท่าที่เห็นก็คือเพราะชอบฝันถึงรสชาติ ฝันถึงหน้าตาอาหารจาน ๆ นั้น เท่านั้นเอง และอยากทำออกมาให้ได้อย่างที่คิด ที่ฝัน และโชคดีที่ทำออกมาแล้วอร่อย
- โฮ่ะ ๆ ๆ หุ่นน่ะ ตุ๊ต๊ะค่ะ รูปเนี่ยราว 2 ปี ได้แล้วมั้ง คุณ
- มือหนักค่ะ เวลาใครมาแตะเนื้อต้องตัว มือไปก่อนเลย ผั๊วะ!! เพื่อนบ่นอุบ..มือเธอหนักมากกกกกกก
- มีคนเคยบอกว่าต้อมโรแมนติก อืมมม อันนี้คุณต้องมาพิสูจน์เสียล่ะมั้ง โรแมนติกคืออารมณ์หวานไหว ชอบทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ารัก ๆ ด้วยหัวใจให้ใคร ๆ ชอบมองฟ้า ดูดาว ฟังเพลงหวาน ๆ แอบฟังเสียงสายลมกระซิบกระซาบ ล่ะก็คงใช่มั้งคะ
- เส้นวาสนา ท่าจะไม่มีเสียแล้วกระมั้ง ลำบ๊ากก - ลำบาก
ต้อมว่า..คนในเน็ต หรือนอกเน็ต ก็คือคน ๆ เดียวกัน และในตัวของคน ๆ หนึ่งอาจจะมีหลายภาค หลายอารมณ์ หลายความรู้สึก อันนี้ต้อมไม่เคยถือนำมาเป็นสาระสำคัญ ขอแค่..จริงใจ ก็พอค่ะ เคยบอกกับพี่ ๆ หลายคนไปว่า " ต้อมไม่สนหรอกว่าพี่จะรวยแค่ไหน เรียนจบมาจากประเทศอะไร เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โตขนาดไหน ดำรงตำแหน่งอะไร แต่ต้อมคบพี่เพราะเป็นพี่ ไม่ใช่สิ่งที่ครอบปิดตัวพี่ไว้ ...." บอกไป หลายคนอึ้ง อิอิ ทำพูดดีไปงั้น แต่จริง ๆ หนูกลัวไฮโซ 55
มิตรภาพดี ๆ มีอยู่ในทุกที่ค่ะ ^_^
สวัสดีค่ะคุณต้อม พี่มันพวกโลว์เทค และพิมพ์ภาษาไทยก็ช้า เลยไม่เคยใช้เว็บบอร์ด มาเขียนสื่อสารกับคนที่ไม่รู้จักตัว แต่สื่อสารอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องเป็นราวก็ในG2Kนี่แหละค่ะเป็นครั้งแรก พบแต่คนน่ารักๆทั้งนั้น และมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย พี่ว่าที่นี่เขาคัดตัวคนด้วยความดีของผู้ที่มาก่อน ทำให้พวกไร้คุณธรรม มีเจตนาแอบแฝงไม่อยากมาเสวนาในวงนี้เพาะผิดที่
เข้ามาเขียนแล้วสบายใจ คือได้เขียนเล่าเป็นบันทึกของตัวเอง ดังนั้นแม้นไม่มีคนอ่านก็ไม่เป็นไร แต่ส่วนใหญ่จะมีคนอ่าน แสดงความเห็นทำให้เพลิดเพลินดี ได้ความคิดหลากหลาย ได้ทั้งกัลยาณมิตร และความรู้
เอาไว้ไปเชียงใหม่จะขอพบตัวเป็นๆคุณต้อมบ้าง การพบคงไม่น่าระทึกขวัญหรอกนะคะ ก็เราพอเห็นรูปกันแล้วนะ
สวัสดีค่ะคุณต้อม
ณ ตอนนั้นที่เข้าไปตรงนั้น จุดที่เริ่มต้นเล่นบอร์ดนั้น เป็นเพราะต้อมเหงา ความเหงาเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้อมเข้าไปดูคนอื่นพูดคุยกันผ่านทางเวบบอร์ด และจากการที่เฝ้าดู บางกระทู้ก็น่าสนใจจนเราอดที่จะอยู่ดาย มองดูแต่เพียงเท่านั้นไม่ไหว ขอตอบไปบ้าง แสดงความคิดของเราว่าเรารู้สึกแบบนี้นะ และพอเริ่มตอบ..อ๊าววว มีคนตอบกลับมาด้วย เออ ดีแฮะ เลยชักจะสนุก แรก ๆ ใครๆ ก็ดูน่ารักไปหมด แต่พอได้เรียนรู้กันมากขึ้นก็ต้องเจอกับผู้คนหลากหลาย และเรื่องราวมากมาย
เมื่อได้เรียนรู้ก็เข้าใจผู้คนมากขึ้น ไม่ว่าจะในโลกไซเบอร์หรือโลกความจริงก็ย่อมมีทั้งคนดี คนเลว หลาย ๆ ครั้งต้อมเจอเรื่องหนักมาก ก็ได้แต่ทำใจ และคิดเสียว่า คนที่คิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี สักวันหนึ่งสิ่งเหล่านี้จะย้อนกลับไปหาเขาตามกระแสกฏแห่งกรรม
แต่หลาย ๆ ครั้ง ต้อมก็ได้เจอปิยมิตรจากในโลกไซเบอร์ ที่ให้ทั้งความรู้ ให้ทั้งกำลังใจ สิ่งเหล่านี้เป็นคล้ายน้ำทิพย์ชะโลมใจนะคะ
และถ้ามีโอกาสได้เจอพี่นุชบ้าง คงนับว่าเป็นโอกาสอันดีของต้อม ที่จะได้เจอผู้หญิงเก่ง - สวย - รวยความคิด ดี ๆ อีกคน ขอบคุณค่ะ
วันนี้วันศุกร์ .. ขอให้พี่นุชสุขใจนะคะ ^_^
ก็เนี๊ยม..ขนาดที่ครูนึกไม่ถึงน่ะค่ะ ^_^ คล้าย ๆ มีสองบุคลิกในตัวเอง ภาคเหงา เศร้า กับ ภาคโอ๊ววว ลั๊นน ลา ขี้อ้อน พี่ ๆ อะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ ต้อมคุยผ่านตัวหนังสือแบบเริงร่านี่ได้นะคะ แต่ถ้าตัวเป็น ๆ ล่ะ ทำให้พี่ ๆ หลายคนบอกเหมือนกันว่า " ทำไมน้องโซเรียบร้อยจังเลย ดู๊ - ดู " อ่าววว ก็นี่ล่ะ หนูน่ะ และถึงจะอยู่ในภาคไหนก็เป็นตัวตนของต้อมนี่นา เนอะ เนอะ
ต้อมคิดเสมอว่า ต้อมรู้จักพี่ ๆ เท่าที่พี่ ๆ อยากจะให้รู้จัก ไม่ละลาบละล้วง ไม่ถาม ไม่สนใจรู้ ในสิ่งที่เขาไม่อยากให้รู้ พี่ที่แสนรักคนปัจจุบัน ต้อมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอชื่ออะไร ทำงานอะไร พี่ ๆบางคน " นี่.. ต้อมไม่สนใจจะถามพี่บ้างเลยหรือคะ? " แฮ่ะ ๆ ๆ ไม่ค่ะ อยากเล่าก็เล่า ให้ถาม หนูม๊ะอาววววววว ไม่ใช่ไม่สนใจ แฮ่ะ ๆ ๆ เพราะถึงพี่ ๆ จะบอกมา หนูก็จำไม่ได้อยู่ดี ขี้ลืม ๆ อิอิ และที่สำคัญ..ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัวค่ะ รวมทั้งตัวต้อมเองด้วย
ต้อมค่อนข้าง protect ตัวเองมาก ๆ แต่เมื่อเราไว้วางใจใครสักคน เราจะหลงลืมที่จะดูแลตัวเอง และเมื่อเจอกับวิกฤต ก็รู้สึกแย่มากค่ะ แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังต้องมีเรื่องราวเหล่านี้รบกวนจิตใจอยู่เรื่อย ๆ ประสบการณ์โดยตรงจะสอนให้เราดูแลตัวเอง ปกป้องตัวเองค่ะ ครู เรียนรู้แบบรู้ลึก - รู้จริง อิอิ
คิดถึงครูจัง!! คิดถึง คิดถึง ^_^
ตั้งใจเขียนเรื่องใหม่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ แต่หาหนังสือเล่มที่ว่าไม่เจอ แบบว่า..บ้านต้อมอยู่ชนบทไปนิ๊ดดด
อ่าววว ๆ เจอกันในโลกไซเบอร์แล้วแว๊บ ๆ ก็ไม่ทักกัน เลยวิ่งผ่านสวนทางกันไป - มา ว๊า!! ขอบคุณสำหรับดอกนางแย้มที่แสนหอม นะคะ ^_^
วันนี้..งานคุณไม่วุ่นวายหรือคะ? อ๋อ ให้เป็นวันศุกร์ที่สุขใจนะคะ
เมื่อวานตอบยังไม่เสร็จ น้องก็ โทรมาเลยไม่ได้บันทึกตอบเข้าไปค่ะ จะยังไงก็ตามถือว่า การเข้าไปโลดแล่นในโลกไซเบอร์ นั้นอยู่ที่ว่าเราควรใช้วิจารณญานในการตัดสินใจเลือกคบ พูดคุย หรือจะนัดเจอ เพราะคนเรา แค่หน้าตาไม่ใช่ตัวตัดสินว่าดี หรือไม่ ต่อเมื่อได้สัมผัสหรือพูดคุยกัน การแสดงความเห็น ในแง่มุมต่างๆ ก็พอจะทำให้เราได้ทำความรู้จักตัวตนในเบื้องต้น และต้องใช้เวลามากกว่าจะรู้ว่าเค้าคิดอย่างไรกับเรา บางครั้งกว่าจะรู้ว่าเป็นอย่างไร ก็ทำให้เราเสียความรู้สึกไปได้เหมือนกันนะคะ การมองคนในแง่บวก ก็ดี อย่างน้อยทำให้เราสบายใจกว่า มองแต่ในแง่ลบ จะทำให้เราไม่ใคร่จะต้องการคบหากับใคร ก็เหมือนการปิดกั้นตัวเราเกินไป แต่ดีอย่างหนึ่งคือทำให้เราได้ประสบการณ์การเรียนรู้ผู้คน ทันคน และมองคนได้กว้างขึ้น แต่การได้ประสบการณ์บางครั้งก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด เสียใจบ้าง ก็ต้องยอมรับมันนะคะ ส่งกำลังใจให้เข้มแข็งนะคะ
สวัสดีครับคุณต้อมผู้มีโลกส่วนตัวสูง
จะว่าไปผมก็คิดแบบคุณต้อมในตอนแรกนะครับ แต่ต่างกันที่ทุกวันนี้ความคิดเช่นนั้นผมก็ยังไม่เปลี่ยนนัก ผมยังคอนเซอเวทีฟ กับเรื่องเทคโนทั้งหลายอยู่ นะ
ผมไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นและรู้โดยผ่านทางการสื่อสารแบบไม่มองหน้าไม่มองตาแบบนี้ และก็ไม่อยากให้ใคร ๆ เชื่อในสิ่งที่ผมสื่อเหมือนกัน
แต่มันก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะเปิดออกไปสู่การเชื่อ และรับรู้สึกด้วยวิธีสื่อสารสัมพันธ์แบบมนุษย์ดั้งเดิม
แต่สำหรับที่นี่ผมยอมรับว่ามีความรู้สึกที่แตกต่างจากสังคมเนตอื่น ๆ อยู่ชัดเจน แต่ผมก็ยังไม่ตีความรูปแบบของความสัมพันธ์แบบมนุษย์ดั้งเดิม จนกว่าจะเปิดออกไปสู่การพบปะคบหากัน
ผมสรุปในความเห็นส่วนตัวผมนะครับว่าโดยรวมแล้วไซเบอร์ไม่ได้ดีหรือไม่ดี มันก็คือสิ่งประดิษฐ์รูปแบบหนึ่งของมนุษย์ที่มีใหม่อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่มันทำให้รูปแบบความสัมพันธ์ การสื่อสาร การเปิดรับมิตรภาพ ความรัก ความปรารถนาดี ความเห็นอกเห็นใจ ฯลฯ อื่น ๆ อีกมากมายของมนุษย์เรา ต่างไปออกไป และไม่รู้ว่ามันจะดีหรือไม่ดีกันแน่ในระยะเวลาที่ยาวออกไป ..............................
ครับ ผมค่อนข้างคอนเซอเวทีฟ ( ขอย้ำเหมือนกันครับ )
ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะ สำหรับกำลังใจที่มีให้มาโดยตลอดระยะเวลาเกือบปี
ค่ะ ประสบการณ์..บางครั้งอาจจะต้องแลกด้วยความเจ็บปวด น้ำตา บ้าง แต่นั่นจะทำให้ต้อมรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น หากไม่มีประสบการณ์ตรงนี้ ต้อมก็ยังจะไม่รู้ ยังจะมองโลกสดสวย และน่ารักไปหมด
อืมมม (( ยังงอนนนนนนนอยู่ )) พิมพ์แค่นี้ล่ะ ฮึ!!
ค่ะ โลกไซเบอร์มีหลายรูปแบบ หลายรสชาติจริง ๆ ซึ่งเราต้องรู้จักแยกแยะ ว่า ควรหรือไม่ควร อะไรดีหรือไม่ดี
เห็นเด็กสมัยนี้ใช้อินเตอร์เน็ตในทางที่ไม่ถูก ก็ทำให้รู้สึกเป็นห่วง
ตัวต้อมเองก็ผ่านการเจอะเจอผู้คนหลากหลาย ได้ประสบการณ์เยอะเหมือนกันค่ะ ทั้ง ๆ ที่คิดว่าเซฟตัวเองดีแล้ว แต่ก็มีปัญหาตามมาอีกเรื่อยไป นึกเบื่อหน่ายเหมือนกัน
และท้ายที่สุด.. G2K เป็นที่ ๆ ต้อมเลือก และก็เห็นว่าที่นี่ทุกคนมีวุฒิภาวะที่ดีค่ะ ดีใจที่ได้ค้นพบ G2K
ต้อมเองก็หัวโบราณนะคะ แต่บางที - บางครั้ง - บางเรื่อง ต้อมก็เปิดใจ เพื่อการเรียนรู้ อิอิ เมื่อก่อนไม่เชื่อสัมพันธภาพในดลกไซเบอร์เลย ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่ คงเพราะเจอมาเยอะ เรื่องร้าย ๆ แต่ก็.. ถือเป็นบทเรียนค่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้ต้อมได้เรียนรู้โลกและผู้คนมากกว่าเดิม
เมื่อก่อนจะเซฟตัวเองมาก ๆ คือการคุยด้วยตัวหนังสือมันน่ากลัวนะ เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร เป็นอย่างไร แต่ด้วยความที่เจอกลุ่มพี่ ๆ กลุ่มแรกที่น่ารักก็เลยทำให้ย่ามใจ ทำความรู้จักกับผู้คนอื่น ๆ อีก และทั้ง ๆ ที่ต้อมเซฟตัวเองมากก็ยังพลาดเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ ที่มาทักทายและแลกเปลี่ยนความรู้กัน ^_^
ก็ใครบอกว่าพี่นิศาชลใช้ชื่อ นิศาชลเขียน blog ล่ะ ฮึ!
อิอิ
ป.ล. ตอนนี้ ต้อมกำลังง่วงมาก ตาปรือแล้วน๊า งานยังไม่เสร็จ ฮือ ๆ ๆ ต้องปั่น ๆ ๆ
เป็นนางอายไปซะแล้ว
ลุงเอกสบายดีนะคะ ^^ ต้อมเป็นนาง(สาว)อาย อิอิ