จากการทำงานในชุมชนมานาน ผมได้ยินเสียงสะท้อนของที่มาของความยากจนในภาคเกษตรกรรมจากหลายฝ่ายดังนี้
1. บทสะท้อนจากตัวแทนชุมชน
a. ตลาด และราคาผลผลิตไม่แน่นอน
b. ขาดแหล่งน้ำ โดยเฉพาะที่ทำในระบบเกษตรน้ำฝน
c. ต้นทุนสูง ปัจจัยการผลิตราคาแพง
d. ภาครัฐสนับสนุนไม่เต็มที่ ไม่ต่อเนื่อง
e. ขาดเงินทุนหมุนเวียน ต้องกู้เงินมีดอกเบี้ยมาลงทุน
2. ข้อคิดจากภาคราชการ
a. การใช้แรงงานไม่เต็มที่ ทำกิจกรรมเพียงปีละครั้ง
b. ทักษะในการทำงานการเกษตร ยังไม่ถูกตามหลักวิชาการ
c. ทุนมีจำกัด
d. ความหลากหลายมีน้อย มักปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่มีความเสี่ยงจากระบบการตลาด
e. ขนาดการผลิตที่เล็ก ทำให้ต้นทุนสูง
f. การแปรรูปมีน้อย ทำให้ต้องแข่งกันขาย จนราคาตก
g. ไม่ค่อยเข้าใจระบบการตลาด ทำให้คนกลางเอาเปรียบได้ง่าย
h. ขาดการรวมกลุ่ม ทำให้ไม่มีข้อต่อรอง
3. บทเรียนจากเครือข่ายปราชญ์
a. การไม่รู้จักตนเอง
b. การผลิตแบบไม่พึ่งตนเอง
c. ไม่ค่อยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
d. การสร้างกลุ่มและเครือข่าย ยังมีน้อย พัฒนาได้ช้า
e. การเชื่อมโยงกับนโยบาย ยังไม่ค่อยครบถ้วน ทำให้ภาครัฐหนุนได้ไม่เต็มที่
4. บทเรียนจากการไปทำงานกับชาวบ้าน
a. ภาระหนี้สินมากจนคิดอะไรไม่ออก ขอแค่ได้เงินไปหมุนชำระหนี้
b. บริโภคนิยม ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง
c. ระบบคิดมองได้เฉพาะปัญหาระยะสั้น เฉพาะหน้า
d. เสี่ยงไม่ได้ ต้องทำอย่างที่มีคนทำสำเร็จแล้ว เป็นส่วนใหญ่
5. บทเรียนจากการทำงานพัฒนาศูนย์เรียนรู้ในชุมชน
a. เกษตรกรมีความหลากหลาย ทั้งเชิงแนวคิด ทรัพยากร และกิจกรรม ทำให้รวมกลุ่มยาก
b. การเขียนการบันทึก ไม่เป็น จึงมักขาดการบันทึกข้อมูล และปัญหาที่ผ่านมา รวมทั้งการทำโครงการขอรับการสนับสนุน ก็ทำได้ยาก
c. ไม่ค่อยมีการสรุปบทเรียน ข้อดี และข้อด้อยที่ผ่านมา
d. ขาดการสนับสนุนทางวิชาการที่ครบถ้วนรอบด้าน
นี่เป็นเพียง "เสียง" นะครับ แต่ยังไม่เป็นแก่นแท้สักเท่าไหร่
ต้องย่อยต้องกรอง ให้เป็น สมุทัย ของปัญหา
ที่ผมจะลองนำมาเสนอ ในโอกาสต่อๆไปครับ
ไม่มีความเห็น