เป้าหมายหลักของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็คือทำอย่างไรให้ GDP เพิ่มขึ้น เพราะ GDP เป็นที่มาของทุกอย่างในระบบเศรษฐกิจนั่นเอง ถ้า GDP มีความเสถียรภาพ ประเทศก็พัฒนาได้แบบยั่งยืนนั่นเอง
ฤกษ์งามยามดี หลังจากกลับมาจากเมืองไทย วันนี้ครึ้มอกครึ้มใจ อันมีสาเหตุมาจากนอนไม่หลับอีกแล้ว Jetlag ยังคงทำพิษอีกตามเคย หลังจากเกิดอุปสรรคต่างๆนานาตามประสาคนจะเรียกว่าซวยก็ได้ มาถึง Logan, Utah ได้ ก็คิดว่า โอ้ ฉันนอนได้ปรกติ ตามเวลาชาวบ้านชาวเมือง แต่พอเอาเข้าจริงๆ ล่วงมาจะเป็นอาทิตย์แล้วก็นอนสะเปะสะปะไปเรื่อย วันนี้ตื่นมาตีสาม อ่านหนังสือเล่มนั้นก็แล้ว เล่มนี้ก็แล้ว แต่ขอบอกไม่ใช่หนังสือเรียนเลยนะนั่นอ่ะ ไม่ไหวๆ อ่านอะไรมีสาระดีกว่าเผื่อจะช่วยเพิ่มดีกรีความง่วงให้มากขึ้นหน่อย ...ก็เป็นที่มาของความไม่ไร้สาระให้ติดตามกันนะค่ะ
ท้าว...ความขั้นที่สอง เมื่อตอนกลับเมืองไทยอาจารย์ที่ภาควิชาฯ ก็ได้ให้หนังสือมาเล่มหนึ่ง ดีใจมากเพราะท่านตั้งใจซื้อให้เราโดยเฉพา "Ten Years On Economic Review" by Bangkok Post ก็อ่านไปนึกถึงอดีตไป อะฮ้า ย้อนไป 10 ปี 1997 (ทำไมเรามันแก่อย่างนี้นะ) อยู่ปี 2 แล้ว นักศึกษาเศรษฐศาสตร์ ที่ไม่ค่อยจะรู้ว่าเรียนเศรษฐศาสตร์แล้วเอาไปทำอะไร เลือกเรียนก็เพราะชื่อมันเท่ห์ดีนะ เปิดเทอมภาคต้น ตอนปี 2 ก็ได้ลงวิชาต่างๆ ของเศรษฐศาสตร์เยอะขึ้น ตอนนั้นก็ลงวิชาเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับการเงินการคลัง แล้วมันก็จำได้แม่นๆเลย เปิดเทอมได้ไม่เท่าไหร่ ภาวะเศรษฐกิจตอนนั้นก็เกิดแปรปรวนอย่างหนัก สถาบันการเงินที่ขาดสภาพคล่องถูกปิดไปแล้วถึง 66 สถาบัน
ต่อมาในวันที่ 2 กรกฎาคม 2539 ประเทศไทยก็ประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เปลี่ยนจากระบบ Fixed Exchange rate มาเป็น Managed float Exchange rate แหมๆ ก็ตอนนั้นอ่ะนั่งเรียนอยู่ด้วยประมาณนั้น จำได้เลยว่า อาจารย์เอามาสอนและพูดถึงกันแทบทุกวิชาเลยทีเดียว ตอนนั้นเศรษฐกิจบ้านเราเข้าขั้น Crisis ไปเลย ก็ทำให้ทราบซึ้งใจแล้วว่า เศรษฐศาสตร์จำเป็นจริงๆ แล้วเกิดเศรษฐกิจตกต่ำอย่างนี้จะแก้ไขกันอย่างไร ....และแล้วก็เข้าหลักวิชาการกันหน่อย....
ตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มหภาคแล้ว ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แบบนี้ ประเทศไทยก็ใช้มาตรการทางการเงินการคลังหลายอย่างเข้ามาแก้ไข อันดับแรกก็มาดูกันที่ GDP ติดลบไปซะเยอะแยะ อัตราการเติบโตลดลง ถึงประมาณ -8% เลยก็ว่าได้ มองง่ายๆก็คือ เป้าหมายหลักของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็คือทำอย่างไรให้ GDP เพิ่มขึ้น เพราะ GDP เป็นที่มาของทุกอย่างในระบบเศรษฐกิจนั่นเอง ถ้า GDP มีความเสถียรภาพ ประเทศก็พัฒนาได้แบบยั่งยืนนั่นเอง
GDP จะเพิ่มได้อย่างไรในเมื่อการบริโภคลดลงอย่างมาก ขยายการส่งออกอันเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนไปก็ยังไม่เพียงพอ GDP= C+I+G+(X-M) เอาภาษาง่ายๆ ก็คือ consumption, Investment Expenditure, Government Spending, Export-Import หลายคนคงคุ้นเคยกันดี รัฐบาลก็ใช้นโยบายส่งเสริมการส่งออก มีอะไรส่งออกให้หมด ส่งเสริมการลงทุน เพราะอัตราดอกเบี้ยก็ต่ำ ก็ยังเหลืออีกตัวช่วยหนึ่งก็คือ งบประมาณของรัฐนั่นเอง
ตามหลักของ Keynes ใช้งบประมาณของรัฐอัดฉีดเข้าไปให้มากเงินก็จะเข้าไปในระบบแล้วเกิดการหมุนเวียนขึ้นเอง GDPก็จะเพิ่มขึ้นไปโดยปริยาย แต่เบื้องหลังของการเปลี่ยนแปลงก็ยังมีกลไกต่างๆ อีกมากมาย ไม่ไร้สาระ....แบบไร้สาระกันเท่านี้ก่อน
กลับไปที่ห้องเรียนตามเดิม...สมัยนั้นนักศึกษาอย่างเราเข้าห้องเรียนทีไรไม่รู้ทำไมนั่งหลังตลอด...สงสัยเพราะจะกลัวอาจารย์เรียก ด้วยความที่เราก็นะ ไม่เคยจะแต่งชุดนักศึกษาเลย แต่งได้อยู่เฉพาะวันสอบก็เท่านั้น ไหงทำไมเป็นเด็กไม่ดีอย่างนี้เหนอ สาวๆ มช ก็น่ารักมีให้ดูชมอยู่ทุกวันคนไหนรู้ตัวก็เข้ามาทักทายหน่อยนะ......ติดตามอ่านตอนต่อไปของความไม่ไร้สาระได้ในบล๊อกไร้สาระแบบนี้นะค่ะ......