กองปุ๋ยหมักในถังหมักหรือคอกหมักต้องคอยดูแลให้สภาพแวดล้อมเหมาะต่อการที่จุลินทรีย์จะย่อยสลายอินทรียสารให้กลายเป็นปุ๋ยหมัก คงไม่ลืมปัจจัยที่สนับสนุนการหมักนะครับ คือต้องดูแลให้มีอากาศเข้าไปในกองหมัก ให้มีความชื้นที่เหมาะสมและมีอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วย
การที่จะทำให้มีอากาศเข้าไปในกองหมักได้ ต้องคอยดูอย่าให้มีการอุดตันของรูที่เราเจาะไว้ และขอบล่างของวงบ่อ ต้องหมั่นดูแลให้อากาศเข้าสู่กองหมักได้สดวก
นอกจากนี้ยังต้องคอยกลับกองหมัก เพื่อให้อากาศเข้าไปในกองหมัก หลังจากหมักสักระยะหนึ่ง กองหมักจะยุบตัวลงมา อากาศก็จะเข้าไปในกองหมักได้ยากขึ้น การกลับกองก็อาจใช้มือเสือหรือคราดก็ได้ ควรกลับกองหมักทุกอาทิตย์ ถ้ากลับได้บ่อยขึ้นก็จะดี
ขณะกลับกองหมักให้สังเกตดูความชื้นของกองหมักด้วย ถ้าแห้งเกินไปก็อาจเติมวัสดุสีเขียวหรือพรมน้ำให้กองก็ได้ ถ้าแฉะเกินไปก็อาจเติมวัสดุสีน้ำตาลเพิ่มลงไป หรืออาจเปิดฝาคอกหมักหรือถังหมักให้โดนแดด ช่วยลดความชื้นของกองหมัก
คอยสังเกตดูอุณหภูมิของกองหมักด้วย ถ้าทำถูกวิธีกองหมักจะมีอุณหภูมิสูงถึง 90-140 องศาฟาเรนไฮต์ เวลากลับกองอาจสังเกตเห็นไอร้อนจากกองหมัก หรืออาจเอามือแตะดูจะรู้สึกถึงความร้อนที่มีอยู่ในกองหมัก
โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 90 วัน ก็จะได้ปุ๋ยที่มีคุณภาพที่พอจะนำไปใช้ได้ จริงๆแล้วถ้าให้ดีและมีคุณภาพดีที่สุด ( Mature ) ต้องใช้เวลาถึง 120 วัน ( เหมือนทำเหล้าต้องหมักแล้วบ่มต่อให้ได้ที่จึงจะได้เหล้าที่มีรสกลมกล่อม ไม่บาดคอ ) ปฏิกริยาต่างๆก็จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ไม่มีความเป็นกรดด่าง ไม่ใช้ออกซิเจนแล้ว ไม่มีการผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่มีความร้อนเกิดขึ้นในกอง แต่ระยะเวลา 90 วันก็จะได้ปุ๋ยหมักที่สามารถนำไปใช้ได้แล้ว
ในการทำปุ๋ยถ้ามีปริมาณมากอาจใช้ระบบ 2 ถังหรือ 3 ถังก็ได้ คือเราใช้ถังที่1 ก่อน ทำไปเรื่อยๆจนถังหมักเต็ม ถ้าใช้เวลา 1 เดือนถังหมักเต็ม เราก็ใช้ระบบ 3 ถัง คือเริ่มใช้ถังที่ 2 พอเต็มอีกก็เริ่มใช้ถังที่ 3 พอถังที่ 3 เต็ม ถังแรกก็จะครบ 90 วันพอดี เราก็สามารถนำปุ๋ยไปใช้ แล้วเริ่มใช้ถังแรกใหม่ ถ้าถังแรกใช้เวลา 1 เดือนถึงจะเต็ม เราก็ใช้ระบบ 2 ถังก็พอ
ก่อนที่จะนำปุ๋ยไปใช้ให้นำมาร่อนเสียก่อน อุปกรณ์สามารถทำเองได้ง่ายๆ ส่วนที่ผ่านตะแกรงร่อนคือส่วนที่จะนำไปใช้ ส่วนที่มีขนาดใหญ่จะไม่ผ่านตะแกรงร่อนก็นำกลับไปรองพื้นที่ก้นถังหมักอีกครั้งเพื่อให้อากาศผ่านเข้ากองหมักได้สดวก
ปุ๋ยที่ใช้ได้แล้วจะมีลักษณะยุ่ยเป็นเกล็ดเล็กๆ สีน้ำตาลหรือน้ำตาลดำ ไม่ร้อน แห้งสนิท เหมาะที่จะนำไปใช้ปรับปรุงคุณภาพดินให้ร่วนซุย สารอาหารก็มีพอสมควร แต่อาจต้องเพิ่มสารเคมีอีกเล็กน้อย ( Enrichment ) ให้เหมาะกับการปลูกพืชแต่ละชนิด
ขอบคุณมากครับที่แวะมาต่อยอดความรู้ ไม่ใช่ทำแบบลูกทุ่งนะครับ แต่เป็นการทำแบบธรรมชาติครับ อิอิ