จัดการความรู้แก้จนเมืองนคร ดำเนินตามวิสัยทัศน์เมืองนคร"เมืองแห่งการเรียนรู้"อาศัยพลังความร่วมมือ เรียนรู้ร่วมกันของทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาความยากจน
โดยมีแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นฐานคิดสำคัญ
ให้มีความพอเพียงตามขีดความสามารถของครัวเรือนในแต่ละระดับของการพัฒนา
(พอใจในสิ่งที่ตนเองมี)
ใช้ความรู้ทุกกระบวนการ/ขั้นตอนในการดำเนินงาน
ขั้นตอนแรก : ความรู้เพื่อจัดระดับการพัฒนา
(ความพอเพียงและความสามารถ)
สำรวจทุนรายครัวเรือน โดยใช้ขอบเขตหมู่บ้านเป็นกรอบในการศึกษา
ใช้แกนนำอาสาสมัครจำนวน8คน
บันทึกข้อมูลทุนครัวเรือนตามแบบสำรวจซึ่งมีความละเอียดมาก
อาจสรุปได้เป็น1)ทุนปัญญา(ความสามารถ)
2)ทุนเศรษฐกิจ(ทรัพย์สิน/หนี้สิน)
3)ทุนวัฒนธรรม(เครือข่ายความสัมพันธ์ทั้งดั้งเดิมและทางการเมือง)
4)ทุนสุขภาพ 5)ทุนจิตวิญญาณ 6)ทุนทรัพยากรส่วนรวม เป็นต้น
โดยทั้งหมดนี้ อาจสรุปรวมอยู่ใน "ทุนปัญญา"ของแต่ละครัวเรือน
ซึ่งเป็นตัวกำหนดระดับความสามารถและความพอเพียงของแต่ละครัวเรือน
โดยที่ทุนจิตวิญญาณจะเป็นตัวกำหนดความพอเพียงของแต่ละบุคคล/ครัวเรือนโดยมีทุนปัญญา(ความสามารถ)เป็นตัวกระทำการ
(ทุนจิตวิญญาณรวมอยู่ในทุนปัญญา
แต่แยกพิจารณาทุนปัญญาที่เป็นความสามารถ)
ซึ่งส่งผลเป็นความพอเพียงหรือยากจนของบุคคล
(ร่ำรวยกับยากจนเป็นอันเดียวกันหากยังรู้สึกไม่พอเพียง)
แบ่งระดับหลักๆได้4ระดับคือ
1)จิตวิญญาณพอเพียงน้อย ความสามารถน้อย มีความยากจน
2)จิตวิญญาณพอเพียงน้อย ความสามารถมาก มีความร่ำรวย
3)จิตวิญญาณพอเพียงมาก ความสามารถน้อย มีความพอเพียง
4)จิตวิญญาณพอเพียงมาก ความสามารถมาก มีความพอเพียงมาก
จากฐานข้อมูลที่ได้จะจำแนกเป็น 4 ระดับของการพัฒนา โดยความรู้ทางวิชาการและเวทีประชาคม
จากนั้น จะทำการพัฒนาโดยแนวทางการจัดการความรู้เพื่อแก้ปัญหาความยากจนให้แต่ละระดับมีความพอเพียง
โครงการนี้ดำเนินการในระดับหมู่บ้าน โดยพัฒนาจากครัวเรือน ลงไปถึงระดับบุคคล ในขณะเดียวกันจะเชื่อมโยงหมู่บ้านเป็นเครือข่ายตำบล อำเภอ และจังหวัด โดยเริ่มต้นจากเครือข่ายการเรียนรู้ พัฒนาเป็นองค์กรและครือข่ายการจัดการร่วมกันต่อไป ขณะเดียวกัน จะใช้การเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาความยากจนของชาวบ้านเป็น ห้องเรียนเพื่อแก้ปัญหาความยากจนของภาคีสนับสนุนด้วย
การออกแบบกระบวนการเรียนรู้หลักคิด ทุกคนเป็นนักจัดการความรู้ เรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถของตนเองตามบทบาทที่ตนเองเกี่ยวข้องด้วย เพื่อแก้ปัญหาความยากจนหรือทำให้เกิดความพอเพียงกับกลุ่มเป้าหมายและตนเอง
แบ่งบทบาท ดังนี้
1) คุณเอื้อจังหวัด คือ หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดในหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง มีบทบาทเอื้ออำนวยให้คุณเอื้ออำเภอดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน (CKO) จำนวน 37 คน
2) คุณเอื้ออำเภอ คือ หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอในหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง มีบทบาทเอื้ออำนวยให้คุณอำนวยอำเภอดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีนายอำเภอเป็นประธาน (CKO) จำนวน (อำเภอละประมาณ 22 คน)*23 คน
3) คุณอำนวยอำเภอ คือ จนท.ระดับอำเภอในหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องและแกนนำหมู่บ้าน มีบทบาทจัดกระบวนการเรียนรู้ให้คุณอำนวยหมู่บ้านดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุ เป้าหมายที่ตั้งไว้ จำนวน [(อำเภอละ18คน หน่วยงาน6คน แกนนำหมู่บ้าน12คน)]*อำเภอ] คน
4) คุณอำนวยหมู่บ้าน คือ แกนนำหมู่บ้านและแกนนำในแต่ระดับการพัฒนา มีบทบาทจัดกระบวนการเรียนรู้ให้คุณกิจหมู่บ้านดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ จำนวน [(หมู่บ้านละ20คน แกนนำ8คน แกนครัวเรือน12คน)*400หมู่บ้าน] คน
5) คุณกิจหมู่บ้าน คือ แกนนำในแต่ละระดับการพัฒนาและหัวหน้าครอบครัว มีบทบาทจัดกระบวนการเรียนรู้ให้คุณกิจครัวเรือนดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ จำนวน [(4ระดับๆละ 3คน)*400 หมู่บ้าน] คน
6) คุณกิจครัวเรือน คือ หัวหน้าครอบครัวและสมาชิกในครอบครัว มีบทบาทจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้คุณกิจ(สมาชิกในครัวเรือน)ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ จำนวน [(100-150)ครัว*400 หมู่บ้าน] คน
7) คุณกิจ (สมาชิกในครัวเรือนๆละ 5 คน) มีบทบาทพัฒนาความสามารถของตนเองให้สอดคล้องกับระดับความพอเพียงจำนวน [5คน*(100-150)ครัว*400หมู่บ้าน] คน
กระบวนการเรียนรู้1)วงคุณเอื้อจังหวัด 1 ห้องเรียน เรียนรู้จากปฏิบัติการกับวงคุณเอื้ออำเภอเป็นหลัก โดยมีการเพิ่มเติมการเรียนรู้จากวงอื่นๆบ้างตามความเหมาะสม
2)วงคุณเอื้ออำเภอจำนวน 1*23 ห้องเรียน เรียนรู้จากปฏิบัติการกับวงคุณเอื้อจังหวัดและคุณอำนวยอำเภอเป็นหลัก โดยมีการเพิ่มเติมการเรียนรู้จากวงอื่นๆบ้างตามความเหมาะสม
3) วงคุณอำนวยอำเภอจำนวน 6*23 ห้องเรียน เรียนรู้จากปฏิบัติการกับวงคุณเอื้ออำเภอและคุณอำนวยหมู่บ้านเป็นหลักโดยมีการเพิ่มเติมการเรียนรู้จากวงอื่นๆบ้างตามความเหมาะสม
4)วงคุณอำนวยหมู่บ้านจำนวน 4*6*23 ห้องเรียน เรียนรู้จากปฏิบัติการกับวงคุณอำนวยอำเภอและ คุณกิจหมู่บ้านเป็นหลักโดยมีการเพิ่มเติมการเรียนรู้จากวงอื่นๆบ้างตามความเหมาะสม
5)วงคุณกิจหมู่บ้านจำนวน 4*4*6*23 ห้องเรียน เรียนรู้จากปฏิบัติการกับวงคุณอำนวยหมู่บ้านและ คุณกิจครัวเรือนเป็นหลักโดยมีการเพิ่มเติมการเรียนรู้จากวงอื่นๆบ้างตามความเหมาะสม
6)วงคุณกิจครัวเรือนจำนวน 5*4*4*6*23 ห้องเรียน เรียนรู้จากปฏิบัติการกับวงคุณกิจหมู่บ้านและ สมาชิกในครัวเรือนเป็นหลักโดยมีการเพิ่มเติมการเรียนรู้จากวงอื่นๆบ้างตามความเหมาะสม
จะเห็นว่า กระบวนการเรียนรู้ที่เริ่มจากการสำรวจทุนครัวเรือนและทุนชุมชนอย่างละเอียด เพื่อพัฒนาตนเองสู่ความพอเพียงโดยการเรียนรู้ร่วมกันของกลุ่มเป้าหมายและภาคีสนับสนุนที่เกี่ยวข้องอย่างบูรณาการ ต้องอาศัยพลังการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องและเชื่อมโยงกันอย่างกว้างขวาง เพื่อไปสู่ "เมืองแห่งการเรียนรู้"
ปัจจัยสำคัญคือ 1)ภาวะผู้นำในแต่ละระดับ(วงเรียนรู้) 2)การทำงานเป็นทีม 3)การคิดเชิงระบบ
การสรรหาผู้นำและคนทำงานกระบวนการจัดระดับการพัฒนา(ความพอเพียง)จากฐานข้อมูลครัวเรือน/หมู่บ้าน ควรนำไปสู่การ สรรหาแกนนำในแต่ละวงเรียนรู้
สำหรับคุณอำนวยจากภาคีสนับสนุนจะใช้อาสาสมัครเพื่อเรียนรู้กระบวนการจัดการความรู้ให้เนียน เข้าไปในเนื้องานของแต่ละหน่วยงานเพื่อบูรณาการงบประมาณตามแผนงานเพื่อการพัฒนานอกเหนือจากงบบูรณาการที่เน้นสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้เป็นหลัก งบบูรณาการ
การจัดการความรู้ต้องมีเป้าหมายวาดฝันที่ทรงพลังร่วมกัน (ในที่นี้ใช้แนวคิดที่ทรงพลังของในหลวงและวิสัยทัศน์ของเมืองนคร) มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง มีการประเมินผลสำเร็จให้ได้ชื่นชมร่วมกันเป็นระยะ แม้ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง หากหน่วยงานภาครัฐทั้งสถาบันการศึกษาและหน่วยสนับสนุนภาคปฏิบัติ องค์กรเอกชน และองค์กรชุมชนร่วมมือกัน
ผังจัดการความรู้แก้จนเมืองนครเป้าหมาย แก้จนอย่างยั่งยืน ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
กระบวนการจัดการความรู้