ตั้งใจว่าจะลาพักร้อนเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบ ก.พ. แต่บังเอิญอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง มีประวัติว่าเหตุใดจึงต้องสวมแหวนแต่งงาน ก็เลยตั้งใจจะนำมาฝากชาว G2K ที่ยังไม่ได้แต่งงาน จะได้กระตือรือร้นในการหาคู่ ฮา...ฮา...ฮา เค้าบอกว่า การสวมแหวนเริ่มจากชาวอียิปต์โดยการแหวนของชาวอียิปต์นั้นจะทำมาจากเหล็ก และจะสวมแหวนกันที่นิ้วกลางข้างซ้าย เพราะเข้าใจว่านิ้วกลางจะมีประสาททั้งหมดรวมไปถึงหัวใจ แต่เมื่อไป Search หาในอินเทอร์เน็ต เค้าบอกว่าอย่างนี้ค่ะ
นักมานุษวิทยาเชื่อว่าประเพณีการแลกแหวนแต่งงานครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อราว 2,800 ปีก่อนคริสตกาล เพราะชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเส้นเลือดจากนิ้วนางข้างซ้ายเป็นเส้นเลือดที่แล่นตรงเข้าสู่หัวใจ จึงเลือกที่จะสวมแหวนบนนิ้วนี้โดยเฉพาะ และแหวนที่ใช้ในระยะแรกเริ่มนั้นก็เป็นวัตถุทรงกลมธรรมดาที่ทำจากหญ้าถัก ป่านถัก หรือไม่ก็เป็นขนหางม้าถัก ซึ่งเข้าใจว่าคู่สมรสจะสวมติดนิ้วไว้จนกระทั่งเสื่อมสลายจึงเปลี่ยนวงใหม่ มีเพียงชาวอียิปต์โบราณมีฐานะเท่านั้น ที่สามารถใช้แหวนทองคำเกลี้ยงได้ ซึ่งในยุคนั้นสามารถใช้แทนเงิน และยังเป็นเครื่องแสดงความร่ำรวยรวมทั้งสถานะทางสังคมของบ่าวสาวอีกด้วย บางวัฒนธรรมเชื่อว่า แหวนแต่งงานสามารถช่วยปกป้องคู่สมรสจากสิ่งชั่วร้าย ซึ่งมักเข้ามากรายใกล้คนทั้งคู่ในวันแต่งงานมากเป็นพิเศษ และเชื่อกันว่าถ้าหากทำแหวนแต่งงานร่วงหล่นระหว่างการประกอบวิธี ถือเป็นลางแสดงว่าชีวิตแต่งงานของคนคู่นั้นจะไม่ราบรื่นและมีแต่เคราะห์ร้าย จนกระทั่งปีค.ศ. 1477 นั่นแหละ แหวนเพชรจึงกลายเป็นแหวนแต่งงานยอดนิยม เมื่ออาร์ชดยุคแม็คมิลแลนแห่งเยอรมัน มอบแหวนหมั้นเพชรแด่คู่หมั้น-แมรี่แห่งแคว้นเบอร์กันดี เพราะเชื่อกันว่าเพชรสามารถใช้แทนเครื่องราง หรือเป็นเสน่ห์ที่จะทำให้สามีรักสามีหลง ทุกวันนี้แหวน (ไม่ว่าจะทำจากวัสดุชนิดไหน หรือราคาเท่าไหรก็ตาม) ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานแต่งงานทั่วโลก และเป็นสัญลักษณ์ของการแต่งงานไปเสียแล้ว คุณจะรู้ว่าใครคนนั้นมีเจ้าของหรือยัง ก็จากแหวนบนนิ้วนางของเธอ/เข่านั่นเองมีใครอยากทิ้งคานทองบ้างหรือยังคะรีบหาคู่นะคะเดี๋ยวจะได้จองคานไว้เป็นหมู่บ้านซะงั้น
สวัสดีค่ะน้อง