โดย สุวรรณา จิตรสิงห์ <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"> </p> ไม่มีใครอยากประสบกับสภาพน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม หรือน้ำท่วมขังแช่นานนับเดือน แต่ประเทศไทยอยู่ในเขตมรสุมที่มีฝนตกชุกตลอดปี ตั้งอยู่ในทิศทางลมมรสุมและลมพายุพัดผ่าน จึงไม่อาจหลีกหนีปัญหาน้ำท่วมได้ ทุกวันนี้เรามักได้ข่าวเกิดน้ำท่วม แผ่นดินถล่มทำลายล้างหมู่บ้านในหลายจังหวัด ทุกภูมิภาคของประเทศไทย และเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ยังความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"> </p> <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal"> ถ้ามองย้อนไป พฤศจิกายน 2531 เกิดที่อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีคนตายกว่า 363 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 7,357 ล้านบาท กันยายน 2543 พายุหวู่คง ทำความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท และในปีเดียวกันน้ำท่วมหาดใหญ่และหลายจังหวัดในภาคใต้ความเสียหายกว่า 6,800 ล้านบาท พฤษภาคม 2544 เหตุการณ์เกิดที่บ้านวังชิ้น จังหวัดแพร่ และล่าสุด 2549 </p> <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">ที่บ้านท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ และ พ.ศ. 2550 ที่น้ำตกสายรุ้ง จังหวัดตรัง </p> <p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">ต่างล้วน มีความเสียหายอย่างมาก แม้ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนอยู่เป็นประจำ แต่เหตุการณ์น้ำท่วม ดินถล่มก็ยังเกิดซ้ำซาก ประเทศชาติต้องสูญเสียเงินงบประมาณเป็นจำนวนมาก เพื่อแก้ปัญหา ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องภัยธรรมชาติที่เราต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และในสภาพปัจจุบันที่โลกผันแปร ตกอยู่ในสภาวะโลกร้อน ที่ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง พายุลูกใหญ่ขึ้น </p><p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">ฝนตกชุกและหนักมากขึ้นนั้น เราอาจช่วยลดและแบ่งเบาความเสียหายหรือความสูญเสียให้ลดน้อยลงได้ ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา โดยเตรียมตัวและใส่ใจเรียนรู้พร้อมที่รับมือกับมันสักนิดดังนี้ </p><p style="margin: 0in 0in 0pt" class="MsoNormal">การเตรียมตัวก่อนเกิดพายุและน้ำท่วม </p><p style="margin: 0in 0in 0pt 33pt; text-indent: -0.25in; tab-stops: list 33.0pt" class="MsoNormal">1. พยุงค้ำ ตัดแต่งต้นไม้ กิ่งไม้ ใกล้บ้านและโค่นต้นที่แห้งตายเพื่อลดการโค่นล้มระหว่างมีพายุ</p><p style="margin: 0in 0in 0pt 33pt; text-indent: -0.25in; tab-stops: list 33.0pt" class="MsoNormal">2. ซ่อมแซมบ้านให้แข็งแรง </p><p style="margin: 0in 0in 0pt 33pt; text-indent: -0.25in; tab-stops: list 33.0pt" class="MsoNormal">3. เตรียมอาหาร น้ำดื่มที่กินได้อย่างน้อย 7 วัน น้ำมันเชื้อเพลิง เทียนไข ยารักษาโรค และอื่นๆที่จำเป็นไว้ในที่สูงและปลอดภัยในฤดูกาลที่มีพายุ</p><p style="margin: 0in 0in 0pt 33pt; text-indent: -0.25in; tab-stops: list 33.0pt" class="MsoNormal">4. ของมีค่าจัดเก็บใส่ถุงพลาสติกกันน้ำ เก็บของมีคม เครื่องมือการเกษตรในที่ปลอดภัย</p><p style="margin: 0in 0in 0pt 33pt; text-indent: -0.25in; tab-stops: list 33.0pt" class="MsoNormal">5. ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศและเตือนภัยจากวิทยุ โทรทัศน์หรือเครื่องขยายเสียงของหมู่บ้าน</p><p style="margin: 0in 0in 0pt 33pt; text-indent: -0.25in; tab-stops: list 33.0pt" class="MsoNormal">6. เตรียมถ่านไฟฉายสำรองไว้ฟังวิทยุหรือใช้ในกรณีไฟฟ้าดับ</p><p style="margin: 0in 0in 0pt 33pt; text-indent: -0.25in; tab-stops: list 33.0pt" class="MsoNormal">7. ปิดปากบ่อน้ำให้สนิทและกักเก็บน้ำสะอาดไว้ในถังเก็บน้ำ</p><p style="margin: 0in 0in 0pt 33pt; text-indent: -0.25in; tab-stops: list 33.0pt" class="MsoNormal">8. เตรียมหาที่หลบภัย ที่ปลอดภัยในกรณีต้องละทิ้งบ้าน เคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยงไปไว้ในที่ปลอดภัย</p><p style="margin: 0in 0in 0pt 33pt; text-indent: -0.25in; tab-stops: list 33.0pt" class="MsoNormal">9. สังเกตดินรอบบ้านไม่มีรอยแยก ยุบ ทรุดตัวที่อาจบ่งบอกว่าดินถล่มได้</p><p style="margin: 0in 0in 0pt 33pt; text-indent: -0.25in; tab-stops: list 33.0pt" class="MsoNormal">10. สังเกตสีของน้ำในแม่น้ำลำคลอง หากเป็นสีโคลนต้องรีบอพยพไปยังที่ๆปลอดภัย </p><h2 style="margin: 0in 0in 0pt"> ในขณะเกิดพายุ--ใต้ฝุ่นจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรจึงปลอดภัย</h2><h2 style="margin: 0in 0in 0pt">
1. ไม่ออกทะเล</h2><h2 style="margin: 0in 0in 0pt"> 2. อยู่ในอาคารที่แข็งแรงไม่ออกไปข้างนอก </h2><h2 style="margin: 0in 0in 0pt"> 3. ดูแลเด็กให้อยู่ใกล้ผู้ใหญ่ตลอดเวลา </h2><h2 style="margin: 0in 0in 0pt"> 4. ไม่หลบใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือยืนใกล้เสาไฟฟ้า </h2><h2 style="margin: 0in 0in 0pt"> 5. หลีกเลี่ยงเสาไฟฟ้าที่โค่นล้มหรือสายไฟฟ้าที่แช่น้ำ </h2><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> ในขณะเกิดน้ำท่วมขังจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรจึงปลอดภัย</h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt">
1. ตัดวงจรไฟฟ้า</h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> 2. อพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังไปยังที่สูง </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> 3. ต้องระวังสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ แมงป่องที่อาจหนีน้ำเช่นกัน </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> 4. ไม่เดินลุยน้ำ ขี่จักรยานยนต์ หรือทำกิจกรรมใดๆเพราะอาจมีหลุม บ่อที่อาจตกลงไปได้รับอันตรายได้ </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> 5. ไม่เดินลุยน้ำในที่มีเสาไฟฟ้าโค่นล้ม </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> 6. หลีกเลี่ยงแนวตลิ่งและชายฝั่ง ถ้าจำเป็นไม่ไปคนเดียวต้องมีคนไปเป็นเพื่อน </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt">7. ไม่ดื่มน้ำที่ท่วมขัง และไม่ทานอาหารที่จุ่มแช่ในน้ำที่ท่วมขัง</h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> 8. ในกรณีขับรถและติดหล่ม ต้องรีบออกจากรถทันทีแล้วหนีขึ้นไปอยู่ที่สูง </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"></h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นแนวทางที่จะช่วยลดความสูญเสียลงระดับหนึ่งจากอุบัติภัยที่เกิดจากน้ำท่วม พายุ และดินถล่ม ที่เราทุกคนสามารถทำได้ในเหตุการณ์เฉพาะหน้า ต้องจำใส่ใจไว้เสมอว่าทุกคนมีโอกาสที่จะเจอเหตุการณ์เหล่านี้เท่าเทียมกันไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือในชนบท ดังนั้นจึงควรมีสติ เตรียมความพร้อมเสมอ การวางแผนและเตรียมการในระยะยาวนั้นชุมชนและชาวบ้านต้องร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งเช่น </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> · ช่วยกันปลูกต้นไม้ ทดแทนป่าที่สูญหายไป เพื่อให้ป่าช่วยดูดซับอุ้มน้ำฝนไว้และสร้างสมดุล </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> · สร้างความตระหนัก ให้ความรู้ประชาชนอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> · ไม่ปลูกบ้านในที่ลาดชัน อพยพย้ายไปปลูกบ้านในที่ปลอดภัย </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> · ปรับปรุงลำน้ำเพื่อน้ำไหลสะดวก ไม่ปลูกสร้างสิ่งขวางทางน้ำ </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> · ใช้ที่ดินให้เหมาะสมเช่นการทำการเกษตรแบบยั่งยืน ไม่ทำการเกษตรพื้นที่ลาดชันในบริเวณต้นน้ำ </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> · อนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำ </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> · บริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เหมาะสม </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> · กำหนดเขตอุทยานแห่งชาติเพื่อลดการทำลายบุกรุกป่าอย่างจริงจัง รวมทั้งป่าชายเลน </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> · วางแผนควบคุมประชากร </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> · จัดตั้งอาสาสมัครเฝ้าระวังภัยของหมู่บ้าน </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> · ฝึกฝนทักษะการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในชุมชน ฯลฯ </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"></h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"></h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"></h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"> สาเหตุหนึ่งที่สำคัญ ของน้ำท่วม พายุ และดินถล่มคือการตัดไม้ทำลายป่าอย่างมาก ในจังหวัดที่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติล้วนสูญเสียป่าไม้ไปเป็นจำนวนมาก ดินขาดการยึดเกาะจากรากไม้ ป่าเสียสมดุล ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาเดียวกัน ก่อเกิดความทุกข์ยากสุดพรรณนา มีผู้คนล้มตายลงนับแสนคน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 25 ล้านคนในอินเดียและบังกลาเทศ ถึงเวลาแล้ว ที่ทุกคนต้องช่วยกันเพื่อลดความรุนแรงและความสูญเสีย จึงหวังว่า หากเราทุกคนช่วยกันที่จะเรียนรู้ ใส่ใจกับสภาพแวดล้อมของบ้านตนเอง ของชุมชน และของเมือง ไม่นิ่งดูดายตัวใครตัวมัน เคร่งครัดมีวินัยในตนเองในการดำรงชีวิตกินอยู่อย่างพอเพียง ให้ความร่วมมือกับชุมชน ช่วยเหลือป้องกันภัยธรรมชาติให้เบาบางลง วันนี้ช่วยกันปลูกต้นไม้คนละต้น เพิ่มพื้นที่ป่าไม้และป่าชายเลนเพื่อลดความรุนแรงของพายุ แล้วในอนาคต สักวันหนึ่งเราคงได้ยินได้เห็นคนไทยมีป่าไม้ที่ช่วยชะลอน้ำป่า ความทรมานจากน้ำท่วม ดินถล่มคงจะบรรเทาลงได้บ้าง และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เราหวังเช่นนั้น </h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt"></h3><h3 style="margin: 0in 0in 0pt" align="center">*****สงวนลิขสิทธิ์*****</h3>
เรื่องนี้ทันสมัยเสมอ แม้นว่าในขณะนี้ เดือนตุลาคม 2553 น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 50ปี ที่โคราช และอีสาน และหนักสุดในรอบ 100ปีที่ปักธงชัย ควรอ่านไว้เป็นความรู้เพราะวันหนึ่งน้ำท่วมอาจมาเยือนกับตัวเราเองก็ได้