เรื่องของใจ...เป็นสิ่งที่สำคัญมากในทุกเรื่องราวของชีวิตคน ไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าขาดส่วนนี้ไปทำให้เรื่องนั้นๆจะไม่สมบูรณ์ ผู้เขียนมีโอกาสได้เข้าร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตุการณ์ในเรื่องของ KM มีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งสดุดใจผู้เขียนมากคือเรื่องการสำรวจวัฒนธรรมองค์กร
จากแบบสอบถามที่ส่งไปให้บุคลากรตอบแบบสอบถามและให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรนั้น ปรากฎว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างในองค์กรที่บุคลากรอยากเขียน แต่เมื่อเขียนไปแล้วกลับมีผลกระทบกลับมายังคนที่เสนอความคิดเห็น ทำนองว่าไม่ไว้หน้าแผนก มองแต่ในแง่ลบ ไม่มีความคิดสร้างสรรพูดแต่สิ่งที่ดีๆ ถึงแม้ว่าแบบสอบถามไม่ได้เขียนชื่อไว้ แต่ก็ดันมาแกะตัวหนังสือนั้ว่าเป็นของใคร มีผลต่อการทำงานร่วมกันในอนาคต ดังนั้นคำตอบในครั้งต่อๆไปที่ได้รับ ก็คงเป็นสิ่งที่ไม่ต้องปรับปรุงอะไร ดีอยู่แล้ว .... เป็นการตกหลุมดำ...ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาที่ขวางกั้น KM
.......การขาดใจ...ก็เหมือนทางตัน..KM.......
การเขียนข้อเสนอแนะนั้นไม่มีความเป็นอิสระ ในความหมายของ KM เป็นการ....ขาดใจ...หรือไม่..Open mind..ที่เป็นไปเพื่อนำปัญหานั้นๆมาแก้ไขและพัฒนาองค์กร และปรับเป็นแผนกลยุทธ์ขององค์กร การขาดใจของบุคลากรในการมีส่วนร่วม ทำให้เกิดขบวนการพลาดการเรียนรู้ KM ....ทั้งๆที่จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการทำ ..KM..
....การเปิดใจ.....
จริงๆแล้วการยอมรับความบกพร่องและนำจุดนั้นๆมาแก้ไขเป็นสิ่งที่ดีและนำการพัฒนามาสู่องค์กร มีหลายหน่วยงานของรัฐเหมือนกันที่ประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กรได้ยาก
...มองใจให้เห็นใจ....มองทะลุใจ......
ผู้เขียนอยากจะให้ KM ในฝัน เป็นKM ที่มีการยอมรับความจริงว่า จุดไหนบ้างทีเราบกพร่อง จุดไหนบ้างที่เราแข็งแกร่ง โดยไม่มองข้ามความคิดเห็นบุคลากรในการมีส่วนร่วมและให้อิสระทางความคิด การยอมรับฟังความคิดเห็นจากบุคลากรซึ่งเป็นภาพจิกซอร์ที่สำคัญ ในภาพรวมทั้งองค์กรถ้าส่วนเล็กๆที่มีคุณภาพหลายๆจุดมารวมกันเป็นภาพรวมของ องค์กร คงจะทำให้องค์กรมีคุณภาพ เพราะว่าบุคลากรทั้งองค์กรสามารถ Open mind เปิดใจยอมรับและเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอย่างเต็มใจนั่นเอง.
.......ความสวยงามที่พบ..จากการเปิดใจ........
KM คืออะไรคะ บังเอิญผ่านมา สงสัยจัง
สวัสดีค่ะคุณsophia