"วันจัดเวทีต้องเป็นวันที่ชาวบ้านพร้อม...." (เวทีจัดการความรู้สู่ชุมชนอินทรีย์)


ผมไม่ได้รุกไล่หรอกครับ...แต่บอกชาวบ้านเวทีของโครงการหมดแล้วแต่เวทีของเรายังไม่จบ ครั้งหน้าผมจะนัดมาเพื่อจะทำเรื่องกลุ่มออมทรัพย์โดยเฉพาะ.... ให้กลับไปคิดทบทวนให้รอบคอบสักระยะหนึ่งก่อน...

"วันจัดเวทีต้องเป็นวันที่ชาวบ้านพร้อม...."  (เวทีจัดการความรู้สู่ชุมชนอินทรีย์)  

                       วันนี้วันอาทิตย์  ซึ่งเป็นวันหยุด แต่สำหรับเวทีชาวบ้านไม่มีวันหยุด  เพราะผู้ใหญ่นคร  รัตนพันธ์  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่  5  ตำบลไชยมนตรี  ได้นัดเวทีจัดการความรู้สู่ชุมชนอินทรีย์  เวลาบ่ายโมงของวันนี้.... 

                ผมไปถึงบ้านของผู้ใหญ่นคร  เวลา  12.30 น.  ซึ่งผู้ใหญ่กำลังง่วนอยู่กับการแจกหนังสือผู้มีสิทธิที่จะลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ...ผมก็นั่งคุยกับชาวบ้านเป็นเป็นการฆ่าเวลาและเพื่อรอคนที่ยังมาไม่ถึง... วันนี้มีผู้มาเข้าร่วมเวที 40  กว่าคนเพราะเป็นเวทีที่  4  ของหมู่ที่ 5  

                 ผมเริ่มกระบวนการเวทีวันนี้โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นกับโครงการและกระบวนการทำเวทีที่ผ่านมาทั้ง  3  เวที  ถึงประโยชน์ที่ชาวบ้านได้รับ... ซึ่งชาวบ้านแต่ละคนได้ผลัดกันเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงในครัวเรือนของตนเองที่เป็นไปในทางที่ดีขึ้น... จากสิ่งที่ได้ร่วมกันคิดร่วมกันทำ...  สำหรับคนที่เรียกความสนใจแก่ผู้เข้าร่วมเวทีวันนี้ คือ ป้าเนียน  ครับ...  ก็ป้าเนียน  เล่นหาบ ถั่วต้ม  เผือกต้ม  ขนมจาก  แถมยังมีถาดลูกชิ้นทอดอีก...เข้ามาสู่ที่ประชุมอย่างทุลักทุเล... ทุกคนถามเป็นเสียงเดียวกันว่าทำไมเพิ่งมา   ป้าเนียน  บอกว่ากำลังทำเศรษฐกิจพอเพียงอยู่  เสร็จแล้วก็หาบมาที่นี่แหละ... ให้ทุกคนช่วยซื้อหน่อย...  พร้อมกับหันมาทางผมพลางต่อว่า เห็นลงมาบอกให้คนอื่นทำเศรษฐกิจพอเพียงแต่วิทยากรไม่เห็นช่วยอะไรเลยเงินอะไรก็ไม่มี.... พี่ดำ  ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตอบแทนผมว่าใครบอกว่าไม่ช่วย... วิทยากรช่วยป้าเนียน  ทุกเวที   หากวิทยากรไม่มาแล้วของที่พามาป้าเนียนจะขายใคร  ทำเอาป้าเนียนเงียบไปเลยครับ.... 

                  หลังจากที่เราทบทวนบทเรียนเวทีที่ผ่านมาแล้ว....มาถึงเป้าหมายใหม่เรื่องของกลุ่มออมทรัพย์ที่ได้คุยกันเมื่อเวทีที่ผ่านมา.... จากการที่กลุ่มออมทรัพย์ของหมู่บ้านได้ล้มมา 3 ปีแล้ว... ผมได้ให้ผู้เข้าร่วมเวทีซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของกลุ่มออมทรัพย์ของหมู่บ้านได้เล่าประสบการณ์ของการเป็นสมาชิกของกลุ่มออมทรัพย์  และ ให้คนที่เป็นกรรมการกลุ่มเล่าประสบการณ์ วิธีการบริหารจัดการกลุ่มออมทรัพย์.... ซึ่งพอจะสรุปได้ว่ากลุ่มออมทรัพย์ของหมู่ที่ 2  ล้มเพราะการปล่อยกู้มากเกินกำลังของกลุ่ม  และที่ประการสำคัญสมาชิกขาดคุณธรรม  ไม่ส่งคืนเงินที่กู้ยืมไป  แต่สำหรับการล้มกลุ่มสมาชิกทุกคนไม่เดือดร้อนเพราะคณะกรรมการได้ร่วมกันชดใช้เงินคืนให้กับสมาชิกจนครบทุกคน....ซึ่งนับว่าคณะกรรมการกลุ่มมีความรับผิดชอบสูง.... 

                  ผมถามทุกคนว่าเสียดายหรือเปล่าที่กลุ่มออมทรัพย์ล้มไป  ทุกคนตอบว่าเสียดาย.... ผมถามต่อว่าอยากมีกลุ่มออมทรัพย์ใหม่หรือไม่ทุกคนที่มาร่วมกิจกรรมบอกว่าอยากมี.... ผู้ใหญ่นคร  ได้พูดถึงกลุ่มออมทรัพย์ที่บางสะพาน  หมู่ที่ 7  ตำบลบางจาก  ซึ่งมีการบริหารจัดการที่ดีถามผมว่าอาจารย์รู้บ้างหรือเปล่า  ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย... เป็นโอกาสครับ...  ผมเลยเล่าเกี่ยวกับกลุ่มออมทรัพบ์ของบ้านบางสะพานให้ผู้เข้าร่วมฟัง... โดยเฉพาะตอนที่ผมบอกว่าที่กลุ่มออมทรัพย์บ้านบางสะพาน ปันผลกำไรสิ้นปีให้กับสมาชิกแค่  7%   และส่วนที่เหลือใช้ในกิจกรรมของชุมชน และส่วนที่มากที่สุดคือเรื่องของสวัสดิการของสมาชิก.... คือการจัดสวัสดิการตั้งแต่ เกิด  แก่  เจ็บ  ตาย   หลังจากที่ผมคุยให้ฟังเป็นการปลุกพลังของผู้เข้าร่วมเวทีในวันนั้น...ในการที่จะจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ใหม่ที่จะไม่เน้นเรื่องการกู้ยืมแต่จะใช้ในเรื่องของการจัดสวัสดิการของสมาชิก...ผมไม่ได้รุกไล่หรอกครับ...แต่บอกชาวบ้านเวทีของโครงการหมดแล้วแต่เวทีของเรายังไม่จบ  ครั้งหน้าผมจะนัดมาเพื่อจะทำเรื่องกลุ่มออมทรัพย์โดยเฉพาะ.... ให้กลับไปคิดทบทวนให้รอบคอบสักระยะหนึ่งก่อน...ซึ่งผู้เข้าร่วมเวทีเห็นด้วยผมบอกกับผู้ใหญ่นคร ว่าพร้อมวันใหนก็จะประสานงานเปิดเวทีกันทันที.... 

                   ก่อนจบเวทีวันนี้ มีคนขอให้อธิบายเรื่องของการลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่  19  สค. 2550 นี้  ผมกับผู้ใหญ่นคร  ก็ผลัดกันอธิบายทำความเข้าใจกับผู้เข้าร่วมเวทีจนทุกคนหมดข้อสงสัย... ผู้ใหญ่ก็ปิดเวทีจัดการความรู้  สู่ชุมชนอินทรีย์  ส่วนเวทีที่จะมีต่อไป....เป็นสิ่งที่คุณอำนวยที่ปฏิบัติงานต้องทำงานเพื่อความต่อเนื่อง.... เพราะหากหยุดแค่เวทีนี้เป้าหมายชุมชนอินทรีย์อย่าหวังจะไปถึง...

หมายเลขบันทึก: 119116เขียนเมื่อ 12 สิงหาคม 2007 23:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มีนาคม 2012 14:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • ผมเห็นว่า การเข้าใจในธรรมชาติของสิ่งที่ทุกคนเรียนรู้   จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงความรู้   และ  ณ  จุดนั้นทุกคนจะเข้าใจ  เข้าถึง   การจัดการความรู้   ครับ  
  • เป็นกำลังใจ ให้เสมอ  ครับ 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท