วิธีคิดของ Euclid


ใน บทพิสูจน์ Prime Number มีไม่สิ้นสุดของ Euclid ได้กล่าวถึงวิธีจัดการของยูคลิดที่ดูเหมือนว่า น่าสนใจกว่าเรื่องของ prime number เองเสียอีก

นั่นคือ การแจกแจงความเป็นไปได้ทั้งหมด แล้วลองตามไปวิเคราะห์ทุกทางเลือกนั้นให้ถึงที่สุด

วิธีที่ฝรั่งเรียก game theory คงเป็นคำนิยามที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับกลยุทธที่ยูคลิดใช้

หรือมองให้ใกล้เคียงขึ้น คงเทียบได้กับ brute force algorithm ในการหนีออกจากเขาวงกต

คือ ยึดในกฎการเลี้ยวอย่างเคร่งครัด สำรวจไปทีละเส้นทาง เส้นทางไหนตัน ก็ถอยออกมาเริ่มต้นใหม่

ในขณะที่ วิธีคิดแบบนี้ ในพุทธศาสนา เรียก โยนิโสมนสิการ คือ คิดอย่างแยบคาย

ที่แยบคาย ก็เพราะเราอาจไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะบอกว่ากรณีไหน ที่จะเกิดขึ้นจริง แต่เราก็สามารถเลือกตัดสินใจโดยไม่ต้องสนใจเลยว่า ตกลงว่า ทางไหนมันจริงกันแน่

ลองมาดูตัวอย่างกันดีกว่าครับ

 

ตัวอย่างแรก การประกันชีวิต

เราทำประกัน เพราะเราไม่รู้ว่า สักวันหนึ่ง จะเกิดอะไรขึ้น

แต่ทั้งที่เราไม่รู้ เราก็ทำประกัน

คือถ้าเกิดเหตุ คนหลังเราก็ไม่เดือดร้อนว่าจะไม่มีที่พึ่ง

ถ้าไม่เกิดเหตุ เราเองก็เดือดร้อนไม่มาก เพราะเจียดรายได้ส่วนน้อยมาทำ

(นี่หมายถึงประกันความเสี่ยงทั่ว ๆ ไป ในฐานะของการป้องกันความเสี่ยง ไม่ได้รวมไปถึงคนที่ประกันโดยไปเชื่อว่าเป็นการเก็บออมนะครับ) 

 

ตัวอย่างที่สอง การตรวจร่างกาย

สมมติว่าผมมีอาการทางร่างกายหลายอย่างที่ส่อว่า ผมเป็นมะเร็ง

แล้วผมดันคิดเข้าข้างตัวเองว่า

"เมื่อไม่ตรวจ ก็ไม่เจอ

เมื่อไม่เจอ ก็ไม่เป็น"

ผลคือ เกิดการหนี ไม่ยอมตรวจ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตราบใดยังอยู่ในภาวะครึ่ง ๆ กลางนี้ จะเป็นภาวะที่สุขภาพจิตจะแย่ที่สุด สุขภาพใจหมดไปกับการการดิ้นรนหนีเสียหมด

คือถ้ารู้ไปเลยว่า เอาละ มะเร็งเป็นเรา หรือ เอาละ เราไม่เป็นมะเร็ง บางที สุขภาพจิตยังดีกว่า ต่อให้รู้แน่ ๆ ว่าเป็นก็เถอะ

คือถ้ารู้แน่ว่า เราไม่เป็น ก็จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่าน

หรือรู้แน่ ๆ ว่าเป็น ก็จะได้เลือกทำตามแนวทางของตัวเอง ไม่ว่าจะสู้ หรือจะยอมรับอย่างสงบ เรื่องจะได้จบ

 

ตัวอย่างที่สาม - ผู้วิเศษ

สมัยที่การทำสมาธิ เริ่มแพร่หลายเข้าไปในสหรัฐ มีกูรูทางจิตวิญญาณ ทั้งแบบของแท้ และของปลอม ทะลักเข้าสหรัฐกันเกลื่อนเมือง ใคร ๆ ก็แห่ไปสังกัดเป็นสาวก ไม่งั้น ไม่ "อิน-เทรนด์"

(ไทยก็ตามกระแสเป็นพัก ๆ แม้จนปัจจุบัน) 

มีรายหนึ่ง มีสาวกมาก มีอิทธิฤทธิ์ถึงขั้น เสกธนบัตรใหม่เอี่ยมออกจากอากาศ

มีคนที่จ้องจัดการ (ไม่รู้คู่แข่งทางแคบหรือเปล่า ?) เสนอว่า จับเลย !

เหตุผลหรือครับ ?

"ถ้าธนบัตรนั่นเป็นของปลอม จับด้วยข้อหาลวงโลก

ถ้าธนบัตรนั่นเป็นของจริง และ

ประการแรก ไม่มีใครเป็นเจ้าของ การผลิตธนบัตรแข่งกับรัฐบาลถือเป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

ประการที่สอง หากมีคนเป็นเจ้าของ ก็ต้องถือว่าเป็นการโจรกรรม" 

เสียดายอยู่หน่อย ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จบลงอย่างไร

บ้านเราผมว่า มีผู้วิเศษทำนองนี้เหมือนกัน แต่เราต้องไปไปหย่อนบัตรเลือก ถึงจะยอมมา !

 

 

ตัวอย่างที่สี่ - โลกหน้ามีจริงไหม

อ่านจากที่พระสอนอีกที ว่าพระพุทธเจ้าสอนให้วางท่าทีที่เหมาะสมกับเรื่องนี้

แต่ต้องทำตัวให้เป็น คือ มีวิถีชีวิตที่...

หากโลกหน้าไม่มีจริง อยู่อย่างนั้น ตอนนี้ก็ได้ประโยชน์

หากโลกหน้ามีจริง อยู่อย่างนั้น ได้ประโยชน์ กับทั้งโลกนี้และโลกหน้าด้วย 

 

ตัวอย่างที่ห้า - อย่าหัวเราะเยาะคนแก่

ตอนที่ผมสายตายาวยังเปลี่ยนรายวัน (บางวันยาว บางวันไม่ยาว) ผมไม่ใส่แว่น แต่เมื่อต้องเพ่งหน้าจอสอน ต้องหยิบแว่นมาใส่ นักศึกษาก็จะหัวเราะคิกคัก แซวคนแก่ใส่แว่น

ผมก็จะปรามไว้ บอกเนิบนาบ เบรคแบบนิ่ม ๆ ให้รู้จักสำรวมกิริยา อย่าเพิ่งรีบหัวเราะเยาะไป..

"อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า คุณก็จะมีทางเดินได้สองแบบเท่านั้น...

หนึ่ง คือคุณแก่เหมือนผมตอนนี้

สอง คือคุณไม่มีโอกาสได้แก่เหมือนผมตอนนี้"

(แปลว่า จะไม่ได้แก่ตาย) 

 

 

หมายเลขบันทึก: 118949เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2007 21:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 17:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า คุณก็จะมีทางเดินได้สองแบบเท่านั้น...

หนึ่ง คือคุณแก่เหมือนผมตอนนี้ ดีได้เท่ห์

สอง คือคุณไม่มีโอกาสได้แก่เหมือนผมตอนนี้ ดีไปก่อนถึงก่อน ได้พักก่อน

กลัวไปไย(จริง ๆ หวาด ค่ะ)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท