เด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน
เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน หมายถึงเด็กหูหนวก และ
เด็กหูตึงเด็กหูหนวก เป็นเด็กที่สามารถได้ยินเสียงคนพูดน้อยมาก
ใช้เครื่องช่วยฟังก็ไม่ได้ผล
ซึ่งเด็กหูตึงเป็นเด็กที่สามารถได้ยินเสียงพูดบ้าง
แต่ต้องใช้เครื่องช่วยฟัง ช่วยขยายเสียงให้ชัดเจนขึ้น
สาเหตุที่ทำให้หูพิการมาตั้งแต่เด็ก
ขณะที่แม่ตั้งครรภ์อาจได้รับเชื้อ ไวรัสหัดเยอรมัน
เยื้อหุ้มสมองอักเสบ และซิฟิลิส
ขณะที่แม่ตั้งครรภ์อาจได้รับสารหรือยาที่เป็นอันตราย
กรรมพันธุ์
เด็กขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ในขณะทำคลอด
เด็กที่ต้องคลอดก่อนกำหนด
ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าเด็กมีความพิการทางหู
จากคำแนะนำของคุณหมอเด็ก จากโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
กล่าวว่า ถ้าอยากจะรู้ว่าเด็กคนนั้นมีความผิดปกติทางหูหรือไม่นั้น
ต้องอาศัยการตรวจอย่างละเอียด อย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1
ขวบ
ซึ่งการตรวจเช็คนั้นจะมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้คุณหมอทราบว่าเด็กคนนั้นมีความพิการทางหูหรือไม่
แต่คุณแม่สามารถสังเกตุจากพัฒนาการการได้ยินเสียงของลูกได้ คือ
เด็กตั้งแต่แรกเกิด เมื่อได้ยินเสียงดัง เค้าจะผวา อายุ 5 เดือน
เค้าก็จะพยายามเปล่งเสียง อ้อ แอ้ เพื่อตอบสนองเวลาเราพูดด้วย และอายุ
9 เดือน ลูกจะพยายามหันมองตามเสียงที่เราเรียก ดังนั้น
คุณแม่ควรเฝ้าดูและช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางการฟังของลูกน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรพาลูกไปรับวัคซีนและพบคุณหมออย่างสม่ำเสมอ
วิธีการที่จะช่วยเด็กที่มีความพิการทางหู
มี 2
วิธี
การฝึกฟัง
จะช่วยพัฒนาทักษะในการใช้ประสาทสัมผัส
ในส่วนของการได้ยินเสียงที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
อุปกรณ์ที่มีวามสำคัญมากที่สุดในการฝึกฟัง คือ เครื่องช่วยฟัง
ซึ่งจะทำหน้าที่ขยายเสียงให้ดังขึ้น
โดยมีปุ่มสามารถปรับเสียงดังค่อยได้ตามความต้องการ มีอยู่ 4 ประเภท
แล้วแต่ความถนัดของผู้ใช้ คือ
เครื่องช่วยฟังแบบใส่ในรูหู เครื่องช่วยฟังแบบทัดหู
เครื่องช่วยฟังแบบติดกระเป๋าเสื้อ เครื่องช่วยฟังแบบแว่นตา
การฝึกพูด
เพื่อส่งเสริมให้เด็กเข้าใจในภาษาพูด
และสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้
สถานศึกษาสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางหู
โรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ เขตดินแดง กรุงเทพฯ โทร 245-1700 ,
642-8065 , 245-0448
โรงเรียนเศรษฐเสถียร ราชวัตร เขตดุสิต กรุงเทพฯ โทร 241-4738 โทรสาร
241-4455
โรงเรียนโสตศึกษาทุ่งมหาเมฆ สาทร กรุงเทพฯ โทร 285-5618 , 286-0733
โทรสาร 286-6129
โรงเรียนโสตศึกษา
จ.นนทบุรี บางบัวทอง โทร 571-7052 โทรสาร 571-0336
โรงเรียนที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นโรงเรียนสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องในการได้ยินโดยเฉพาะ
มีชั้นเรียนตั้งแต่ เด็กเล็ก - ม.6
จะได้รับการฝึกฝนให้สามารถสื่อสารกับคนทั่วไปได้ ขณะนี้
มีโรงเรียนหลายแห่งได้เปิดรับเด็กที่มีความบกพร่องในการได้ยิน
เข้าเรียนร่วมกับนักเรียนปกติ ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลลอออุทิศ
โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ
ความรู้ทั่วไปสำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
ประวัติความเป็นมาด้านการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
การศึกษาสำหรับเด็กหูหนวกในประเทศไทย เริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2494 โดย
ม.ร.ว.เสริมศรี เกษมศรี ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยกอลอเดท
(Gallaudet College) วิทยาลัยทางศิลปศาสตร์แห่งแรก
และแห่งเดียวสำหรับคนหูหนวก
ได้เปิดหน่วยทดลองสอนคนหูหนวกขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนวัดโสมนัส
การสอนคนหูหนวกในตอนนั้นเป็นการสอนพูดโดยใช้ท่าภาษามือประกอบ
ต่อมาคุณหญิงกมลา ไกรฤกษ์
ได้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยเดียวกันมาเป็นครูใหญ่โรงเรียนสอนคนหูหนวกดุสิต
(ปัจจุบันคือโรงเรียนเศรษฐเสถียร)
ได้รวบรวมภาษามือขึ้นเป็นหนังสือภาษามือไทยขึ้น
เพื่อใช้สอนคนหูหนวกในประเทศไทย
โดยให้มีการสอนพูดรวมกับการใช้ภาษามือและการสะกดนิ้วมือร่วมกับการอ่านและการเขียนตามปกติ
ปัจจุบันการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินในประเทศไทย
มี 2 แบบคือ
1. การจัดการศึกษาพิเศษ ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
ตั้งแต่ระดับชันเด็กเล็ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
ใช้หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
โดยมีการปรับปรุงให้เหมาะสมเพียงเล็กน้อย
2. จัดการเรียนร่วมกับคนปกติ
จัดให้เข้าเรียนในโรงเรียนเดียวกับเด็กปกติ
โดยมีครูพิเศษช่วยเหลือในด้านภาษาและการสื่อสาร
ความหมายของบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
หมายถึง บุคคลที่บุคคลที่สูญเสียการได้ยิน
การรับฟังเสียงต่างๆบกพร่องไม่ได้ยิน เสียงเหมือนเด็กปกติ
อาจจะเป็นเด็กหูตึงหรือเด็กหูหนาวก็ได้ (ผดุง อารยะวิญญู.2539)
บุคคลที่ความบกพร่องทางการได้ยิน
(Hearing Impaired Children)
หมายถึงบุคคลที่สูญเสียการได้ยินตั้งแต่ระดับรุนแรงจนถึงระดับน้อย
(ศรียา นิยมธรรม.2541)
บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยินหมายถึงบุคคลที่มีความสามารถในการรับฟังเสียง
ต่าง ๆ บกพร่องหรือสูญเสียไปเป็นเหตุให้ได้ยินเสียงต่าง ๆ ไม่ชัดเจน
ในกรณีที่สูญเสียการได้ยินเพียงเล็กน้อย เรียกว่า หูตึง
และไม่ได้ยินเสียงพูดในกรณี
ที่สูญเสียการได้ยินมาก เรียกว่า หูหนวก (ปรีดา
จันทรุเบกษา.2525)
ประเภทของบุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เด็กหูหนวก หมายถึง
เด็กที่สูญเสียการได้ยิน 90 เดซิเบลขึ้นไป วัดด้วยเสียงบริสุทธิ์ ณ
ความถี่ 500,1000 และ2,000เฮิร์ท ในหูข้างที่ดีกว่า
เด็กไม่สามารถใช้การได้ยินให้เป็นประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
อาจเป็นผู้ที่สูนเสียการได้ยินมาแต่กำเนิดหรือสูญเสียการได้ยินภายหลังก็ตาม
เด็กหูตึง หมายถึง
เด็กที่สูญเสียการได้ยินระหว่าง 26-89 เดซิเบล วัดด้วยเสียงบริสุทธิ์
ณ ความถี่ 500,1000 และ2,000เฮิร์ท
เป็นเด็กที่สูญเสียการได้ยินเล็กน้อยไปจนถึงการ
สูญเสียการได้ยินขั้นรุนแรง ระดับการได้ยิน
ระดับที่ 1 หูปกติ (ไม่เกิน 25
เดซิเบล)
ได้ยินเสียงพูดกระซิบเบา
ๆ
ระดับที่ 2 หูตึงเล็กน้อย (26-40
เดซิเบล)
ไม่ได้ยินเสียงพูดเบา
ๆ แต่ได้ยินเสียงพูดปกติ อาจใช้เครื่องช่วยฟังบางโอกาส เช่น
เรียนหนังสือ
ระดับที่ 3 หูตึงปานกลาง (41-55
เดซิเบล)
ไม่ได้ยินเสียงปกติ
ต้องพูดดังกว่าปกติจึงจะได้ยิน
จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยฟังขณะพูดคุย
ระดับที่ 4 หูตึงมาก (56-70
เดซิเบล)
พูดเสียงดังแล้วยังไม่ได้ยิน
จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยฟังตลอดเวลา
ระดับที่ 5 หูตึงรุนแรง (71-90
เดซิเบล)
ต้องตะโกนหรือใช้เครื่องขยายเสียงจึงจะได้ยิน
แต่ได้ยินไม่ชัด
ระดับที่ 6 หูหนวก (91
เดซิเบลขึ้นไป)
ตะโกนหรือใช้เครื่องขยายเสียงแล้วยังไม่ได้ยิน
และไม่เข้าใจความหมาย
กระบวนการแบบสองภาษา
กระบวนการแบบสองภาษา
เป็นการจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งสำหรับเด็กหูหนวก ทำการสอนโดยครู
2 คน คือ ครูหูหนวก และครูที่มีการ ได้ยิน
โดยครูหูหนวกจะเป็นแบบอย่างของการใช้ภาษามือ
เป็นผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์
วิถีชีวิตของคนหูหนวกให้กับเด็กหูหนวก
และครูที่มีการได้ยินจะเป็นแบบอย่างของการใช้ภาษาไทย ทั้งการเขียน
การอ่าน และการพูด โดยเด็กหูหนวกจะต้องเรียนภาษามือที่สอนโดยครูหูหนวก
เป็นภาษาแรกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
จนเด็กสามารถใช้ภาษามือได้อย่างดี
และเรียนรู้ภาษาไทยเป็นภาษาที่สองโดยครูที่มีการได้ยิน
ซึ่งการสอนภาษาโดยใช้วิธีการสอนแบบภาษาที่สอง
โดยใช้ภาษามือไทยเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ภาษาไทย
การสอนภาษาไทยจะสอนจากการเขียน การอ่าน หรือการพูด
ขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละคน สำหรับเด็กโต บางวิชาอาจจะสอนด้วยภาษามือ
โดยครูหูหนวก เช่น วิชา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคม โดยใช้เทคนิค
การสอนที่ตอบสนองความต้องการและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนหูหนวก