ผมได้มีโอกาส..อีกแล้ว.ที่ได้รับประสบการณ์ดีๆ ในการเข้าร่วมกิจกรรม KM แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกๆครั้งที่ผ่านมา คือเป็น KM ที่เกิดขึ้นระหว่างชาวบ้าน ชาวนา เกษตรกร ชาวพิจิตร กับนักวิชาการระดับศาสตราจารย์ ที่เป็นที่รู้จักระดับประเทศกว่า 10 ท่าน จาก สกว. บรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างชาวบ้านกับนักวิชาการเป็นไปอย่างออกรสออกชาด แต่มีความเป็นกัลยาณมิตรมากๆ เช่นกัน ผมทึ่งมาก กับการสำเร็จของการใช้ KM กับเครือข่ายเกษตรกรในจังหวัดพิจิตร เพราะกิจกรรม KM นี้เอง ทำให้เกิด COP ขึ้นหลายๆ กลุ่มด้วยกัน เช่น COP ข้าว ,COP ผัก,COP ไร่นาสวนผสม,COP โรงเรียนทายาทเกษตรกร เป็นต้น ซึ่งแต่ละ COP มีความเข้มแข็ง และมีกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมชัดเจน น่านำมาเป็นแบบอย่าง "ผมยังตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมการตั้ง COP ของโดยชาวบ้านมันถึงง่าย และเข้มแข็ง กว่าการตั้ง COP ของบุคลากรในมหาวิทยาลัยหลายเท่านัก?" เราคงต้องค้นหาคำตอบต่อไป แต่ที่ผมจะนำมาฝากในวันนี้ คือ "คำขวัญ" หรือ ข้อคิดดีๆ ที่ชาวบ้านเขาคิดขึ้นเอง และถูกใจผมมากๆ อาทิเช่น
"คนเราก็ไม่ได้กินเหล้ามาตั้งแต่เกิด แล้วทำไมเราจะเลิกมันไม่ได้" เป็นข้อคิดจากลุงสมนึก (ถ้าผมจำชื่อคุณลุงไม่ผิด) ผู้ซึ่งติดเหล้ามาเป็นเวลา 22 ปี แล้วตัดสินใจเลิกเหล้า เพื่อในหลวง และเพื่อชีวิตใหม่ของตนเอง "ผมเกรงใจในหลวง ถ้าไม่สามารถเป็นคนดีได้" ก็เป็นข้อคิดหนึ่งที่ออกมาจากปากของ ลุงสมนึก
"เกษตรรวมมิตร ลูกหลานจะไม่เลี้ยง ก็อยู่รอด" เป็นข้อคิดของการทำไร่นาสวนผสมของคุณลุงณรงค์ ผู้ซึ่งมีแนวความคิดว่า การทำไร่นาสวนผสม โดยการปลูกไม้ผลยืนต้นจะสามารถเลี้ยงชีวิตลุงได้ตลอดชีวิต แม้ลูกหลานจะไม่เลี้ยงก็ตาม เพราะท้ายสุดแล้วมันก็ยังออกดอก ออกผลให้เราขายได้ หรือถ้าไม่มีดอกผลแล้วก็ยังขายต้นมันได้
"กินผักคุณกิจ ชีวิตปลอดภัย" เป็นคำขวัญของ COP ผัก โดยคุณวิสันต์ ทองเต่ามก ซึ่งทำสวนผักปลอดสารพิษ โดยความร่วมมือร่วมใจของกลุ่มเกษตรกร ผ่านกิจกรรม KM ของกลุ่ม
ผมหวังว่า คำขวัญ หรือข้อคิดที่ผมนำมาเล่าให้ฟังจะเป็นประโยชน์ หรือให้ข้อคิดดีๆ กับท่านบ้าง ไม่มากก็น้อย สำหรับผม ผมทึ่งกับข้อคิดที่เกิดจากปราชญ์ชาวบ้านเหล่านี้มากๆ..นับถือครับ..